https://aio.panphol.com/assets/images/community/5807_9a8dbc.png

สรุปผลประกอบการ DCC ไตรมาส 1 ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดกระเบื้องเซรามิก

P/E 11.72 YIELD 6.43 ราคา 1.25 (0.00%)

สรุปผลประกอบการ DCC ไตรมาส 1 ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดกระเบื้องเซรามิก

สวัสดีครับ ขอต้อนรับนักลงทุนและผู้สนใจทุกท่านเข้าสู่งาน Oppday ของบริษัท Dynasty Ceramic (DCC) ในวันนี้ ผมชนินท์ สุภพิญโญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน จะมาสรุปผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ที่ผ่านมา

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568, DCC มีรายได้จากการขายทั้งในและต่างประเทศรวม 1,850 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากในประเทศ คิดเป็น 96% ของรายได้รวม รายได้ในประเทศมาจากสาขาของบริษัทกว่า 201 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่าย Modern Trade และ Local Modern Trade ทั่วไป การขายต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ส่วนใหญ่เป็นการขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว, พม่า, กัมพูชา และมีบางส่วนไปยังฟิลิปปินส์

รายได้เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว แต่ลดลงเล็กน้อย 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 สัดส่วนการขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3% ในปีที่แล้วมาเป็น 4% ในปีนี้ ปริมาณการขายรวม 10.9 ล้านตารางเมตร เป็นกระเบื้องเซรามิกและกระเบื้องพอร์ซเลน

ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว (เพิ่มขึ้น 15%) แต่ลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ราคาขายเฉลี่ยดีขึ้น มาอยู่ที่ 157 บาทต่อตารางเมตร เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 155 บาทต่อตารางเมตร สาเหตุหลักมาจากการขายสินค้าคุณภาพดีราคาแพงขึ้น เช่น กระเบื้องพอร์ซเลน

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทแบ่ง segment สินค้าเป็น Mass to Medium (กระเบื้องเซรามิกขนาดเล็ก) และ Medium to High (กระเบื้องเซรามิกขนาดใหญ่ขึ้นและกระเบื้อง Big Slab) รวมถึงกระเบื้องพอร์ซเลน ซึ่งมีทั้งแบบธรรมดาและ Full Body Homogeneous ที่เหมาะกับการใช้งานภายนอก

ขณะนี้กระเบื้อง Medium to High มีสัดส่วน 29% และ Mass to Medium อยู่ที่ 71% บริษัทมีความพยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้า Medium to High ให้มากขึ้น โดยยังคงรักษากลุ่ม Mass to Medium ไว้

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

EBITDA ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 507 ล้านบาท ลดลง 13% จากไตรมาสที่ 1 ของปีก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว EBITDA Margin อยู่ที่ 27.4% ลดลงเล็กน้อยจาก 28.8% ในปีที่แล้ว

กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 285 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 Net Profit Margin อยู่ที่ 15.3%

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 11.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว มีผู้เช่าประมาณ 97 สาขาจากทั้งหมด 200 สาขา พื้นที่ให้เช่ารวม 34,000 ตารางเมตร

บริษัทมีงบรายจ่ายลงทุนรวม 760.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในการปรับปรุงพัฒนาสาขา ซื้อที่ดินก่อสร้างสาขาใหม่ และลงทุนใน Solar Cell เพื่อลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า (ปัจจุบันติดตั้งแล้ว 4 เมกะวัตต์) นอกจากนี้ยังใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อลดต้นทุนการผลิต

ค่าใช้จ่ายทางการเงินและดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 1 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว (7.5 ล้านบาท เทียบกับ 7.9 ล้านบาท) เนื่องจากเงินกู้ของบริษัทปรับตัวลดลงและดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

Net Debt ของบริษัทในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 1,014 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว (1,484 ล้านบาท) Net Debt on EBITDA ลดลงมาอยู่ที่ 50% จากเดิมในไตรมาสก่อนหน้าที่ 80.7% DE Ratio ของบริษัทอยู่ที่ 0.42 ลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีเป้าหมายในการควบคุมหนี้สินให้ต่ำและใช้เงินลงทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

EBITDA on Asset อยู่ที่ 20% ลดลงจากปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 EBITDA Margin ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29.7% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

Return on Equity (ROE) ในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 15.9% ลดลงจากปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 Return on Asset (ROA) อยู่ที่ 11.2% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 24.20]

  1. คำถาม: เหตุใดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของงวด 1Q68 สูงกว่า 1Q67 มากพอสมควร ทั้งที่ปริมาณการขายลดลง น่าจะทำให้ค่าขนส่งลดลง?

    คำตอบ: ค่าขนส่งทรงตัว เพราะราคาน้ำมันดีเซลที่ใช้ในการขนส่งเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 (29.94 บาท เป็น 30 กว่าบาท)

  2. คำถาม: DCC เพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล Pay Out Ratio ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ จะกลับไปจ่ายปันผลใกล้ๆ 100% ในอดีตหรือไม่?

    คำตอบ: (ไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน แต่กล่าวถึงการจ่ายปันผลของไตรมาส 1 ที่เพิ่มขึ้นมาเกือบ 100%)

  3. คำถาม: งวดไตรมาส 2 ปี 2568 ประเมินอัตราการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2568 หรือไตรมาสนี้?

    คำตอบ: คงปรับตัวลดลงตาม Seasonality การขายของบริษัทโดยทั่วไป เป็นเรื่องปกติที่เทียบเคียงได้กับปีก่อนๆ

  4. คำถาม: ขอบคุณที่ให้ปันผลเพิ่มขึ้น

    คำตอบ: ขอบคุณนักลงทุนที่ชม ทางบริษัทตั้งใจและพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ผลตอบแทนของนักลงทุนเป็นไปอย่างที่พอใจ

  5. คำถาม: งบลงทุนปีนี้จะเท่าไหร่?

    คำตอบ: ประมาณ 945 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในฝั่งสาขาที่เป็นช่องทางการสร้างรายได้หลักของบริษัท

สรุป

โดยรวมแล้ว DCC มีผลประกอบการที่ผสมผสานกันในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 แม้ว่ารายได้รวมและกำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ก็มีการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว บริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้น การจัดการต้นทุน และการเพิ่มรายได้จากค่าเช่า เพื่อปรับปรุงผลกำไรและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป

โพสต์ล่าสุด