https://aio.panphol.com/assets/images/community/5804_8cb9da.png

สรุป OPPDAY MAGURO: เจาะลึกกลยุทธ์ขยายพอร์ต ขับเคลื่อนผลกำไรปี 2568

P/E 21.06 YIELD 1.31 ราคา 22.90 (0.00%)

สรุป OPPDAY MAGURO: เจาะลึกกลยุทธ์ขยายพอร์ต ขับเคลื่อนผลกำไรปี 2568

สวัสดีครับ นักลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน วันนี้เราจะมาสรุปกิจกรรม Opportunity Day ของบริษัท มะกุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมาให้ข้อมูล ได้แก่ คุณ กิตติ สวยสมบูรณ์ CEO, คุณ ทิพาภรณ์ ปราติพงศ์ CFO, และคุณ ธีรพล สาทิฐวรยากร CPO โดยจะสรุปภาพรวมผลประกอบการและกลยุทธ์ของบริษัท

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

  • การเติบโตอย่างต่อเนื่อง: สิ้นสุดไตรมาส 1 ปี 2568 มียอดขาย 40 สาขา และคาดการณ์ว่าในไตรมาส 2 จะเพิ่มเป็น 42 สาขา
  • แผนการขยายสาขา: มีแผนเปิดสาขาใหม่ 15 สาขาในปี 2568 ซึ่งเกินเป้าที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี
  • ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก: ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว, เหตุการณ์แผ่นดินไหว, และมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา
  • กลยุทธ์รับมือ: ออกแบบเมนูใหม่ที่ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น แต่ยังคงรักษากำไรขั้นต้น (Margin) ที่ดี

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

โอกาสทางธุรกิจที่บริษัทกำลังดำเนินการ:

  1. การขยายสาขา: เน้นการขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น เซ็นทรัล พระราม 2 และเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ไอคอนสยามและเมกาบางนา
  2. การตลาดเชิงรุก: เน้นการทำตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยว (Tourist) โดยใช้ Influencer และ Channel ที่ชาวต่างชาตินิยม
  3. การเติบโตของแบรนด์: วางแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Aggressive) สำหรับแบรนด์ ทงคัตสึ Wao Kigi เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

  • เศรษฐกิจชะลอตัว: มีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
  • การแข่งขัน: การแข่งขันที่สูงในตลาดร้านอาหาร
  • ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก: เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น แผ่นดินไหว อาจส่งผลกระทบต่อรายได้

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

  • การปรับเมนู: ออกแบบเมนูที่มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลง แต่ยังคงรักษากำไร
  • การตลาดเชิงรุก: เน้นการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์และ Influencer
  • การควบคุมต้นทุน: ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อลดต้นทุนในการบริหารจัดการร้าน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

แนวโน้มของธุรกิจในอนาคต:

  1. การเติบโตอย่างต่อเนื่อง: คาดการณ์การเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในระยะยาว
  2. การขยายฐานลูกค้า: มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  3. การพัฒนาเทคโนโลยี: ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:14]

  • **SSSG ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว**
    • **คำถาม:** เศรษฐกิจชะลอตัวและ SSSG ไตรมาส 1 ติดลบ 5% คาดว่าไตรมาส 2 จะเป็นอย่างไร บริษัทมีเป้าหมายรายได้ปี 2568 ที่ 800 ล้านบาท และกำไร 120 ล้านบาท จะทำได้หรือไม่
    • **คำตอบ:**

      บริษัทยังคงเป้าหมายเดิม โดยอิงจากการขยายสาขา 15 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ทงคัตสึ Wao Kigi ที่มีความมั่นใจสูงว่าจะทำได้ตามเป้า

      4 เดือนแรกของปี ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน แม้ว่า Top Line อาจติดลบเล็กน้อยจากปัจจัยภายนอก เช่น วันในเดือนกุมภาพันธ์น้อยกว่าปีก่อน และเหตุการณ์แผ่นดินไหว

      บริษัทมีการปรับกลยุทธ์เพื่อลด Spending Per Head เพื่อรองรับการขยายสาขาไปยัง Trade Zone ที่มีกำลังซื้อต่ำลงในอนาคต

  • **การเปิดร้านวันจันทร์ของร้าน คุคุ**
    • **คำถาม:** ร้านคุคุ เปิดวันจันทร์หรือยัง?
    • **คำตอบ:**

      กำลังเริ่มเปิดวันจันทร์ โดยสัปดาห์นี้เริ่มเปิดวันจันทร์ แต่เป็นวันหยุดชดเชยวิสาขบูชา

      หลังจากนี้จะเริ่มเปิดวันจันทร์และมีดินเนอร์ครบทุกวัน

  • **กระแส Handroll Sushi**
    • **คำถาม:** กระแส Handroll Sushi มาแรงมาก มะกุโระมีแผนอย่างไร จะกระทบหรือไม่ และมีเมนู Handroll หรือไม่?
    • **คำตอบ:**

      บริษัทรู้จักอาหารประเภทนี้มานานแล้ว และเคยทำ Seasonal ขายในช่วงไตรมาส 3-4 ปีที่แล้ว

      มองว่า Handroll อาจเป็นตลาดยังไม่ใหญ่มากนัก และยังไม่มั่นใจว่าจะอยู่คู่กับตลาดไปนานแค่ไหน

      อนาคตอาจมีเมนู Temaki มาเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง

  • **ราคาวัตถุดิบ**
    • **คำถาม:** ซัลมอนใน Q2 และราคาหมูมีผลกระทบอย่างไร?
    • **คำตอบ:**

      ราคาซัลมอนมีแนวโน้มลดลง ไม่ได้มีผลกระทบรุนแรงเหมือนปีก่อน

      ราคาหมูที่ใช้เป็นวัตถุดิบคุณภาพดีอยู่แล้ว ราคายังยืนในระดับเดิม

  • **Hitoyoshi Size Mini**
    • **คำถาม:** โมเดล Hitoyoshi Size Mini ที่ Central พระราม 9 เป็นอย่างไร?
    • **คำตอบ:**

      รายได้อาจจะไม่เท่าสาขาใหญ่ แต่ GPM ไม่ได้แตกต่างกัน

      การลงทุนและการขยายสาขาด้วย Size Mini มีความยืดหยุ่นและทำได้ไวกว่า

  • **ขยายสาขา**
    • **คำถาม:** กลัวกลางยังไหวไหม ขยายสาขาปีนี้ 50 กว่าสาขา?
    • **คำตอบ:**

      บริษัทมี Infrastructure รองรับ 60-70 สาขาขึ้นไปอยู่แล้ว

      การขยายสาขาเพิ่มเติม จะเป็นการเช่าพื้นที่ข้างๆ Facility เดิมเท่านั้น

      ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแค่ค่าเช่าและ Equipment ซึ่งไม่ใช่การลงทุนที่หนัก

  • **การ Renovate สาขาเดิม**
    • **คำถาม:** มีแผน Renovate สาขาเดิมหรือไม่?
    • **คำตอบ:**

      มีแผน Renovate สาขาที่ทำรายได้ดีและมีฐานลูกค้าเก่าแก่ เช่น Chick Republic บางนา, สาขาที่ 2, สาขาพระราม 3, และสาขาเมกาบางนา

      จะปรับปรุงบรรยากาศ, พัฒนาเรื่อง Food Safety และ Hygiene, และทำให้บรรยากาศน่าเข้ามาทานมากขึ้น

  • **นักท่องเที่ยวหาย**
    • **คำถาม:** กลัวนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป?
    • **คำตอบ:**

      ผลกระทบไม่มากนัก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นชาว Local

      สัดส่วนลูกค้าต่างชาติมีแค่ 10% ในสาขาในเมือง เช่น Central World, ทองหล่อ, สุขุมวิท, Hitoyoshi Shabu ที่ EmQuartier หรือ Paragon

      สาขานอกเมือง เช่น บางนา, ราชพฤกษ์, แจ้งวัฒนะ, กรุงเทพกรีฑา มีชาวต่างชาติน้อยมาก (2-3%)

      บริษัทไม่ได้เน้นอาหารไทย เรื่อง Tourist หายไปจึงกระทบน้อยกว่า

  • **ENTAC**
    • **คำถาม:** ENTAC ผลกระทบ?
    • **คำตอบ:**

      ไม่มี

  • **ค่าเช่า**
    • **คำถาม:** ค่าเช่าแพงขึ้นไหม?
    • **คำตอบ:**

      กำลังต่อรองค่าเช่าอยู่

      ค่าเช่าในศูนย์การค้าใหม่อาจจะไม่แพงเหมือนปีก่อน

      เงื่อนไขต่างๆ อาจจะดีขึ้น การต่อรองเจรจาอาจจะเป็นไรที่ง่ายขึ้นในช่วงนี้

โดยสรุปแล้ว แม้ว่า Maguro Group จะเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ แต่บริษัทก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายสาขาไปยังทำเลที่มีศักยภาพ, พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า, และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน

โพสต์ล่าสุด