บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

CPALL: บัวหลวงให้เป้า 70 บาท มองข้ามช็อต หุ้นยังไม่สะท้อนความแข็งแกร่ง!
P/E 17.72 YIELD 2.70 ราคา 50.00 (0.50%)
ไฮไลท์สำคัญ
บล.บัวหลวง (BLS) ยังคงแนะนำซื้อ CPALL ด้วยราคาเป้าหมาย 70 บาท มองว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนความแข็งแกร่งของกิจการ โดยคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 1/68 เติบโตต่อเนื่องจากแรงหนุนของยอดขายสินค้าพร้อมทาน (RTE) ใน 7-Eleven และปัจจัยบวกจากการ Synergy กับ CPAXT
7-Eleven แข็งแกร่งหนุนกำไรหลักไตรมาส 1/68 เติบโตต่อเนื่อง
บล.บัวหลวงคาดการณ์ว่า CPALL จะรายงานกำไรหลักในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 6,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY แม้จะลดลง 3% QoQ เนื่องด้วยปัจจัยฤดูกาลของ CPAXT การเติบโต YoY มาจากผลการดำเนินงานของ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมอยู่ที่ 3% และอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว 55bps YoY รายได้รวมคาดว่าจะอยู่ที่ 2.476 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY แต่ลดลง 1% QoQ และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22.6% เพิ่มขึ้นจาก 22.3% ในไตรมาส 1/67
ประมาณการของบล.บัวหลวงสำหรับ 7-Eleven ประกอบด้วยยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จเฉลี่ยราว 87 บาท เพิ่มขึ้น 2% ทั้ง YoY และ QoQ และจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อวันต่อสาขาอยู่ที่ 980 ราย เทียบกับ 972 รายในไตรมาส 1/67 การขยายตัวของอัตรากำไรคาดว่าเป็นผลมาจากสัดส่วนยอดขายของสินค้าพร้อมทาน (RTE) ที่สูงขึ้น และสัดส่วนของสินค้ากำไรต่ำ เช่น บุหรี่ ที่ลดลง โดย EBIT margin รวมคาดว่าจะอยู่ที่ 5.4% เพิ่มขึ้น 10bps YoY
แนวโน้มไตรมาส 2/68 แข็งแกร่งหนุนโดยมาตรการกระตุ้นของรัฐ
บล.บัวหลวงคาดกำไรหลักของ CPALL ในไตรมาส 2/68 จะเติบโต YoY หนุนจากยอดขายของ 7-Eleven ในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวและเขตเมืองใหญ่ นอกจากนี้ สินค้ากลุ่ม RTE และ RTD ที่มีอัตรากำไรสูงยังช่วยหนุนความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง และอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1-2% จากนโยบายภาครัฐที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 2 รายการ ได้แก่ 1) การปรับลดค่าไฟฟ้า 4% เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยสำหรับรอบบิลเดือนพ.ค.–ส.ค. และ 2) โครงการแจกเงินเฟส 3 จำนวน 10,000 บาท วงเงินรวม 2.6 หมื่นล้านบาท ให้กับประชาชนอายุ 16–20 ปี ซึ่งจากการที่ CPALL มีร้านสะดวกซื้อมากกว่า 15,400 สาขาทั่วประเทศ บริษัทจึงอยู่ในจุดที่สามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากนโยบายได้อย่างเต็มที่
ความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าอยู่ในระดับจัดการได้ และมูลค่าหุ้นยังคงน่าสนใจ
แม้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ที่ระดับ 36% อาจกระทบต่อการบริโภคในประเทศผ่านการชะลอตัวของ GDP แต่ความเสี่ยงต่อ CPALL ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ นักเศรษฐศาสตร์ของบล.บัวหลวงประเมินว่า GDP ของไทยอาจยังคงเติบโตได้ที่ 0.9% ในกรณี worst-case เทียบกับ 1.4% ในกรณี base-case นอกจากนี้ สินค้าที่จำหน่ายใน 7-Eleven ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากต้นทุนสินค้านำเข้าได้อย่างมาก บล.บัวหลวงคาดดาวน์ไซด์ต่อประมาณการกำไรหลักปี 2568 จะอยู่ที่ราว 4% ในกรณี worst-case ซึ่งอยู่ภายใต้ประมาณการยอดขายสาขาเดิมจะเติบโตเพียง 1%
เมื่อเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน CPALL ซื้อขายที่ PER ปี 2568 เพียง 17.2 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ เมื่อพิจารณาจาก ROE ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงถึง 19.8% บล.บัวหลวงยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2568 ที่ 26,759 ล้านบาท เติบโต 6% YoY โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จะได้แรงหนุนจากอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของ 7-Eleven ขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บล.บัวหลวงคาดว่ากำไรจะได้แรงหนุนจากการ synergy กับ CPAXT ที่เริ่มเห็นผลจากการเจรจาเงื่อนไขใหม่กับซัพพลายเออร์