บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
MTI Oppday สรุปประเด็นสำคัญจากผู้บริหาร ไตรมาส 1 ปี 2568
P/E 8.62 YIELD 5.23 ราคา 15.30 (0.00%)
MTI Oppday สรุปประเด็นสำคัญจากผู้บริหาร ไตรมาส 1 ปี 2568
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**การนำมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับใหม่ (TFRS 17) มาใช้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ส่งผลให้ต้องรายงานงบการเงินตามมาตรฐานใหม่นี้
การเติบโตของ Direct Premium อยู่ที่ 5.4% และ Insurance Service Revenue เติบโต 4.6%
บริษัทอยู่ในอันดับที่ 4 ของอุตสาหกรรม มี Market Share ประมาณ 7.2%
อัตราส่วนสินไหม (Claim Ratio) ปรับตัวดีขึ้นจาก 55.2% ในปี 2567 เป็น 54.9% ในปี 2568
การจัดการโครงสร้างประกันภัยต่อเป็นสิ่งสำคัญในการรองรับความผันผวน โดยเฉพาะผลกระทบจากสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change)
บริษัทมุ่งมั่นในเรื่อง Sustainability และต้องการสร้าง Sustainability Profit โดยเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและให้ความสำคัญกับ ESG
การกระจายผลิตภัณฑ์และช่องทางที่เหมาะสม รวมถึงการทำ R&D และนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
โอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า (Electronic Car) การใช้ Solar และการเลี้ยงสัตว์
ความเสี่ยงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าสินไหมทดแทน
ความท้าทายในการจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญาประกันภัย ภายใต้มาตรฐาน TFRS 17
การนำแนวทางการบริหารจัดการ Operation ต่างๆ มาใช้ รวมถึงการใช้ RPA และ AI
การจัดการโครงสร้างประกันภัยต่อเพื่อรองรับความผันผวนจากภัยพิบัติ
การนำเสนอข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากขึ้นตามมาตรฐาน TFRS 17
การทำธุรกิจแบบ Stand Alone โดยดูจาก Insurance Service Revenue และ Insurance Service Expense
การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสถานการณ์ปัจจุบัน
-
TFRS 17 ดีกับเรามากน้อยแค่ไหน
TFRS 17 ทำให้งบการเงินเป็นสากลมากขึ้น แต่ผลลัพธ์อาจไม่แน่นอน ต้องมองถึงเรื่องของระยะเวลา, สมมติฐาน, อัตราคิดลด, ค่าความเสี่ยง, และความเชื่อมั่นในการนำเสนอข้อมูล
-
Loss Ratio แบบใหม่ต้องคำนวณอย่างไร
ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการคำนวณ แต่ต้องพิจารณาแยกผลประกอบการของสัญญาประกันภัยที่ออก (Gross) กับสัญญาประกันภัยต่อที่ถือไว้ (Reinsurance)
-
Combine Ratio แตกต่างด้วยหรือไม่
Combine Ratio แบบ Net on Net ใช้ข้อมูลจาก Insurance Service Expense และ Reinsurance Service Result หารด้วย Insurance Service Revenue
-
มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยสำคัญคือ Acquisition Cost ซึ่งสามารถ Defer ได้ และรับรู้ตามระยะเวลาคุ้มครองของกรมธรรม์
-
ค่าสินไหมจากแผ่นดินไหวบันทึกในไตรมาส 1 แล้วหรือยัง
มีการนำประมาณการค่าสินไหมจากแผ่นดินไหวเข้าไปในงบการเงินไตรมาส 1 แล้ว
-
ผลการดำเนินงานของประกันภัยรถยนต์ในไตรมาส 1 เป็นอย่างไร
ธุรกิจรถยนต์มี Performance ที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากการควบคุม Loss Ratio ได้ดี
-
บริษัทได้ทำตามมาตรฐาน TFRS 17 มาปรับใช้กับการรายงานปี 67 ด้วยหรือไม่
ยังใช้มาตรฐาน 4 ชุดเดิมในงบการเงินปี 67 และจะใช้ TFRS 17 ในงบไตรมาส 1 ของปีปัจจุบัน โดยมีการเปรียบเทียบกับงบที่ Restate ตาม TFRS 17
-
มาตรฐานบัญชีใหม่กระทบต่อ Car Ratio หรือไม่
ผลกระทบหลักอยู่ที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขาย โดยใช้วิธี Defer Acquisition Cost และมีการทดสอบสมมติฐานต่างๆ แต่ Car Ratio ยังอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
-
จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายจ่ายปันผลหรือไม่
นโยบายการจ่ายปันผลไม่ได้กำหนดอัตราส่วนตายตัว และพิจารณาจากผลกำไรเป็นหลัก ส่วนนโยบายการลงทุนยังคงสอดคล้องตามเดิม โดยมีการปรับเปลี่ยนการจัดกลุ่มเงินลงทุนตาม TFRS 9 แต่ไม่กระทบมากนัก
โดยสรุป เมืองไทยประกันภัยยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีการปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ และพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น