บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

สรุป Oppday หุ้น AAV : มองแนวโน้มการเติบโตท่ามกลางความท้าทาย ปี 2568
P/E 2.68 YIELD 0.00 ราคา 1.10 (0.00%)
สรุป Oppday หุ้น AAV : มองแนวโน้มการเติบโตท่ามกลางความท้าทาย ปี 2568
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ธุรกิจภายในประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็น "พระเอก" ของไตรมาสนี้ โดยมีผู้โดยสารรวมประมาณ 5.57 ล้านคน เติบโต 2% Load Factor อยู่ที่ 87% ภายในประเทศสูงถึง 91% ASK (Available Seat Kilometers) อยู่ที่ 6,713 ล้านกิโลเมตร เติบโต 7% Stephone (Revenue Passenger Kilometers) ก็โตขึ้น 7% เช่นกัน อยู่ที่ราว 34,000 Steake Sector
อย่างไรก็ตาม, OTP (On-Time Performance) ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 73% Average Fair จบไตรมาสอยู่ที่ 1,945 บาท ในขณะที่ Ancillary Income ยังคงแข็งแกร่งที่ 430 บาท บริษัทมีเครื่องบิน 61 ลำ
เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รายได้ไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 รายได้ลดลง 4% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก High Base ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว EBITDA ยังคงแข็งแกร่งที่ 3,353 ล้านบาท โตขึ้น 8% Margin 25% Net Profit อยู่ที่ 1,387 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว หลักๆ มาจาก FX Gain
Core Profit หากตัด FX ออกไป จะอยู่ที่ 1,299 ล้านบาท โตขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน Total Revenue ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว แต่ไม่แตกต่างจากไตรมาส 4 มากนัก Ticket Revenue ลดลง 6% จากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ลดลงจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและ High Base ของ Fair ในไตรมาสที่ 1 ปีที่แล้ว Ancillary Revenue โตขึ้น 3% Other Income โตขึ้น 47% หลักๆ มาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
Average Fair ลดลงจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง year-on-year ลดลง 8% ผู้โดยสารโตขึ้น 2% Domestic โตขึ้น 9% เป็นพระเอก International ลดลง 9% Ancillary per Pack ยังอยู่ที่ 430 บาท พระเอกยังคงเป็น Baggage ที่โตขึ้น 7% Seat Selection โต 5% Inflight ลดลง 7% Free ลดลง 23% และ Other ลดลง 7%
ต้นทุนรวมลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว Fuel Cost เป็นพระเอก ลดลง 19% จากราคาน้ำมันที่ลดลง Staff Cost เพิ่มขึ้น 12% จาก Operating ที่มากขึ้น Maintenance Cost ลดลง 2% Other Cost of Sale ลดลง 1% SG&A เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาส 1 ของปีก่อน แต่ไม่แตกต่างจากไตรมาส 4 มากนัก อาจเป็นเพราะ Low Base ในไตรมาส 1 ปี 2567
RASK (Revenue per Available Seat Kilometer) ลดลง 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากสถานการณ์การท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง CASK (Cost per Available Seat Kilometer) ลดลง 12% จากน้ำมันที่ลดลง แต่หากตัดผลกระทบของน้ำมันออกไป CASK Ex Fuel ลดลง 3% จากการควบคุมต้นทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ น้ำมันได้ดี
EBITDA ยังแข็งแกร่งที่ 3,353 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 8% Margin 25% Finance Cost และ DNA บวกขึ้นมา 11% จากการเพิ่มเครื่องบิน 5 ลำ Net Profit อยู่ที่ 1,387 ล้านบาท Margin 10% Core Profit อยู่ที่ 1,299 ล้านบาท เติบโตขึ้นมา 6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน Balance Sheet ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ Leased เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มเครื่องบิน Cash Flow เป็น Negative หลักๆ มาจากการจ่าย Leased Liability และหนี้สินบางส่วน
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**บริษัทมีแผนการใช้ 2 สนามบินในกรุงเทพฯ อย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้ดอนเมืองเป็นฐานหลักและเพิ่ม Capacity ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสารจากโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก และผู้โดยสารต่อเครื่องจากต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป
การเปิด Run Way ที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิจะช่วยให้บริษัทเพิ่ม Slot ขยายความสามารถในการบริการในเส้นทางหลักๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และเส้นทางใหม่ๆ ในเมืองรองได้มากขึ้น
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**คาดการณ์ว่าภายในเดือนนี้หรือกลางเดือนหน้า จะมีข่าวจากภาครัฐเกี่ยวกับแผนการกระตุ้นตลาดระหว่างประเทศ (ไทย-จีน) โดยอาจมีเม็ดเงินสมทบจากสายการบินและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
มองว่า Q4 ยังเป็น High Season และภาพลบต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปได้บางส่วน หาก Q4 สามารถ Deliver เป็น High Season ได้อย่างที่คาด ก็มีแนวโน้มที่จะยังยืน Guidance นี้อยู่
ยังคงมุ่งเน้นการรักษาความสามารถในการทำกำไร โดยดูที่ EBITDA Margin เป็นหลัก และพยายาม Maintain ให้ได้เท่ากับปีที่แล้ว (21%)
ยังคงมุ่งมั่นที่จะรับเครื่องบินอีก 4 ลำ โดยมองว่า Q4 น่าจะมีปัจจัยบวกและเป็น High Season และปีหน้า Q1 ก็เป็น High Season ต่อเนื่อง
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** [เริ่ม Q&A นาทีที่ 48.09]- แผนการ Hedge Jet Fuel:
- คำถาม: บริษัทมีแผนการล็อก/Hedge Jet Fuel ไว้ที่ Volume เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ในช่วงที่เหลือ
- คำตอบ: ในไตรมาสที่ 2 ล็อก Volume ไว้ประมาณ 10% โดย CFO ดูราคาอยู่ และอยากให้ Jet Fuel ลงมาแตะ 80 ดอลลาร์ก่อนตัดสินใจเข้าซื้อเพิ่ม นโยบายคือ Stretch ได้ไม่เกิน 50% ระหว่างนั้นจะทำมากทำน้อยขึ้นอยู่กับ Timing และปัจจัยอื่นๆ ปัจจุบันล็อกไว้ 10% ของ Consumption ในไตรมาส 2
- ปริมาณการใช้น้ำมัน:
- คำถาม: ปริมาณการใช้น้ำมันกี่บาร์เรลต่อจำนวน Fleet และไฟลท์ในปัจจุบันต่อเดือน
- คำตอบ: ในไตรมาสหนึ่งใช้น้ำมันประมาณ 1 ล้านบาร์เรล
- ความคืบหน้าเรื่อง Excise Tax:
- คำถาม: ความคืบหน้าในการคุยกับรัฐบาลเรื่อง Excise Tax
- คำตอบ: ยังคุยกันอยู่และยังเป็น Agenda อยู่ แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่ Priority หลัก รัฐบาลอาจเน้นการ Boost อุตสาหกรรมภาพรวมมากกว่า ปัจจุบันเก็บภาษีน้ำมัน Jet Fuel ในประเทศประมาณ 5 บาทต่อลิตร ซึ่งค่อนข้างสูง และควรปรับลดลง ภาครัฐก็เข้าใจ แต่ต้องใช้เวลาเนื่องจากไม่เป็น Priority ในตอนนี้ และหากมีการปรับโครงสร้าง อาจมีการคุยเรื่อง Ceiling ของราคาด้วย
- แผน Divert เครื่องจากรูทต่างประเทศ:
- คำถาม: ขอรายละเอียดแผนการ Divert เครื่องจากรูทต่างประเทศมาที่ Domestic กี่เปอร์เซ็นต์
- คำตอบ: Trunk Route มี 5-6 รูทหลัก (ดอนเมือง-เชียงใหม่/ภูเก็ต/กระบี่, เชียงใหม่-ภูเก็ต/กระบี่) มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ (40-50% ในช่วง High Season) Trunk Route มี Capacity ประมาณ 40% ของเบส Domestic ทั้งหมด
- Q2 Date:
- คำถาม: ขออนุญาตอัปเดต Stat ของ Q2 Date ของไตรมาส 2
- คำตอบ: เดือนเมษายน Load Factor ยังเห็นเลข 8 แน่นอน แต่ Year-on-Year อาจ Drop จาก Impact ของแผ่นดินไหว แต่ Domestic น่าจะโตได้ เพราะลดไฟลท์ International และ Allocate ให้ Domestic มากขึ้น Capacity ใน Domestic เพิ่มขึ้น (Q1 เพิ่ม 9%, Q2 ยังเป็นเช่นนั้น) อาจทำให้ Load Factor ปรับลงบ้าง Domesti