บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
ORI สรุปผลประกอบการ Q1/2568 พร้อมลุยธุรกิจอสังหาฯ และท่องเที่ยวเต็มสูบ!
P/E 13.94 YIELD 1.06 ราคา 1.98 (0.00%)
ORI สรุปผลประกอบการ Q1/2568 พร้อมลุยธุรกิจอสังหาฯ และท่องเที่ยวเต็มสูบ!
สวัสดีครับ ท่านนักลงทุนทุกท่าน วันนี้ Origin Property จะมานำเสนอผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 โดยสรุปภาพรวมธุรกิจและไฮไลท์สำคัญดังนี้
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ภาพรวมธุรกิจของ Origin Group แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก:
- ธุรกิจคอนโดมิเนียมและ Housing: มีโครงการทั้งหมด 123 โครงการ มูลค่าโครงการ 288,000 ล้านบาท
- ธุรกิจ Holding: ดูภาพรวมโครงการในกลุ่มทั้งหมด ทั้งคอนโดมิเนียม, Housing และโรงแรม รวม 205 โครงการ มูลค่ารวม 300,000 ล้านบาท
- ธุรกิจ Business: มีโครงการทั้งหมด 52 โครงการ มูลค่า 67,000 ล้านบาท
- ธุรกิจ Service: ให้บริการทั้ง Pre-living, Living และ After-living ดูแลทั้งหมด 229 โครงการ
- ธุรกิจ Hotel: แบ่งเป็นกลุ่ม Hotel, Retail และ Office Space มีโครงการที่แล้วเสร็จพร้อม Operate รวม 12 โครงการ จำนวนคีย์ประมาณ 3,000 คีย์ มูลค่า Lead Value ประมาณ 15,000 ล้านบาท
ด้าน Alpha เป็นการร่วมทุนกับทาง SJWD มีโครงการที่พัฒนาตามไกด์ไลน์ จำนวน 12 โครงการ พื้นที่ 410,000 ตารางเมตร ปัจจุบัน Operate แล้ว 7 โครงการ พื้นที่ 286,000 ตารางเมตร
ไฮไลท์ไตรมาส 1 ปี 2568
- ยอดขาย Pre-sale: ประมาณ 8,000 ล้านบาท (คอนโดมิเนียม 6,860 ล้านบาท, บ้าน 1,167 ล้านบาท)
- ยอด Transfer: ประมาณ 3,500 ล้านบาท (โครงการ JV 2,500 ล้านบาท, Top Line 1,000 ล้านบาท)
ในไตรมาส 1 มีโครงการ JV เสร็จใหม่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งสะสมมาจากปลายปี 2567 ทำให้สัดส่วนการโอนในโครงการ JV เยอะกว่า
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี Take Up Rate ของ Portfolio ในภูเก็ตประมาณ 80% และได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้ยังมีแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมและ Housing
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงด้านสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทมีมาตรการรับมือกับความเสี่ยง โดยเน้นการลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น ลดการเปิดตัวโครงการใหม่ และพยายามระบาย Stock ที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทมีเป้าหมายที่จะรักษายอดขายและผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมี Backlog รองรับรายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้าประมาณ 45,000 ล้านบาท ในปี 2568 คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (IBD/E) ลงเหลือ 1.4 ในปี 2568 และ 1.2 ในปี 2569
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 35.44]
-
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2568 เป็นอย่างไร?
จะเริ่มมีโครงการที่โอนเป็น Top Line มากขึ้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 และมี JV ที่แล้วเสร็จรอรับรู้รายได้ในไตรมาส 2
-
ไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะมียอดจองเท่าไหร่?
การเปิดโครงการใหม่ไม่ค่อยเยอะ คาดว่า Pre-sale น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1 (ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท)
-
ภาพรวมทั้งปี 2568 ยังคงเป็นเป้าหมายเดิมหรือไม่?
ยังคงเป็นเป้าหมายเดิมที่เคยประกาศไว้
-
Backlog ปัจจุบันมีเท่าไหร่?
ประมาณ 45,000 ล้านบาท และรอรับรู้รายได้ทั้งปี 2568, ปีหน้า และอีก 4 ปีข้างหน้า
-
ในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว มีแผนรับมืออย่างไร?
มี Conservative Investment มากขึ้น ลดการเปิดตัวโครงการใหม่ เหลือประมาณ 20,000 ล้านบาท และพยายามย่อย Stock มากกว่า
-
มีตัว Undrawn Credit ณ สิ้นไตรมาส 1 เท่าไหร่?
มีเหลือประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นก้อนที่วงเงินหมดแล้ว ทยอยเบิกวงเงินตามแผน
-
แผนการชำระเงินหุ้นกู้ในรอบเดือนกันยายนที่จะถึง (1,900 ล้านบาท) มีการเตรียมการอย่างไร?
มีการเตรียมการล่วงหน้า ตัวในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีการชำระคืนหุ้นกู้ได้ครบตามแผน มีแผนที่เตรียมไว้ตั้งแต่ไตรมาส 1 มีการ เตรียมสภาพคล่องไว้ มี Bridging ที่ดินต่างๆ มี Interim Finance รองรับกรณีตลาดหุ้นกู้ยังไม่กลับมาเป็นปกติ
-
Average Cost ในการกู้?
ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4 ปลายๆ (4.8-4.9%) เพราะว่าเดิมมีตัว Fix ของ Bond อยู่ ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มดอกเบี้ยเริ่มลดลง
-
รายการ Cash ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากกิจกรรมใดบ้าง?
Cash Flow From Operation บวกกับตัวที่สำรองไว้สำหรับเตรียมจ่าย Bond รอบเมษายน
-
GP แต่ละ Product อยู่ที่เท่าไหร่? Q ถัดไปจะดีขึ้นหรือไม่?
มีองค์ประกอบ 2 ตัวคือ นอน JV (คอนโดและ Housing) คอนโด นอน JV ในไตรมาสนี้จะเป็นโครงการที่ค่อยๆทยอยโอนมาต่อเนือง
-
GP จะกลับมาดีขึ้นเนื่องจากอะไร?
เพราะในไตรมาสสองจะมีโครงการเสร็จใหม่ที่เป็นนอน JV คือ The Hamptons Suite Rayong และ Origin Plug and Play ศรีลวด ซึ่งมี GP สูง (38% ขึ้นไป)
-
แผงการซื้อที่ดิน วางงบซื้อที่ดินเท่าไหร่?
มีที่ดินแล้วสำหรับพัฒนาประมาณ 2 ปีครึ่ง ปีนี้ปีหน้ายังไม่ได้มีเพิ่ม มีแค่โครงการที่จะต้องโอนตามสัญญาต่างๆ
-
Park Origin ทองหล่อ ขายโอนหมดไปหรือยัง? หลังแผ่นดินไหว ยอดขายโอนเป็นอย่างไรบ้าง?
กำลัง Recover กลับมา เดิมในช่วงเมษายน (ช่วงหลังเกิดแผ่นดินไหว) ได้เข้าไปช่วยดูแลลูกบ้านทั้งหมด อาจมีข่าวที่เกิดขึ้น แต่โครงสร้างไม่ได้เป็นอะไร เป็นแค่งานสถาปัตย์ที่กระเทาะ
-
เหตุใด Q1 จึงไม่มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน?
ทำตามเงื่อนไข Condition ในการร่วมทุน ซึ่งทาง Auditor มองว่าเมื่อถึงครบตามเงื่อนไขในการร่วมทุน จะได้รับรู้กำไรในตัวนี้ไป ซึ่งเป็นรอบไตรมาส 2 อาจมีการเซ็นสัญญาไปก่อนแต่มี Condition Precedent เพิ่มเติม
-
Backlog 45,000 ล้านบาท โอนปีนี้เท่าไหร่?
ประมาณ 15,000 ล้านบาท
-
ยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่กี่เปอร์เซ็นต์?
Overall ประมาณ 15% ถ้าดูเป็นโครงการ Non JV หรือโครงการบ้านที่ไม่ได้มีการจ่ายชำระจองทำสัญญาดาวน์มาก่อน จะอยู่ประมาณ 30%
-
คาดว่าจะกลับมาจ่ายปันผลครึ่งปีหลังได้ไหม?
คงค่อยๆพิจารณาและทยอยจ่ายตามผลประกอบการและดูสภาพคล่องโดยรวมในตลาดก่อน
-
ช่วงครึ่งปีหลังเป็นด้านการขายโรงแรมและคลังสินค้าเข้า REIT?
ยัง Target เหมือนเดิม ที่จะขายโรงแรมและคลังสินค้า คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า
โดยรวมแล้ว Origin Property ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน