บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KCG โชว์ผลงาน Q1/2568 สุดปัง! โตต่อเนื่อง Double Digit พร้อมลุยขยายตลาดฮาลาล
P/E 9.22 YIELD 5.13 ราคา 8.00 (0.00%)
KCG โชว์ผลงาน Q1/2568 สุดปัง! โตต่อเนื่อง Double Digit พร้อมลุยขยายตลาดฮาลาล
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ KCG Corporation ในส่วนของ session วันนี้จะเป็น Opportunity Day ของไตรมาส 1/2568 ค่ะ วันนี้ดิฉันขอแนะนำผู้ที่จะมาร่วมให้ข้อมูลวันนี้ ท่านแรก คุณทวัต ธีรานุสรณ์กิจ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานสนับสนุนค่ะ
สวัสดีครับ
ท่านที่ 2 คุณดนัย คาลัสซี รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานปฏิบัติการค่ะ
สวัสดีครับ
ดิฉันกนกวรรณ รัฐศรีมณีศิริ CFO นะคะ งั้นเราอาจจะเริ่มตัว Presentation นะคะ
ตัวหน้าแรกจะเป็น Quarter 1/2568 นะคะ ตัว Highlight ของ Quarter 1 นะคะ จะเห็นภาพว่า Performance ของ Quarter 1 เราออกมาค่อนข้างดีมาก โดยยอดขายเราเป็น Double Digit Growth โดยมีการเติบโตอยู่ที่ 14.1% เทียบกับ Quarter 1 ปีที่แล้ว ทั้งนี้เราได้ตัว Double Digit Growth นี้ติดต่อกันมาตั้งแต่ Quarter 4 ปีที่แล้ว ในส่วนของ Gross Profit Margin ตรงนี้ก็ improve ขึ้นมา โดย Quarter 1 จบอยู่ที่ 31.1 ถ้าเทียบกับ Quarter 1 ปีที่แล้วอยู่ที่ 30.5 อันนี้ก็ค่อนข้างตัวเลขดี ในส่วนของ selling admin expense ถ้าเทียบเป็น percent to sale ตรงนี้เราก็ perform ได้ดี โดยมีอัตราส่วน 23.3% to sale อันนี้ก็ลดลงจาก 24.1 ของปีที่แล้ว
เนื่องจาก Performance เราค่อนข้างดีมาก เราก็เลยมีการมีเงินจาก Operation เนี่ยค่อนข้างเยอะแล้วเราก็มีการลดคืนเงินกู้ธนาคารไปอยู่ที่ 295 ล้านบาท ทำให้เงินกู้นะคะ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,228.1 ล้านบาท ถ้าเทียบกับ Quarter 1 ปีที่แล้ว
อีก Point หนึ่งก็คือเรื่องของบริษัท เรามีการสนับสนุนเรื่องของ Innovation โดยเราได้ประสบความสำเร็จในการจัด Innovation contest อีกปีหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวคุณทอสจะมาลง Detail ในส่วนนี้อีกครั้งหนึ่ง
เรื่องสุดท้ายที่จะเป็น Highlight นะคะ ก็คือเราเพิ่งจะได้รับ certification นะคะเรื่องของตัว Halal ที่อินโดนีเซียมา ซึ่งตรงนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้เราสามารถขยายตลาด การที่จะนำสินค้าเราเข้าไปขายในประเทศอินโดนีเซีย
อันนี้จะเป็น Performance นะคะ ก็ Quarter 1 ตรงนี้เรา favorable หมดในทุกๆ เรื่องนะคะ โดย Quarter 1 ยอดขายอยู่ที่ 2,036.5 ล้านบาท ก็อย่างที่แจ้งแล้วก็คือเติบโตเพิ่มขึ้น 14.1% เทียบกับปีที่แล้ว ตัว Gross Profit Margin อยู่ที่ 31.1 นะคะ เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5% ถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ 30.5
ส่วนตัวของตัวยอดขาย เอ่อ SG&A นะคะ อยู่ที่ 23.3 นะคะ อันนี้ก็ลดลง 0.8% นะคะ ถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ 24.1 นะคะ รวมถึงทุกๆ เรื่องที่ทำให้ตัวเลขออกมาดีมาก ตัวกำไรเราก็เลยจบอยู่ที่ 122.2 นะคะ อันนี้ก็เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 70.6% ถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ 71.6 นะคะ อันนี้ก็ favorable หมดทุกๆ เรื่องนะคะ
ภาพของ Sale Structure นะคะ ตัวบริษัทเองนะคะ เรามีการแบ่งการขายสินค้า ออกเป็น category 3 กลุ่มนะคะ ได้แก่ตัว กลุ่มวงกลมด้านซ้ายมือสุดนะคะ ก็จะเห็นว่าตัว Dairy Product เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 60.1% นะคะ แล้วก็มี FBI นะคะ Food and Bakery Ingredient นะคะ อันนี้อยู่ที่ 31.1% แล้วก็บิสกิตอยู่ที่ประมาณ 8.8% ในส่วนของตัว Channel การขายนะคะ เราแบ่ง Channel การขายเป็น B2B, B2C แล้วก็ Export นะคะ โดยตัว B2C เนี่ยก็คือพอร์ตใหญ่สุดนะคะ อยู่ที่ 52.9% B2C B2B อยู่ที่ 43.3 นะคะ แล้วก็ Export อยู่ที่ประมาณ 3.8% นะคะ ในส่วนของตัว Operation Base นะคะ เรามีสินค้าที่ขายเนี่ย เป็นสินค้าที่เราผลิตเองนะ อยู่ที่ประมาณ 69.3% แล้วก็มีสินค้าที่เรานำเข้านะคะ ซื้อในประเทศแล้วก็ซื้อจากต่างประเทศนะคะ โดยการเป็น trading อยู่ที่ประมาณ 30.7 นะคะ
ภาพด้านล่างจะเป็นการ Break Down Detail อีกทีนึง อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียด
ถัดไปนะคะ เดี๋ยวจะรบกวนคุณทวัตนะคะ จะเป็นเรื่องของกลยุทธ์ของเรื่อง Innovation นะคะ
ครับขอบคุณครับ ถัดมาเป็นเรื่องของ Innovation ของ KCG นะครับ ซึ่งบริษัทเนี่ยให้ความ ผู้บริหารเนี่ยให้ความ เรียก ว่าเน้นนะครับในเรื่องของการทำให้บริษัทเนี่ยเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมนะครับ โดยในปี 2568 เนี่ยนะครับ เราจะเน้นเรื่องของการ enable ในส่วนของ Innovation เนี่ย ให้เรียกว่า ทำให้ Innovation เนี่ยเกิดขึ้นจริงในทุกหน่วยงานของของ KCG เลยนะครับ โดยสิ่งแรกที่ทำก็คือเรื่องของ Innovative Product นะครับ ในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เนี่ยเราต้องพัฒนาไปตามเทรนด์ของของตลาดนะครับตามความต้องการของตลาดแล้วก็ คือเราจะเน้นเรื่องของสุขภาพเรื่องของความสะดวก
และที่สำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือเรื่องของ Sustainability ครับ โดยเรามีการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า แล้วก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการนะครับ ล่าสุดเนี่ยเราเพิ่งจะ launch สินค้าตัวหนึ่งออกไปนะครับชื่อว่าเป็น Lollipop ชีส นะครับ ซึ่งตอนนี้ก็เรียกว่าได้รับการ ตอบรับจากลูกค้าเนี่ยค่อนข้างดีมากนะครับ ถัดมาในส่วนของการทำ NPD เนี่ยเราพัฒนา NPD เอ่อ ให้กับลูกค้าในส่วนของลูกค้าที่เป็น B2B แล้วก็เป็น B2C ด้วยนะครับ โดยลูกค้าที่เป็น B2B เนี่ยเราก็มีเน้นในเรื่องของการทำ Menu Creation ให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอยู่แล้วนะครับ
ในส่วนของลูกค้าที่เป็น B2C เราก็พัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายขึ้นให้มีเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้นนะครับ ตัวอย่างเช่นเรามีสินค้าตัวที่เป็น Dairy Go ชีส 2 สไลด์เนี่ยนะครับซึ่งปกติมันมันจะเป็นตัวชีสที่เป็นเชดดาแล้วก็มีอีกตัวหนึ่งเป็นเชดดา เอ่อเป็นมอสซาเรลล่า นะครับเราทำชีส Dairy Go ตัวนี้เป็นเรียกว่า Mix นะครับ ก็คือเป็น 2 ชีสผสมกันนะครับในในตัวเดียว ทำให้การใช้เนี่ยมันสะดวกขึ้นนะครับ
ถัดมานะครับในส่วนของ Innovation Culture อย่างที่คุณหนิงเรียนเมื่อกี้นะครับก็จะ เราส่งเสริมในส่วนของกิจกรรมในเรื่องของการประกวด Innovation ของในองค์กรของเรา เรียกว่าพนักงานทุกฝ่ายในองค์กรเนี่ยก็จะแต่ละปีก็จะส่งผลงานเข้ามาประกวดแล้วก็ผลงานต่างๆ เนี่ยก็ถูกนำไปใช้จริงในในในบริษัทจริงนะครับ ในปีนี้เองเราจะมีการทำเรื่องของ ไคเซ็นด้วยนะครับ ซึ่งไคเซ็นเนี่ยก็คือการ Improvement นะครับเราทำเรื่องของ Improvement ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิธีการทำงานหรือว่าการ เอ่อ Product อะไรเป็นต้น สิ่งที่ทำก็คือเราจะยกระดับมาตรฐานของนวัตกรรมในองค์กร ซึ่งเราทำต่อเนื่องมาเนี่ย 5 ปี 7 ปีแล้วนะครับ เอ่อ เราไม่ได้ทำแค่ช่วง ตอนที่เป็นโควิดนะครับเราเรางดเว้นไป 2 ปีนะครับ ถัดมาเป็นเรื่องของ Open Innovation นะครับ ก็คือเรามีการทำความร่วมมือนะครับ นอกเหนือจากการทำ Innovation หรือว่าการทำ R&D ภายในองค์กรนะครับ เรามีการพัฒนาร่วมกับ ไม่ว่าจะเป็น startup หรือว่ามหาวิทยาลัย หรือทาง supplier ลูกค้าคู่ค้าของเรานะครับ เราร่วมกันพัฒนา แล้วก็กับ supplier เรานะครับ หาวัตถุดิบใหม่ๆ ที่มาทดแทนได้หรือว่าบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ หรือว่า service ใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งการทำ collaboration กับแบรนด์อื่นๆ ด้วยนะครับ
ถัดมาเป็นเรื่องของ Digital Digital Transformation ที่เราให้ความสำคัญนะครับแล้วก็ในปีนี้เองเราจะมีการทำเรื่องของการจัดฐานข้อมูลขององค์กรนะครับ เพื่อเราจะได้นำข้อมูลเนี่ยไปใช้ได้อย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพแล้วก็มีความเชื่อถือได้นะครับ แล้วก็ถัดมาอีกเรื่องนึงก็จะทำเรื่องของ Business Process Improvement นะครับ โดยการนำ Technology มาแล้วก็ลดขั้นตอนในการทำงานที่สลับซับซ้อนดึงลงนะครับ แล้วก็ลดความผิดพลาด ทำ ให้ผลลัพธ์เนี่ยดีขึ้นแล้วก็เกิดความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้นครับ
ตรงนี้ก็จะบอกเรื่องของ Innovation นะครับ หลักๆ ก็จะมี 4 ประเภทที่อยู่ในประมาณนี้ ก็คือในเรื่องของผลิตภัณฑ์นะครับ Product Innovation ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปรับปรุงสินค้าเดิมขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แล้วก็สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งนะครับ ตัวอย่างก็คือ เรามีลูกค้าที่เป็นลูกค้า B2B ของเรานะครับ บางลูกค้าเนี่ยต้องการชีสที่ละลายยาก เราก็สามารถ R&D ให้เขานะครับ develop ให้เขาจนชีสเนี่ยละลายยากนะครับ เพราะบางทีเขาต้องไปผ่านความร้อนแล้วก็ต้องการให้ชีสเนี่ยคงรูปนะครับ หรือบางลูกค้าต้องการให้ละลายง่าย เรา เราก็ทำได้เช่นกันนะครับ ทำให้ละลายง่าย เอิ่ม ถัดมาเป็นเรื่องของ process Innovation เนี่ยก็เป็นเรื่องของการปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือว่า พัฒนาเรื่องของการผลิตนะครับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แล้วก็ลดต้นทุนไปในตัวนะครับ แล้วก็ยก ระดับคุณภาพของสินค้าเรานะครับ เรามีการ ปรับวิธีการกระบวนการทำงาน หรือกระบวนการผลิตนะ สามารถทำให้ผลิตเนี่ยได้มากขึ้นในเวลาที่เท่าเดิมนะครับ ทำให้ลดต้นทุนของการผลิตเนี่ยลดลงนะครับ
ถัดมาเป็นเรื่องของ service Innovation นะครับ เป็นการพัฒนา การบริการหรือว่าประสบการณ์ให้กับลูกค้านะครับ ให้สะดวกรวดเร็วขึ้น แล้วก็สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้ามากขึ้นสูงขึ้นด้วยครับ และสุดท้ายก็คือเรื่องของ Business Model Innovation เนี่ยก็คือเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ธุรกิจใหม่ เพื่อ สร้างโอกาสแล้วก็สร้างรายได้แล้วก็ขยายกับตลาดไปด้วย ยกตัวอย่างในส่วนของ Business Model Innovation ก็คือเรื่องของการทำ ขายสินค้าออนไลน์ซึ่งมันก็ไม่ได้ใหม่มากแล้วแต่วันนี้ก็เป็นตัวอย่างว่าอันนี้เป็น Business Model หนึ่งนะครับในการ ทำในการทำธุรกิจครับ
ถัดไปนะคะจะเป็นการ Recap ในส่วนของ Financial Performance นะคะ คือตัวยอดขายนะคะจะเห็นว่า Quarter 1 นะคะ ยอดขายรวมอยู่ที่ 2,036.5 นะคะ อันนี้อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าเราเติบโตค่อนข้างดีมากนะคะก็คือ Double Digit Growth อยู่ที่ 14.1% year on year นะคะ แต่ถ้าเราไปเทียบกับ Quarter 4 นะคะ อาจจะลดลงประมาณ 19.1% เนื่องจาก Quarter 4 เนี่ยจะเป็นช่วง festive นะคะ เป็น Peak Season ของเรานะคะ อันนี้ตาม seasoning นิดนึง ก็อาจจะเห็นภาพว่ามีตัวเลขลดลงนะคะ อันนี้ตัวการเติบโตของเราเนี่ยเติบโตในทุกๆ ตัว Channel การขายนะคะ ไม่ว่าจะเป็น B2B, B2C นะคะ หรือตัว Export นะคะ เราโตหมดนะคะ ในส่วนสินค้าเราก็โตไม่ว่าจะเป็นตัว Dairy หรือตัว FBI นะคะ นี่ก็เติบโตดีนะคะ ตัว GP นะคะ GP เราอยู่ที่ 31.1 ของ Quarter 1 ปีนี้ ถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ 30.5 นะคะ อันนี้ก็จะมีเหตุผลบางอันนะคะ ก็เผอิญว่าจริงๆ ต้องเล่าว่า Commodity Cost นะคะ ในปี 2567 นะค่ะ ต้นปีครึ่งแรกอ่ะค่ะ ของ 2567 เนี่ยราคายังค่อนข้างถูกแล้วก็ step up นะคะ แพงขึ้นมาในครึ่งหลังของปี 2567 นะคะ และตอนนี้ก็ยังแพงขึ้นต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเราเอา Quarter 1 ปีนี้ 2568 ไปเทียบกับ 2567 เนี่ย ราคา Commodity นะคะ ที่เป็นคีย์หลักของเราเนี่ยแพงขึ้นแน่นอน แต่ที่เราทำ GP ได้ดีขึ้นนะคะ ก็จะมีส่วนอยู่ 2-3 เรื่องหลักใหญ่ๆ นะคะ ก็คือว่าปีที่แล้วเนี่ย เรามีการทำตัว SKU rationalization นะคะ ก็คือเรามีการรีวิวตัว SKU ต่างๆ ตัวที่อาจจะขายแล้วได้ GP ไม่ดี หรือว่าตัวขายแล้ว เอ่อการขายสินค้าได้ค่อนข้างช้านะคะ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับการตั้ง provision เราก็จะเคลียร์สินค้าตัวนั้นออกนะคะ ก็เลยมีการกระทบเรื่องของตัว GP ส่วนปีนี้เนี่ย เรามีการตั้ง provision ของตัว Stock นะคะ ตามนโยบายบริษัท แต่ว่าเนื่องจากพอมาขายจริงเนี่ย ขายได้กำไรดีขึ้นกว่าที่เราตั้ง อันนี้ก็เลยมีการกลับรายการบ้าง ทำให้ตัว GP ดีขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยจะเห็นภาพว่าการที่เราเติบโต Double Digit มาต่อเนื่องนะคะ ตัวเลขตรงนี้ก็เลยทำให้เราได้ตัว economy of scale ของการผลิตด้วยนะคะ แล้วก็มี efficiency ของการผลิต อันนี้ก็เป็นตัวที่ support ส่วนด้านนี้นะคะ
ถัดไปนะคะ จะเป็นตัว SG&A นะคะ ตัว SG&A นะคะของ Quarter 1 อยู่ที่ 475.4 อันนี้ก็โตเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วนะคะ ก็คือ 10.4% year on year สาเหตุนี้ก็ต้องเป็นผลมาจากตัวยอดขายที่มันดีเพิ่มขึ้นนะคะ หลายๆ ตัวก็อาจจะปรับเพิ่มเนื่องจากเป็นตัว variable Cost นะคะ แต่ถ้าเทียบ Quarter 4 เนี่ยเราลดลง 17.6 อันนี้ก็อย่างที่แจ้งแล้วว่า Q4 เป็นช่วงที่เป็น festive แล้วก็ตัวยอดขายเนี่ยเติบโตค่อนข้างมาก อันนี้มีผลกระทบ แต่ว่าสิ่งที่จะ Highlight ให้ดูนะคะ ก็จะเห็นว่าตัว SG&A% to Sale นะคะ ของเราตอนนี้ลดลงอยู่ที่ 23.3 ถ้าเทียบกับ Quarter 1 ปีที่แล้วที่ 24.1 นะคะ ตรงนี้ตัวหลักๆ เนี่ยก็จะเกิดเนื่องจากว่าเรามีการได้ launch ตัว KCG Logistic Park เมื่อเดือน 8 ปีที่แล้วนะคะ ตรงนี้เราก็ได้รับ benefit จากการที่เราทำ saving นะคะ ตัว KCG Logistic Park บวกกับเรามีการติดตั้ง Solar Roof Top นะคะ เมื่อปลายปีที่แล้วนะคะ เริ่มใช้งานเดือน 11 ตอนนี้เราก็เข้ามาได้ saving ค่าไฟเต็มๆ ใน Quarter 1 นี้ นะคะ ก็เลยส่งผลช่วยตรงส่วนตรงนี้นอกเหนือจากการทำ Cost saving อื่นๆ นะคะ
ถัดไปนะคะตัวกำไรนะคะ จากที่เราเห็นว่ายอดขายดี GP ดี SG&A ก็ดีก็เลยทำให้กำไรอยู่ที่ 122.2 อันนี้เติบโตเพิ่มขึ้นมากๆ เลยนะคะ คือดีเพิ่มขึ้น 70.6% year on year นะคะ อาจจะลดลง 25% Q on Q เพราะยอดขายของ Q4 ปีที่แล้วค่อนข้างดีมากนะคะ ตัว Profit Margin อันนี้ก็ออกมาดีก็อยู่ที่ 6% นะคะ ซึ่งตรงนี้ต้องแจ้งนิดนึงว่าปีที่แล้วเนี่ยเราอาจจะมี Impact อีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีเขียนใน Note ไว้ นะคะ ก็คือเรามีการตั้ง impairment นะคะ ของตัวเครื่องจักรเนื่องจากเรามีการเคลียร์เครื่องจักรที่เราจะไม่ได้ใช้งานออกไปนะคะ ปีแล้วก็เลยมีตั้งไว้อยู่ที่ค่าใช้จ่ายที่ประมาณ 21.1 นะคะ
ถัดไปนะคะ ตัว Financial Position นะคะ อันนี้ก็อยากให้เห็นภาพของสภาพคล่อง นะคะหรือตัวค่อนข้างดีนะคะ ก็คือตัว DE Ratio เราเนี่ยอยู่ที่ 0.9 นะคะแล้วก็ interest bearing debt into Equity อันนี้ก็ลดลงอีกนะคะ อยู่ที่ 0.4 นะคะ ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความมั่นคงทางเสถียรภาพทางการเงินของบริษัทนะคะ
หน้าถัดไปนะคะ จะเป็นตัว Financial Outlook ของปีนี้นะคะ คือจริงๆ Quarter 1 เนี่ยเราโตมาเป็น 14.1% จริง แต่ว่าตอนเรายังตั้ง target นะคะ ตั้งแต่ต้นปีไว้ว่า เราคาดว่าเราจะโตเป็น High Single Digit นะคะ เพราะฉะนั้นทั้ง Quarter 2 แล้วก็ Full Year เราก็ยังยังยังขอคงเป้าที่เป็น High Single Digit Growth อยู่นะคะ ในส่วนของตัว Cost ของ Raw Material นะคะ ที่แจ้งไปแล้วว่า Quarter Second Half ของปีที่แล้วเนี่ย ราคา Commodity ขึ้น แล้วก็ปีนี้ก็ขึ้นตามนะคะ แต่ Quarter 2 เนี่ยคิดว่าค่อนข้างจะ maintain เทียบเท่า Quarter 1 นะคะ ซึ่งยังไงก็แพงกว่าปีที่แล้วแน่นอน
SG&A นะคะ SG&A ก็ตอนนี้เราคือเราทำเรื่องของ Cost saving มาอย่างต่อเนื่องแล้วก็อย่างของ Quarter 2 เนี่ยคิดว่าดูแนวโน้มก็จะลดลง year on year อยู่ดีนะคะ เพราะว่าตัว Logistic Park กับ Solar Roof Top เนี่ยมันขึ้นมาเกิดมาประมาณ Quarter 3 กับ Quarter 4 นะคะ อันนี้ก็คิดว่าน่าจะได้ผลประโยชน์ที่เป็น benefit กับบริษัท
ตัว Product นะคะ เรามองภาพว่าเรื่อง Product growth นะคะ อย่างที่คุณทวัฒน์แจ้งนะคะ เราก็มี NPD ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นนะคะ อย่างตัวที่เราชูโรงตอนนี้ที่เพิ่ง launch เข้าไปนะคะ ก็คือตัวชีส Snack นะคะ รวมถึงตัวตัว 2 สไลด์นะคะที่เราทำนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Max ชีส นะคะ แล้วก็เรามี New principle ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ ตรงนี้ก็จะช่วยให้เรา Growth นะคะ สินค้าที่ทำให้ growth เกิดมาค่อนข้างมากนะคะ จะเป็นเรื่องของตัว shortening มารีน แล้วก็ตัวช็อกโกแลตนะคะ อันนี้ก็เติบโตค่อนข้างดีค่ะ ตัว Channel growth นะคะ เนื่องจากตัวนี้เราโตตัว B2B ค่อนข้างดีใน Quarter 1 นะคะ โดยเราไปเน้นในเรื่องของ Industrial ที่ up country นะคะ คือตัวนิคมที่อยู่ ตัวผู้ประกอบการที่อยู่ต่างจังหวัดนะคะ ตรงนี้ก็ทำให้เราเห็นภาพการเติบโตค่อนข้างมาก และยังมี Way ที่จะไปได้อีกไกลนะคะ
อีกพาร์ทนึงที่เราจะมี Channel Growth นะคะ ก็คือเรื่องของ Existing ตัว Channel ที่เรามีอยู่ หรือเราอาจจะหา New Channel ใหม่ๆ นะคะ รวมถึงลูกค้าที่อาจจะเคยหลุดไม่ได้ค้าขายกันแล้วเราก็พยายามดึงเขากลับมาขายเพิ่มเติมได้นะคะ ที่ผ่านมานะคะ รวมถึงในเรื่องของ store expansion นะคะ ความหมายตรงนี้ก็คือว่า อย่างลูกค้าเนี่ยอาจจะมีหลายๆ สาขา เราอาจจะไม่ได้เข้าไป cover ทุกสาขาของลูกค้า ซึ่งเรามองภาพว่าเรายังมีโอกาสนะคะ ที่จะไป Capture แล้วก็เพิ่มสาขาที่เรากระจายในแต่ละลูกค้าได้นะคะ แล้วก็ในเรื่องของ e-commerce นะคะ ตรงนี้เราก็มีแผนนะคะ ที่จะกระตุ้นการเติบโตนะคะ ตอนนี้ e-commerce อาจจะค่อนข้างต่ำอยู่นะคะ แต่ว่าก็มีโอกาสที่จะโตในอนาคตค่ะ
ถัดไปนะคะ จะเป็นเรื่องของตัว US Reciprocal Tariff นะคะ ซึ่งตอนนี้เนี่ยอาจจะยังไม่ค่อยชัดเจนภาพนะคะ ที่รัฐบาลไทยจะไปต่อรองกับอเมริกานะคะ อันนี้เป็นมุมมองที่เรามองภาพนะคะ ทั้งบวกและลบนะคะ อันแรกเราก็มองภาพว่าการที่อเมริกาเนี่ยขึ้นภาษีกับคนอื่นๆ เนี่ยก็จะน่าจะทำให้เกิดการ over supply ของสินค้าที่อยู่ที่อเมริกา อาจจะมีโอกาสที่เราสามารถที่จะซื้อสินค้าที่ตรงมาจากอเมริกาได้ในราคาที่ถูกลงนะคะ ถ้าเกิด over supply แล้วก็มีการ drop ราคาบ้าง แต่ในมุมมองอีกมุมมองนึง ก็บอกว่าตรงนี้เนี่ยลูกค้าต่างๆ เนี่ยจะไม่ซื้อของที่อเมริกาแล้ว ก็อาจจะไประดมกันซื้อนะคะ ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือโอเชียเนีย ตรงนี้เนี่ยก็อาจจะทำให้เกิดการ shortage ของตัว supply บ้างนะคะ ซึ่งตรงนี้เนี่ยทางบริษัทเนี่ยก็แก้ไขโดยการซื้อ forward นะคะ คือการล็อกการซื้อสินค้า Commodity เนี่ยเอาไว้แล้วเพื่อรองรับนะคะ การใช้งานของเราค่ะ
ถัดไปนะคะ ตรงนี้เรื่องของตัว US Tariff นะคะ ของเราเอง ณ ปัจจุบันเราไม่ได้มีการส่งออก นะคะ ไปอเมริกาเพราะโดยตรง เพราะฉะนั้น Direct Impact โดยตรงของเราอาจจะไม่มีนะคะ อาจจะมีทางอ้อมนะคะ ซึ่งเราก็มาดูอีกทีนึงว่าเศรษฐกิจอะไรต่างๆ ที่จะกระทบ มาประเทศไทยเป็นยังไงบ้างนะคะ ค่ะ ถัดไปเดี๋ยวจะรบกวนคุณดนัยนะคะ
ครับผม จากการเติบโตที่ได้เห็นนะครับไม่ว่าจะเป็น product แล้วก็ Channel ต่างๆ นะครับ รวมทั้งเพื่อให้การบริหาร SG&A เนี่ยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนะครับ ก็จะขออนุญาตอธิบายคีย์หลักของ production planning ซึ่งเราได้เพิ่ง implement นะครับจัดเป็นหนึ่งหลักของ Digital Transformation ที่เราได้เริ่มทำตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วก็ได้ implement ในต้นมีนาคมที่ผ่านมานะครับ โดยสิ่งแรกที่เมื่อเรา implement PP แล้วเนี่ย สิ่งที่ได้ประโยชน์เริ่มต้นเลยก็คือการวางแผนนะครับ เมื่อเรามีการวางแผนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทันต่อความต้องการของตลาดแล้วก็การเปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้เราบริหารสินค้าคงคลังที่มีอยู่เนี่ยได้เหมาะสมแล้วก็รวดเร็วก็คือไม่มากจนเกินไป แต่ก็จะมีอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ขาด
หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องอย่างที่ต่อเนื่องก็คือพอเรามีสินค้าได้ถูกต้องตามความต้องการของตลาดแล้วเนี่ย จะทำให้สินค้าของ KCG เนี่ยมีพร้อมขายตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานภายในประเทศ หรือการนำเข้าที่เราได้นำเข้ามา อยู่ค่อนข้างมากนะครับ ดังนั้นพอเรามีสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้นเนี่ย ก็จะทำให้เราบริหารการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตรงตามเวลา ถัดมาก็คือเป็นการสร้างความพึงพอใจของลูกค้าให้มากขึ้นนะครับ แล้วรวมทั้งความยืดหยุ่นใน อย่างที่ผมเรียนไว้ก็คือเมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งปีนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีโอกาสที่จะมีการผันผวนนะครับของ demand และ supply มากขึ้นถ้าเทียบกว่าทุกๆ ปี และที่สำคัญที่สุดอย่างที่เรียนไว้ก็คือเพื่อให้ต้นทุนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บสินค้า การวางแผน การทำงานต่างๆ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการทำกำไรก็จะดีขึ้นได้นะครับ อันนี้เป็นภาพรวมที่จะขออนุญาตเรียนไว้สำหรับการลงทุนหลักของ Digital Transformation หรือเราเรียกว่า PP นะครับ
ถัดมาอีกอันหนึ่งที่สำคัญนะครับก็คือ KCG เองเนี่ยมีความมุ่งมั่นนะครับ ในการที่จะตอบสนองความต้องการของการที่จะเป็น Net Zero นะครับในปี 2593 โดยที่แบ่งกลุ่มทำงานหลักๆ ไว้ 3 กลุ่ม นะครับกลุ่มที่ 1 แน่นอนก็คือเราตรวจสอบแล้วก็วัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ KCG ที่ผ่านมา ใน Scope ที่ 2 เน้นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า พลังงานในการที่จะทำให้เกิดความร้อนหรือ Boiler และรวมทั้ง ของการให้ความเย็นนะครับ ซึ่งสินค้า KCG ก็จะมี กลุ่มอุณหภูมิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แช่แข็ง แช่เย็นแล้วก็อุณหภูมิธรรมดา และที่สำคัญที่สุดก็คือใน Scope ที่ 3 เป็นการทำงานร่วมกับ คู่ค้านะครับ และ supplier ต่างๆ เพื่อให้ Total Supply Chain ของ KCG เราเนี้ยมีการปล่อย หรือเป็น Net Zero ในปี 2593 อย่างที่กล่าวไว้นะครับ ซึ่งการทำงานนั้นเนี่ยอย่างที่ได้เห็นก็คือแบ่งออกเป็น 6 สเต็ปนะครับ ในสเต็ป 1-3 จะเน้นการลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วก็การประหยัดพลังงานนะครับ ในปี 2567-2570 นะครับ แล้วก็จะเริ่มเน้นในการทำงานกับคู่ค้า ซึ่งต้องเรียนว่าก็เป็นความท้าทาย เพราะเรามีทั้ง supplier ทั้งในประเทศแล้วก็ต่างประเทศด้วย ซึ่งใน 6 step เนี้ย KCG ก็จะมีการวาง Roadmap ต่างๆ การกำหนดการวัดผลแล้วก็การทำงานร่วมกับคู่ค้า เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะทำสามารถทำ Net Zero ได้ภายในปี 2593 ขอบคุณครับ
Presentation น่าจะประมาณนี้นะคะ เดี๋ยวเราอาจจะไปที่ Q&A นะคะ
ข้อแรกนะคะ ถามว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 เป็นอย่างไร มีปัจจัยอะไรเป็นตัวหนุนนะคะ อันนี้อย่างที่เราแจ้งไปนะคะ คือจริงๆ ตอนนี้ภาพของเราเนี่ยตัว Quarter 2 นะคะ ยอดขายตัว Dairy กับตัว FBI ก็ยังโตต่อเนื่องอยู่นะคะ แล้วก็ตลาด B2B B2C เราก็ยังค่อนข้างเติบโตดีนะคะ แล้วก็จริงๆ เรามีในกลุ่มของตัว Industry นะคะ ที่เราโตค่อนข้างเยอะ สาเหตุหลักเนี่ย ก็คืออย่างที่แจ้งไปแล้วว่าปีที่แล้วเนี่ยเรามีการทำ SKU rationalization นะคะ เราก็มีตัดตัว SKU ที่ไม่ perform หรือกำไรน้อย หรือว่าขายได้ปริมาณค่อนข้างน้อยนะคะ อาจจะไม่ Match กับตัว Stock ที่เรามีอยู่เอาออก แล้วปีนี้เราได้สินค้ามาใหม่ ซึ่งค่อนข้างออกมาน่ะค่อนข้างตัวเลขดีมากนะคะ อันนี้ก็เลยยังดูผลประกอบการของไตรมาส 2 ณ ตอนนี้ก็ยังดูโอเคอยู่นะคะ รวม ถึงนะคะอย่างที่แจ้งไปแล้วว่าวันนี้เรามีตัว store expansion นะคะ ที่บางลูกค้าสมมุติว่าเขามี 200 สาขา เราอาจจะยังเข้าไปขายให้เขาไม่ครบทุก 200 สาขา เราก็ต้องการขยายตัวสาขาเราเพิ่มเข้าไปตรงนี้นะคะ
ถัดไปนะคะถามว่าผลประกอบ ผลกระทบจากสงคราม อันนี้ อันนี้อาจจะตอบไปแล้วนะคะ ใน ในพรีเซนต์อันนี้ผ่านนะคะ บริษัทมีแผนที่จะปรับรายได้ของปี 2568 เพิ่มขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้คิดว่าคงจะยังไม่ปรับนะคะ คงจะยังตั้งเป้าไปเป็น High Single Digit อยู่ เพราะว่า ณ ตอนนี้ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ นะคะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ US Tariff อะไรต่างๆ ยัง ยังไม่เห็นภาพชัดเจน เรื่องของ Tourist ด้วยอะไรด้วยนะคะ คงจะคงเป้าเท่าเดิมที่ตามพรีเซนเทชั่นนะคะ
ถัดไปนะคะ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติมหรือเปล่านะคะ จริงๆ ตัว NPD ที่คุณทวัฒน์แจ้งอ่ะเรามีอยู่เรื่อยๆ นะคะ แต่เราก็ยังมีเพิ่มนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ M&A JV อันนี้ก็อยู่ใน pipeline ในการคุยกันอยู่ แต่ยังไม่ finalize นะคะ
ถัดไปนะคะ อยากสอบถามตัวเลข ROIC นะคะ Return on Investment Capital ของบริษัท ถ้าเทียบกับ WACC Weighted Average Cost of Capital นะคะ ก็ ROIC อยู่ที่ประมาณ 15% WACC อยู่ที่ประมาณ 6.6 นะคะ
ถัดไปนะคะผู้บริหารมีความกังวลใจในเรื่องใดบ้าง รบกวนคุณทวัฒน์นะคะ
ครับจริงๆ ต้องเรียนงี้ครับว่าถ้าบอกว่ากังวลเรื่องไรมากสุด ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจข้างนอกนะครับซึ่งอย่างที่คุณหนิงพูดเมื่อกี้ว่ามันยังไม่ค่อยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ reciprocal tariffs นะครับ ก็ยัง ยังไม่แน่นอนนะครับ
ใน Quarter 1 นะคะ ที่รายได้โต 14% มีลักษณะของการโหลด Stock ไปที่ลูกค้าร้านค้าปลีกไหม ที่อาจจะทำให้การเติบโตไม่ต่อเนื่องนะคะ อันนี้เนี่ยเรา หลักใหญ่เผอิญเราโตเยอะที่ B2B นะคะ เป็นหลักโดยเฉพาะ Industrial Bakery นะคะ ซึ่งตรงนี้เนี่ยก็เลยไม่มีผลกระทบด้านนี้นะคะ ก็ไม่ไม่ได้มีเรื่องที่จะต้องเอา Stock กลับคืนค่ะ
ถัดไปนะคะ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบอะไรกับเราบ้าง มีความเสี่ยงที่จะโดนผู้ค้าปลีกคืนสินค้าไหม ณ ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบนะคะ เพราะส่วนใหญ่สินค้าที่เราขายจะเป็น condition ที่จะไม่ได้รับการคืนสินค้านะคะ
ถัดไปนะคะ ไอ้ตัว Lollipop ชีส ปัจจุบันมียอดขายวันละกี่ชิ้น นะคะ Cap การผลิตเต็มที่อยู่ที่เท่า ไหร่ แล้วพอขายดีเกินคาด จะขยายได้ไหมค่ะ อันนี้จริงๆ อ่ะ คุณทวัฒน์ก็ได้ค่ะ ครับตอน นี้ยอดขายอยู่ที่ประมาณสัก 200,000 ชิ้นต่อต่อเดือนนะครับ ซึ่งเรายังไม่ได้ขยายสาขาของ ที่จุดขายเนี่ยยังไม่ยังไม่สุดนะฮะ ซึ่งขยายไปแค่ตอนนี้แค่ครึ่งหนึ่งนะครับของจำนวน store ที่มีนะครับ ซึ่งถ้าเกิดขายดีมากกว่านี้เราก็จะ consider ที่จะเพิ่มในส่วนของตัวตัว store จุด ณ จุดขายนะฮะ แต่เรื่องของ Capacity นี่ไม่มีปัญหานะเพราะว่าสินค้าตัวนี้นำเข้ามาแล้วก็เราเรามานำเรามา rep นิดหน่อยเท่านั้นเอง ครับ
อันนี้ต้องแจ้งว่าเห็นเห็นลูกค้าหลายท่านแจ้งว่าไฟที่สาขาแล้วไม่มีของตอนนี้ไม่มี ครับไม่มีของ ส่งไม่ทันอยู่ครับ ครับ ค่ะ ถัดไปนะคะ Lollipop ชีสคิดว่าจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของบริษัท ตอนนี้อาจจะยังน้อยนะคะ เพิ่ง เพิ่งเริ่มขายได้ 2 อาทิตย์ได้ไหมคะ ครับประมาณ ประมาณ 2 อาทิตย์นะคะ ค่ะ อันนี้เดี๋ยวคงต้องต้องดูนิดนึงแต่ ณ ตอนนี้ต้องเรียกว่าดีกว่าเป้าที่ตั้งไว้นะคะ
ถัดไปนะคะ ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีจะกระทบยอดขายของชีสที่เป็นพรีเมี่ยมหน่อยไหม อย่างเช่นบอก อันนี้รบกวนคุณดนัยนะคะ อย่าง ที่เรียนก็คือว่า ช่องทางการจัดจำหน่ายของ KCG นะครับมีความเข้มแข็งทั้ง B2B และ B2C นะครับ แล้วก็การเติบโตต่อเนื่องเนี่ย อย่างค่อนข้างดี นะครับ โดยเฉพาะ เองก็อยู่ใน Top 5 แบรนด์หลักๆ ของ KCG อย่างต่อเนื่องนะครับ ซึ่ง Top 5 ก็คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ถึง 70% เลยขอบคุณครับ
ถัดไปนะคะ กำไรจากการขายอุปกรณ์ใน Quarter 1 คืออะไรนะคะ จริงๆ คือขาดทุนนะคะ ประมาณ 5.6 ล้านเป็นงานขายเลอเก่าออกไปนะคะ เราจะเปลี่ยนเลอร์นะคะ เพิ่มทำให้มันเกิด Cost saving มากขึ้นนะคะ เลยก็เลยมีค่า Book Value เหลืออยู่ประมาณนี้นะคะ ถัดไปนะคะ การที่ร้านอาหารนะคะมี เซ Sale Growth ติด ลบ ค่อนข้างเยอะ ในช่วงนี้มีผลกระทบกับเรามากน้อยแค่ไหนนะคะ ของเราไม่มีผลกระทบนะคะ เพราะว่าคือเรามีการเพิ่ม SKU ใหม่เข้าไปให้กับลูกค้านะคะ รวมถึงอย่างที่แจ้งค่ะ ว่าเรามีการเพิ่มจำนวนร้านที่ลูกค้ามีด้วย ก็เลย Total เรายังไม่ได้รับผลกระทบพาร์ทนี้นะคะ
ถัดไปนะคะ อยากให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเรื่องของ New Channel Growth ที่เป็น Industry Up Country อ่ะค่ะ อันนี้คุณทวัฒน์จะเอาไหม ได้ครับ เอิ่ม ล่าสุดเนี่ยในจริงๆ ต้องเรียกว่าต้นปีที่ผ่านมา เรามีการเพิ่มลูกค้า นะครับในส่วนของลูกค้าที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแต่ว่าเป็นอยู่ต่างจังหวัดซึ่งที่ผ่านมาเราเรายังไม่ได้ไป Capture ลูกค้าในส่วนนี้มากเท่าที่ควรนะครับ ซึ่งในปีนี้เองเนี่ยเราเริ่มขยายไปในส่วนนี้ซึ่งทำให้ เอ่อ สามารถเพิ่มยอดขายให้เราได้มากพอสมควรครับ ค่ะ ถัดไปนะคะ Quarter 1/2568 NPD Contribution Growth อยู่ที่ประมาณเท่า ไหร่ค่ะ ค่ะ อันนี้ก็จาก Quarter 1 นะ คะ เราจะมีสินค้าปัจจุบัน นะคะ Existing Product เราเนี่ย เทียบยอดขายอยู่ประมาณที่ 90% แล้วก็มี NPD นะคะ สินค้าใหม่อยู่ที่ประมาณ 10% นะคะ สินค้าใหม่ก็เดี๋ยวคงทยอยเข้ามาเรื่อยๆ นะคะ ครับในส่วนของสินค้าใหม่ก็เดี๋ยว เอ่อ เรากำลังจะมีงาน Thai Fex ที่เมืองทองธานีในสิ้นเดือนนี้อาทิตย์หน้าเนี่ยแล้วนะครับ ก็จะมีสินค้าใหม่ๆ ที่จะไป display ในให้ในงานด้วยครับ ค่ะ ถัดไปนะคะ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเท่า ไหร่ แล้วมีแผนที่จะขยายเพิ่มเติมอีกไหม รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบเป็นอย่างไร นี้รบกวนคุณดนัย ก็โดยรวมนะครับ Capacity ตอนนี้ที่ใช้ อยู่ก็คือประมาณ 62% นะครับ แล้วก็จากที่เราขยายไลน์ชีสเมื่อปีที่แล้วแล้วรวมทั้งไลน์เนยที่จะสิ้นสุดปีนี้ก็ยังไม่มีแผนที่จะขยายอะไรเพิ่มเติมอีก ณ ปัจจุบันขอบคุณครับ
ไม่ทราบมีคำถามเพิ่มอีกไหมคะ จะมีคำถาม นะอย่าง ถามว่าตอนนีราคา Commodity ที่บริษัทเนี่ยมีการล็อกสินค้าถึงประมาณเดือนไหนแล้วอ่ะค่ะ รบกวนคุณดนัยนะคะ ครับโดยปกตินะครับสินค้านำเข้าเนี่ยเราจะซื้อล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือนนะครับ โดยเฉพาะตัววัตถุดิบหลักตอนนี้เนี่ยเราซื้อปิดของ Quarter 3 ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายถึงว่าโดยรวมที่เราถือ Stock ไว้ประมาณ 1-2 เดือนรวมทั้งสินค้าที่กำลังจะเข้าใน Quarter 3 เนี่ย สินค้าที่พร้อมผลิตนะครับวัตถุดิบที่พร้อมผลิตเนี่ยจนไปถึงกลาง Q4 เรียบร้อยขอบคุณครับ ถัดไปนะคะ บริษัทมีมีแนวโน้มในการเติบโตของตัวตลาด Export เนี่ยค่ะ อย่างไรนะคะ ค่ะ รบกวนคุณทวัฒน์ก็ได้ค่ะ ก็จริงๆ เราก็มีการดิส เอ่อเรียกว่าหาลูกค้าใหม่หรือว่า Point Distributor ใหม่ๆ ที่เรายังไม่มีอันไม่ในทุกประเทศเลยไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอาเซียนและนอนอาเซียนเนี่ย เรา บางประเทศเนี่ยเรามีลูกค้าที่เป็นลูกค้า B2C เราไม่มี B2B เราก็ไปหา B2B ซะอะไรอย่าง เงี้ยครับ ก็ทำให้มัน Cover ในแต่ละประเทศเนี่ยทั้งทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็น B2C และ B2B ครับ ค่ะ ถัดไปนะคะถามว่าการที่เราเปิด ฮาลาล ได้นะคะ ที่มาเลเซีย แล้วก็ตอน นี้กำลังที่บอกว่าทำต่อที่อินโดนีเซีย ไม่ทราบอินโดนีเซียเนี่ยจะเสร็จเมื่อไหร่แล้ว ตรงนี้จะมีโอกาสที่เราจะได้โตใน 2 ประเทศนี้ยังไงบ้างอ่ะค่ะ ครับ ใน ในส่วนของมาเลเซีย อินโดนีเซีย เนี่ยเราเราได้ครบเรียบร้อยแล้วนะฮะ ไม่ว่าทั้ง 2 โรงงานของเราไม่ว่าจะเป็นทั้งที่ เอ่อเทพารักษ์และบางพลี นะครับ ส่วน อะลานของมาเลเซียเนี่ยตอน นี้กำลังรอในส่วนของกรมปศุสัตว์ของทางมาเลเซียที่จะเข้ามาตรวจเนี่ยประมาณสักประมาณเดือน 8 ของปีนี้นะครับ ซึ่งคิดว่าหลังจากนั้นเราน่าจะได้รับ การ Certify ครับ ค่ะ ถัดไปนะคะอาจจะรบกวนคุณดนัยนะคะ ถามว่าตัวตัวโรงงานเนยอ่ะค่ะอันเนี้ยที่บอกว่า Renovate อ่ะค่ะจะเสร็จประมาณเมื่อไหร่ แล้วจะมีผลกระทบกับกำลังการผลิตก่อนที่จะเสร็จไหมอ่ะค่ะ ครับก็ อ่า เรามีการขยายไลน์การผลิตของเนยนะครับตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วก็คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปีนี้นะครับ โดยที่เน้นทั้งเพิ่มกำลังการผลิตแล้วก็เพิ่มเรื่องของ Automation เข้ามาในเรื่องของการแพ็คกิ้งต่างๆ นะครับ แล้วก็ ในส่วนของการเตรียมการผลิตเนี่ยเราไม่มีปัญหาเนื่องจาก ไลน์ที่เรามีอยู่เนี่ยสามารถ build up capacity ปัจจุบันเพื่อเตรียมสำหรับตอนปลายปีได้อย่างอย่างดีครับ ค่ะ ถัดไปนะคะมีแผนที่จะขึ้นราคาเนยในตลาด B2C ตามราคาวัตถุดิบ บ้างไหมอ่ะค่ะ รบกวนคุณทวัฒน์ค่ะ ก็ ณ ณ จุดนี้วันนี้เรายังไม่คิดที่จะขึ้นราคาสินค้านะครับเนื่องจาก เอ่อ เรามีการทำในเรื่องของการ forward buying ไปเรียบร้อยนะครับอย่างที่คุณ ดนัยเรียนเมื่อกี้ เอ่อทำให้ต้นทุนของเราเนี่ยค่อนข้างจะคงที่อยู่นะครับ เรามีแผนก R&D ที่คอยพัฒนา ในไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับสูตร บางบางบางในบางสินค้านะให้ เรียกว่าแข่งขันได้นะครับ เพราะฉะนั้นคิดว่าการปรับราคาในตอนนี้ไม่มีครับ ค่ะ ถัดไปนะคะบริษัททำไมบริษัทถึงเพิ่มสินค้าเข้าไปในสาขาที่เป็น เทรน Stro ได้เพิ่มขึ้นนะคะความหมายคืออย่างที่เมื่อกี้บอกยกตัวอย่างมี 200 สาขา เราเคยเข้าได้แค่ 100 นึงตอนนี้เราจะเพิ่มขึ้นอ่ะนะคะ แล้วตอนนี้เพิ่มขึ้นในสินค้า ในไลน์สินค้าใดเป็นไปด้วยความง่ายไหมอะไรอย่าง เงี้ยนะคะ คือจริงๆ ต้องบอกว่าตรงนี้บริษัทเราอ่ะมีสินค้านะคะ มากกว่า 1,000 SKU ขึ้นไปนะคะ เพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ย เราก็เอาสินค้าอื่นนะคะที่ ที่ลูกค้าอาจจะยังไม่ได้ใช้เนี่ยเปิดตลาดเข้าไปนะคะ อย่างตอนนี้ที่เติบโตมาค่อนข้างได้ดีอย่างที่แจ้งไว้ ก็คือมีพวก มารีน มีนิ่ง มีช็อกโกแลต นะคะแล้วก็พวกวัตถุดิบเบเกอรี่ต่างๆ เรามีเพิ่มขึ้นนะคะ อย่าง อย่างตัวช็อกโกแลตเนี่ยที่เราได้ตัว Van Houten เข้ามาเดี๋ยว เดี๋ยวรบกวนคุณดนัยก็ได้นะคะว่า ว่ายังไงคะ ครับก็คือ Van Houten เนี่ยเราเป็น Van Houten Professional ซึ่งเป็น packaging เน้นสำหรับกลุ่ม อุตสาหกรรมซึ่งมีการใช้กลุ่มช็อกโกแลตที่สูงอยู่แล้วนะครับ ก็ทำให้เราสามารถ อ่า ขายกลุ่มนี้ในสินค้าที่มีคุณภาพภายใต้ แบรนด์ Van Houten ได้แล้วมีการตอบรับกับกลุ่มอุตสาหกรรมและโรงงาน แล้วก็อย่างที่ได้เรียนไว้ก็คือการเจาะตลาดกลุ่มอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด ซึ่งก็ทำให้ขยายทั้ง Channel การขายรวมทั้งผลิตภัณฑ์เราได้ดีครับ ค่ะ ถัดไปนะคะ บริษัทมีโอกาสจะจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งไหมนะคะ อันนี้ก็มีนักลงทุนถามมาค่อนข้างมากอ่ะนะคะ เดี๋ยวเราคงต้องพิจารณากัน