https://aio.panphol.com/assets/images/community/5735_D3B4BE.png

TU ปรับเป้าปี 68 โตเล็กน้อย แม้กำไร Q1 อ่อนตัว แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ"

P/E 10.26 YIELD 5.60 ราคา 12.80 (0.00%)

text-primary ยอดขายและกำไร Q1/68 ลดลง แต่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงยังเติบโต

ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป (TU) รายงานยอดขาย 1Q68 ที่ 29,789 ล้านบาท ลดลง 15.1% q-q และ 10.3% y-y โดยยอดขายลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ ยกเว้นธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยังเติบโตได้ดี กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,019 ล้านบาท ลดลง 16.0% q-q และ 11.6% y-y อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมค่าใช้จ่าย transformation องค์กร กำไรปกติจะอยู่ที่ 1,317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% y-y

text-primary ปรับลดประมาณการปี 68 จากผลกระทบ U.S. Tariff

บริษัทได้ปรับลดประมาณการ (Guidance) ปี 2568 โดยสะท้อนผลกระทบจาก U.S. Tariff 10% ดังนี้

  • ลดการเติบโตของยอดขายเหลือ 1-3% จากเดิม 3-4%
  • ลด GPM เล็กน้อยเหลือ 18-19% จากเดิม 18.5-19.5%
  • เพิ่ม SG&A/Sales เป็น 13.5-14.0% จาก 13.0-13.5%
  • ลด Capital Expenditure เหลือ 3.0-3.5 พันล้านบาท จาก 4.5-5.0 พันล้านบาท

text-primary Reciprocal Tariff มีผลกระทบจำกัด และซื้อหุ้นคืนหนุน EPS โต

Phillip Securities (Thailand) (PST) มองว่า Reciprocal Tariff มีผลกระทบจำกัดต่อ TU เนื่องจากประเทศไทยมีเรต Total Tariff ที่ใกล้เคียงหรือน้อยกว่าคู่แข่งหลักในกลุ่มธุรกิจ Ambient, Frozen และ Pet Care นอกจากนี้ การซื้อหุ้นคืน 445 ล้านหุ้น จะช่วยหนุนให้ EPS ปี 2568 เติบโตขึ้น 4.6% จากคาดการณ์เดิม

text-primary คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17.20 บาท

PST ประเมินราคาพื้นฐานปี 2568 ของ TU ที่ 17.20 บาทต่อหุ้น โดยวิธี Discounted Cash Flow (DCF) จาก Free Cash Flow to Equity (FCFE) แม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับปัจจัยลบจากภาษี Global Minimum Tax และ U.S. Tariff แต่ยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมการลดต้นทุนจากโครงการ Transformation และการบริหารเงินสดซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ EPS และ ROE สูงขึ้น PST จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ TU ซึ่งเป็นหุ้น Defensive ที่มีความมั่นคงทั้งในแง่ของ Business competitive และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เป็นบวกต่อเนื่อง

โพสต์ล่าสุด