บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday DUSIT: ทิศทางปี 2567, การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเติบโตอย่างยั่งยืน
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 11.70 (0.00%)
สรุป Oppday DUSIT: ทิศทางปี 2567, การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเติบโตอย่างยั่งยืน
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก UNWTO คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวระหว่างประเทศอยู่ที่ 1.4 พันล้านคน ฟื้นตัว 99% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ภูมิภาคตะวันออกกลางมีการเติบโตของนักท่องเที่ยวสูงสุด มากกว่าระดับก่อนโควิด 134% ยุโรปและแอฟริกาฟื้นตัวได้ดีรองลงมา ส่วนเอเชียแปซิฟิกยังช้าอยู่ (88%)
ประเทศไทยฟื้นตัวประมาณ 89% มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5 ล้านคนในปีที่แล้ว ททท. ตั้งเป้าปี 2568 ที่ 38 ล้านคน รัฐบาลตั้งเป้า 40 ล้านคน ความท้าทายอยู่ที่รายได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปยังไม่กลับไปสู่ระดับก่อนโควิด
ณ สิ้นปี 2567, ดุสิตธานีมีโรงแรมที่ลงทุนเอง 11 แห่ง รับบริหาร 46 แห่ง และวิลล่าระดับหรูภายใต้แบรนด์ Elite Havens 296 แห่ง ใน 18 ประเทศ
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**ดุสิตธานีกำลังขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxury 2 แบรนด์ที่ภูเก็ต พร้อมเปิดให้บริการปี 2570 ภายใต้ชื่อโครงการ ลายัน เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยดุสิตจะร่วมบริหารโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ภายใต้แบรนด์ Dusit Collection ซึ่งจะเป็นโรงแรมแห่งแรกที่ลงนามภายใต้ Dusit Collection
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะลงนามรับบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ Dusit D2 ที่เฟดู มัลดีฟส์ ซึ่งจะเปิดในปีนี้ เพิ่มเติมจากดุสิตธานี มัลดีฟส์ที่เกาะมูดูที่มีอยู่แล้ว และยังจับมือกับ Generator และ Freehold Hotels เพื่อพัฒนาร่วมกันในส่วนของการพัฒนาโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**ความเสี่ยงหลักคือความท้าทายในการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เนื่องจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในการฟื้นตัวของธุรกิจการศึกษาระดับประกาศนียบัตร (Non-degree Program)
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**บริษัทมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในธุรกิจการศึกษา ทำให้ EBITDA กลับมาเป็นบวกได้ตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ยังมีการจับมือร่วมกับ Partner อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างนวัตกรรมและพัฒนาธุรกิจในยุคใหม่
สำหรับธุรกิจโรงแรม มุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและ Gracious Hospitality และได้รับรางวัลจากหลายสถาบัน
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**ดุสิตธานีมีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการสร้างความสมดุลและความหลากหลายใน Portfolio ธุรกิจ การเติบโตของกลุ่มบริษัทจะเป็นไปอย่างยั่งยืน มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ติดตั้ง Solar Panel เพิ่มเติมใน 3 โรงแรม และวิทยาลัยดุสิตธานี ปรับปรุงกระบวนการจัดการขยะอาหาร Food Waste และการอุปโภคบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน มีการติดตั้งโซลาร์พาแนลเพิ่มเติมใน 3 โรงแรมและวิทยาลัยดุสิตธานี เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอุปกรณ์สำคัญในโรงแรม และปรับปรุงกระบวนการจัดการขยะอาหาร (Food Waste)
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นที่นาที 58:24** * **โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเต็มรูปแบบหรือยัง และผลประกอบการเป็นอย่างไร**โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ได้เริ่มเปิดให้บริการในหลายส่วนตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และปัจจุบันส่วนของห้องพักมีอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะสามารถผลักดันอัตราการเข้าพักให้เพิ่มขึ้นได้อีก โดยที่ค่าห้องพักต่อคืน (ADR) ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ที่ระดับหมื่นกว่าบาท ในส่วนของห้องจัดเลี้ยงได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนห้องอาหารต่างๆ ก็ได้ทยอยเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน
* **ผลการดำเนินงานอื่นๆ หากไม่รวมโครงการพัฒนา Dusit Central Park เป็นอย่างไร**ปี 2567 หากไม่รวมโครงการ Dusit Central Park บริษัทขาดทุน 237 ล้านบาท โดยมีผลกำไรบางส่วนจากการโอน Retail Component แต่หากไม่รวมส่วนนี้ ผลขาดทุนจะมากกว่า 237 ล้านบาท แต่ก็ยังมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งตัวเลขการขาดทุนนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำรวมอยู่ด้วย
* **เหตุใดนักท่องเที่ยวไทยในปี 2567 ไม่ค่อยเติบโตเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะกระทบต่อธุรกิจโรงแรมอย่างไร**นักท่องเที่ยวลดลงเนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่อาจมีผลมาจากข่าวสารในบ้านเมืองและภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมบ้าง แต่บริษัทพยายามหา Mix ของนักท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ยอดกลับมาเร็วขึ้น โดยแนวโน้มในไตรมาส 1 นั้น Occupancy ยังดูน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่อัตราค่าห้องพัก (ADR) ยังคงทำได้ดี
* **รายได้จะลดลงไปเท่าไรจากการปิดโรงแรม D2 ที่เชียงใหม่**2% เป็นสัดส่วนที่ไม่เยอะ หากเทียบสัดส่วนแล้วค่อนข้างน้อย เป็นตัวเลขตัวเดียว
* **BI Business Interruption จะได้รับการชดเชยไหม**ทางเรามีประกัน Business Interruption ครับ และยังอยู่ในช่วงของการให้ข้อมูลรวมกับการสอบถามกับบริษัทที่รับประกันอยู่
* **มีแผนจะเปิดโรงแรมที่เชียงใหม่หรือไม่**ต้องพิจารณาตามโอกาสและความเหมาะสมต่อไป
* **มูลค่าที่ขออนุญาตผู้ถือหุ้นให้โอนกับบ. สวนลุมอยู่ที่ 6,500ล้าน แต่ในงบการเงินเห็นเพียง 3,800 ล้านบาท**IFA เป็นความเห็นในช่วงปี 2564 เมื่อมาดูรายละเอียกจะเห็นว่ามูลค่าทั้งหมด 6,000 ล้านบาท เป็นส่วนของretail ที่ต้องลงมอบจริงแค่ 4,000 ล้านเท่านั้น Dusit Consolidation วิมานสุริยา 70% เลยบันทึกแค่ 3,800 ล้าน ส่วนที่บันทึกไม่ได้คือส่วนกลางที่แชร์ Facility ยังไม่ได้บันทึกจะบันทึกในอนาคตเป็นรายปี ตัดจ่าย 60ปี อนาคต
* **ค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้นมาก สาเหตุจากอะไร**ภาษีเป็นไปตามการชำระจริงๆ ที่ไม่ได้มาก ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการทำ Defer หรือภาษีเงินได้รอตัดบัญชี จากการประเมินที่ดินเเละการโอน ซึ่งเป็น accouting texs ไม่ได้จ่ายจริงให้กรมสรรพากร จะมีจำนวนที่ไม่มาก สำหรับบางหน่วยธุรกิจที่ต้องเสียจริงๆ จะต้อง Filter Accouting Tax ออกไป
**สรุป:**โดยรวมแล้ว ดุสิตธานีกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน การขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่ก็มีโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต