https://aio.panphol.com/assets/images/community/4398_E60AAB.png

INVX มอง KTC กำไร Q1/68 ตามคาด แต่แนะ "UNDERPERFORM" ราคาเป้าหมาย 39 บาท

P/E 9.51 YIELD 4.71 ราคา 28.00 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: INVX วิเคราะห์ KTC

INVX ประเมินว่า KTC มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2568 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ทรงตัว, credit cost ที่ลดลง, สินเชื่อที่หดตัว, NIM ที่ลดลง, non-NII ที่ลดลงตามฤดูกาล, และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม, INVX ยังคงคำแนะนำ UNDERPERFORM สำหรับ KTC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 39 บาท เนื่องจาก valuation ที่แพงและแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ต่ำ

รายละเอียดผลประกอบการ Q1/68

KTC รายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 1.86 พันล้านบาท (-1% QoQ, +3% YoY) ซึ่งเป็นไปตามที่ INVX และ consensus คาดการณ์ไว้ โดยมีรายการที่สำคัญดังนี้:
1) คุณภาพสินทรัพย์: NPL อยู่ในระดับทรงตัว QoQ, credit cost ลดลง 44 bps QoQ (-44 bps YoY) มาอยู่ที่ 5.99%, LLR coverage เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 389% จาก 369% ณ 4Q67
2) การเติบโตของสินเชื่อ: -4% QoQ, +2% YoY
3) NIM: -43 bps QoQ (-18 bps YoY) อัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อลดลง 50 bps QoQ (-25 bps YoY) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 5 bps QoQ (+11 bps YoY)
4) Non-NII: -3% QoQ (จากปัจจัยฤดูกาล) และ +3% YoY รายได้ค่าธรรมเนียมลดลงตามฤดูกาล 4% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 7% YoY หนี้สูญได้รับคืนลดลง 3% QoQ และ 4% YoY
5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: +46 bps QoQ (+11 bps YoY) opex ลดลง 1% QoQ (+1% YoY)

แนวโน้มกำไรปี 2568 และปัจจัยเสี่ยง

INVX คาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจาก credit cost ที่คาดว่าจะลดลงจะถูกชดเชยโดย NIM ที่แคบลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่สูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้าน IT ที่สูงขึ้น INVX คาดว่า NIM จะหดตัวลง 17 bps ในปี 2568 อันเป็นมาจากมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” และการให้เครดิตเงินคืนสำหรับลูกหนี้ที่ผ่อนชำระขั้นต่ำมากกว่าหรือเท่ากับ 8%

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง 2) การปรับเพิ่มอัตราชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตจาก 8% เป็น 10% 3) มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของธปท. และ 4) ความเสี่ยงด้าน ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct)

สรุปและคำแนะนำ

INVX คงคำแนะนำ UNDERPERFORM และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 39 บาท (อิงกับ PBV ปี 2568 ที่ 2.3 เท่า) เนื่องจาก valuation ที่แพงและกำไรมีแนวโน้มเติบโตต่ำ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

โพสต์ล่าสุด