บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TU เจอศึกหนัก! Maybank IBG ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" ชี้กำไร Q1/68 อ่อนแอ
P/E 9.94 YIELD 5.78 ราคา 12.40 (0.00%)
ผลกระทบต่อผลประกอบการ: กำไร Q1/68 ส่อแววทรุด
Maybank IBG คาดการณ์ว่า TU จะรายงานกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 1/2568 ที่ 685 ล้านบาท (-37% YoY, -40% QoQ) จากยอดขายที่ลดลงและอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ที่ลดลง ภายใต้ภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแอและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 3.0 หมื่นล้านบาท (-9% YoY, -14% QoQ) จากผลกระทบของค่าเงินที่ไม่เอื้ออำนวยและอุปสงค์ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแบบพร้อมทาน (ambient) ที่ลดลง
นอกจากนี้ คาดว่า GPM จะอยู่ที่ 18.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17.3% ในไตรมาส 1/2567 แต่ลดลงจาก 18.7% ในไตรมาส 4/2567 ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับขึ้น ขณะที่อัตราส่วน SG&A ต่อยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 14.6% (เทียบกับ 12.6% ในไตรมาส 1/2567 และ 14% ในไตรมาส 4/2567) โดยหลัก ๆ มาจากค่าขนส่ง ค่าการตลาด และค่าใช้จ่ายโครงการภายในที่เพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงจากสงครามการค้า: ภาษีสหรัฐฯ กระทบ TU
Maybank IBG มองว่า TU เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ 36% ของสหรัฐฯ มากที่สุด เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากตลาดสหรัฐฯ คิดเป็น 39% ของรายได้รวมในปี 2567 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการขึ้นภาษีนี้ครอบคลุมถึงคู่แข่งอย่างเวียดนามซึ่งเผชิญภาษีสูงถึง 46% Maybank IBG มองว่าบริษัทในอุตสาหกรรมจะสามารถทยอยปรับราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้บางส่วน
แนวทางการรับมือ: TU หาทางลดผลกระทบ
ในระยะสั้น TU อาจบรรเทาผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นด้วยการใช้สต๊อกสินค้าในสหรัฐฯ ที่มีอยู่ราว 4-6 เดือน และอาจย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากไทยไปยังโรงงานในประเทศกานา ขณะเดียวกันบริษัทยังคาดหวังให้ไทยเจรจาลดภาษีกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม Maybank IBG มองว่าประเด็นนี้จะยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อ TU ตลอดปี 2568
สรุป: ปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมาย
Maybank IBG ปรับลดประมาณการ EPS ปกติปี 2567-2568 ลง 1-9% เพื่อสะท้อนผลกระทบจากผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ที่คาดว่าจะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงอุปสงค์ที่ชะลอตัวสำหรับผลิตภัณฑ์ของ TU ส่งผลให้ปรับลดราคาเป้าหมายแบบ SOTP เหลือ 9.80 บาท