https://aio.panphol.com/assets/images/community/5194_8d9bca.png

PTTEP: สรุป Opportunity Day Q1 ปี 2568 – เน้นย้ำความมั่นคงทางพลังงาน และ กลยุทธ์การเติบโตในยุค AI

P/E 6.89 YIELD 9.08 ราคา 106.00 (0.00%)

PTTEP: สรุป Opportunity Day Q1 ปี 2568 – เน้นย้ำความมั่นคงทางพลังงาน และ กลยุทธ์การเติบโตในยุค AI

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

PTTEP มีมูลค่า Market Cap อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการจ่ายเงินปันผลที่คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 8% ในปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์หลักของบริษัทคือการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศไทย รวมถึงการขยายการลงทุนและการเติบโตในต่างประเทศ

ปัจจุบัน PTTEP มีสัดส่วนในการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยถึง 82% และยังเน้นหนักในการเติบโตในต่างประเทศในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น มาเลเซีย พม่า ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา PTTEP สามารถเพิ่มปริมาณการขายได้กว่า 52% โดยหลักๆ ยังคงเป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 70% ของพอร์ตการผลิตของบริษัท และ Liquid 30%

บริษัทได้ลดต้นทุนการผลิต (Unit Cost) ลงมาได้กว่า 32% จากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยมี Cash Cost อยู่ที่ประมาณ 15 เหรียญ

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

PTTEP มองเห็นโอกาสในการตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยี AI โดยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการเติบโตในยุค AI

บริษัทเน้นการรักษาความสมดุลในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) โดยคำนึงถึงความมั่นคง ความยั่งยืน และการเข้าถึงได้ของพลังงาน

PTTEP ยังคงยืนกลยุทธ์ 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลักดัน Drive Value โดยโฟกัสในการผลิตก๊าซเป็นหลัก ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonize) และการ Diversify

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทเผชิญกับความผันผวนและเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์พลังงานโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ทางด้านพลังงาน

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึง US Tariff อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ความท้าทายในเรื่องของต้นทุนของพลังงานสะอาด เช่น Green Hydrogen และพลังงานนิวเคลียร์รูปแบบใหม่ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

PTTEP เน้นการรักษาความสมดุลในเรื่องบริหารความเสี่ยงของนโยบายพลังงานแต่ละประเทศ

บริษัทมีการดำเนินงานในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืน โดยคำนึงถึง Sustainability และเรื่องของสิ่งแวดล้อม ชีวอนามัย

PTTEP ได้รับการยอมรับและให้ความเชื่อถือจากหลายสถาบันในการให้ Credit Rating ที่ดีมาโดยตลอด

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

PTTEP ตั้งเป้าหมายที่จะรักษาการเติบโตที่ 2-3% ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเน้นหนักในเรื่องของความมั่นคงทางด้านพลังงานในแหล่งยุทธศาสตร์ 3 พื้นที่ คือ Eastern Corridor ในอ่าวไทย Western Gas ที่พม่า และ Southern Gas Corridor ที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย

บริษัทมีแผนที่จะเร่งรัดการพัฒนาและ Monetize ตัว Marginal Gas Field ในมาเลเซีย (Malaysia Green Field) และมีแผนการผลิตใน Mozambique ในปี 2571

PTTEP จะผลักดัน 4 Area สำคัญ คือ การรักษาการผลิตและการเติบโต การรักษาต้นทุนการผลิต ความปลอดภัยและชีวอนามัย และการเตรียมความพร้อมของบุคลากร (Workforce)

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 59:10]

Q: ปัจจุบันมีการพูดถึงการนำเข้า LNG จาก Alaska บริษัทมองว่าจะมีผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและด้านผลตอบแทน

A: ถ้าในพอร์ตของประเทศจริงๆ แล้ว ในส่วนของ LNG ยังสามารถที่จะอยู่ในระดับของการที่จะซื้อเพิ่มตรงนี้ได้อยู่แล้ว ส่วนของ PTTEP จริงๆ แล้วเราเป็นสัญญาก๊าซระยะยาว และกำลังการผลิตในปัจจุบันก็เป็นส่วนที่จะต้องมี LNG เข้ามาช้วยอยู่แล้ว เพราะว่าของเราเองที่มีสัดส่วนก็ยังไม่พอในการใช้พลังงาน ตอนนี้ประเมินว่ายังไม่มีผลกระทบในส่วนนี้

Q: บริษัทคาดว่าหน่วยงาน ARV จะสามารถ Contribute earning per share อย่างมีนัยยะสำคัญได้ช่วงไหน และมีแนวทางในการเลือกโครงการที่จะ Synergy กับบริษัทไหม

A: ถ้ามองวัตถุประสงค์ของการตั้ง ARV ตั้งแต่ต้นก็ 5-6 ปี เรา Focus ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพื่อที่จะมาทั้งสนับสนุนกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในกลุ่ม ปตท.สผ. รวมทั้งขยายโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยี ไม่ว่าร่วมทุน กับการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ แพลตฟอร์ม AI ที่ขยายเป็นโอกาส ซึ่งปัจจุบัน ARV อยู่ในกระบวนการที่จะทบทวนกลยุทธ์การลงทุน เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งต่อไป ซึ่งเร่งรัดในการที่จะให้มีผลกำไร รวมทั้งยอดขายในกลุ่ม ธุรกิจที่สามารถที่จะเข้ามาสนับสนุนกิจการในกลุ่ม ปตท.สผ. ได้โดยเร็ว ซึ่งมองว่าจะมีรายได้และผลกำไรภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งอยู่ในการทบทวนกลยุทธ์

Q: ในปัจจุบัน Price per book ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่ PE Ratio ก็อยู่ในระดับต่ำ นอกจากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาขายแล้วบริษัทมีนโยบายอย่างไรที่จะเสริมตัว Earning per share Growth

A: แน่นอนที่สุด ถ้ามองพอร์ตของ ปตท.สผ. ในโครงการต่างๆซึ่งอยู่ในแผนแล้ว ในแผนห้าปีข้างหน้า เราก็พยายามที่จะรักษาตัว Earning per Share ให้ได้ ในระดับเดิม คือ การจะเติบโต EPS คงไม่พ้นการจะต้องมีโครงการใหม่ๆ ก็คือ การ monetize โครงการพัฒนาที่อยู่ในแผน ตอนนี้อย่างที่เรียน ของการโครงการโมซัมบิก เราก็พยายามที่จะเร่งรัดการพัฒนา Malaysia Green Field ที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตเข้ามา หรือแม้แต่โอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่เรามองว่ายังเป็นอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สามารถที่จะเข้าซื้อ ในช่วงที่ มีราคาที่เหมาะสม ราคาน้ำมัน ในราคาที่เหมาะสม ก็จะเป็นส่วนที่จะเติมในพอร์ตของ ปตท.สผ. เพิ่มเติม ก็คงจะต้องเป็นการ ทำ M&A ดูโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่ม EPS

Q: จากแนวทางที่จะ Diversify ไปต่างประเทศ จะมีแนวทางที่จะ Sustain earning per share growth ได้อย่างไร

A: จริงๆ แล้วก็ยังเน้นการลงทุนในผลิตภัณฑ์ก๊าซ Portfolio ที่ใน Strategic Area ที่มีต้นทุนต่ำ เพราะเชื่อว่าก๊าซธรรมชาติเป็น Destination Fuel สามารถรองรับในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงานได้ และก็สามารถรักษาระดับการทำกำไรได้เช่นเดียวกัน

Q: โครงการที่ ที่ ที่เราจะพิจารณา โครงการใหม่ๆในการทำ M&A จะเป็นโครงการที่พัฒนาจนใกล้ๆจะผลิตละ หรือว่าผลิตในช่วงต้นๆ

A: ก็จะ Green Field Development หรือว่าเป็น Early Production ก็จะเป็นโครงการที่เราสนใจ เพื่อให้ สามารถ Generate Cash Flow เข้ามาได้เลยครับ

Q: นโยบายของ Trump กระทบกับการดำเนินธุรกิจของ ปตท.สผ. อย่างไรบ้าง

A: ในเรื่องของหลายๆส่วน คือที่ส่งผลในปัจจุบันก็จะคือราคาน้ำมันเพราะว่า ทางอเมริกาเองเขาก็สนับสนุนการผลิตในประเทศ ซึ่งคงหนีไม่พ้น น้ำมัน Oil Shale ซึ่ง เราก็มองว่าต้นทุนของการพัฒนา Oil Shale ก็ไม่ได้ถูกอีกต่อไป มันไม่เหมือนตอนที่เขาเจอตัวแหล่งที่มีศักยภาพใหญ่ๆ ซึ่งตอนนี้เราก็มองว่าต้นทุน Oil Shale ที่อเมริกาก็ ไม่ได้ถูก ก็ต้อง ต้องมี 60 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันที่ส่งผลในปัจจุบันจากนโยบายของ Donald Trump ทาง ปตท.สผ. เองก็มองราคาน้ำมันอยู่ในเลนที่เรียนว่าประมาณ 65 เหรียญถึง 70-75 เหรียญ ซึ่งพอร์ตของ สผ. ก็ในส่วนที่เป็นน้ำมัน 30% ก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งเราเองก็จะมีการบริหารความเสี่ยง ในเรื่องของการทำ hedging เป็น Dynamic Hedging แต่ว่าในพอร์ตใหญ่แล้วก็ยังคงเป็นก๊าซ ซึ่งก็ยังมีการ สัญญาณก๊าซระยะยาวซึ่ง Protect การสวิง ของของราคาได้ ได้ระดับหนึ่งเลย โดยเฉพาะใน โครงการ G1 G2 คิดว่ายังไม่ได้มีผลกระทบในปีนี้มากนัก

Q: ทิศทางการลงทุนของปีนี้เน้นที่อะไร และกำหนดวงเงินไว้อย่างไร

A: การลงทุนตามแผนห้าปีก็เป็นสิ่งที่ ปตท.สผ. Commit ในการที่จะเพิ่มการผลิตให้ได้ เซลล์ CGR เนี่ย 3.6% งั้นก็เป็นสูตรที่ที่ Focus อย่างชัดเจน แนวโน้มการลงทุน ทิศทางการลงทุนก็ ก็คงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการร่วมลงทุน อย่างที่เรียน ไม่ว่าเป็น Southern Corridor หรือว่าทางตะวันออกกลาง แอลจีเรีย ครับตามที่เรียนนะครับ ก็คงเป็นกลยุทธ์ที่ ที่อยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ

โดยสรุป, PTTEP ยังคงมุ่งเน้นการรักษาความมั่นคงทางพลังงานและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ในขณะเดียวกันก็มีการบริหารความเสี่ยงและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดพลังงานโลก

โพสต์ล่าสุด