บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday TISCO: ปี 2567 กำไรลด แต่ยังคง Top Tier พร้อมกลยุทธ์รับมือดอกเบี้ยขาลง
P/E 12.69 YIELD 7.28 ราคา 106.50 (0.00%)
สรุป Oppday TISCO: ปี 2567 กำไรลด แต่ยังคง Top Tier พร้อมกลยุทธ์รับมือดอกเบี้ยขาลง
สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Set Opportunity Day ของบริษัท TISCO Financial Group จำกัด มหาชน รอบผลประกอบการปี 2567 ค่ะ วันนี้เราได้รับเกียรติจากทางท่านผู้บริหาร 2 ท่าน มาร่วมให้ข้อมูลกับมุมมองทางธุรกิจกับเราในวันนี้
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
สำหรับผลประกอบการของ TISCO ในปี 2567 กำไรสุทธิอยู่ที่ 6,901 ล้านบาท ลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กำไรที่ลดลงหลัก ๆ มาจากค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้นกว่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นนี้มาจากการปรับระดับการตั้งสำรองเพื่อกลับเข้าสู่ระดับปกติค่ะ
ถ้าดูจากอัตรา Credit cost จะเห็นว่าในปี 2566 Credit cost จะอยู่เพียงแค่ 16 Basis Point นะคะ แล้วก็ขยับเพิ่มขึ้นมาที่ประมาณ 60 Basis Point ในปี 2567 และคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ประมาณ 100 Basis Point ในปีนี้ค่ะ
ด้านธุรกิจหลัก รายได้รวมของเรานะคะ มีจำนวน 19,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% Year on Year ค่ะ Net interest income ของเราทรงตัวนะคะ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเรายังเจอกับภาวะของต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในอัตราสูงนะคะ แต่ว่าด้วยกลยุทธ์ของ TISCO เรา เราก็มีการเพิ่มขยายตัวสินเชื่อที่มีกลุ่ม High yield นะคะ เพื่อ show up ในส่วนของ net interest income ค่ะ
ด้าน non-interest income ค่ะ เพิ่มขึ้น 8.4% การเติบโตหลัก ๆ อยู่ที่กลุ่มของ asset management นะคะ ที่เรายังคงขยายตัวได้ดี รวมถึงมีการรับรู้รายได้ underwriting fee ของ IB และตัว trading gain ด้วยค่ะ ภาพรวม ROAE ของปีนะคะ ลดลงจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 16.1% แต่ว่ายังอยู่ในระดับ Top Tier ของอุตสาหกรรมค่ะ
มาดูในฝั่งของ Balance sheet ค่ะ Loan growth ของเรานะคะ ลดลง 1.1% Year on Year พอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปีอยู่ที่ 232,000 ล้านบาทค่ะ โดยการลดลงหลัก ๆ ก็มาจากผลกระทบของตลาดรถยนต์นะคะ ที่ยอดขายรถยนต์ในปีที่ผ่านมาเนี่ยลดลงไปกว่า 26% ค่ะ
จากผลของการ shift ของสัดส่วนสินเชื่อต่าง ๆ นะคะ ก็จะเห็นว่า Loan Breakdown ของเราเนี่ย High purchase นะคะ เหลือเพียง 43% ค่ะ แล้วก็ยังคงเป็นสัดส่วนที่เยอะที่สุดนะคะ ส่วนพอร์ตที่ขยายตัวขึ้นมาทดแทนส่วนของ High purchase ก็จะเป็น corporate loan ค่ะ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26% และ Auto cash เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.6% ค่ะ
ด้านเงินฝากและเงินกู้ยืมค่ะ Deposit and borrowing ลดลง 4% มาอยู่ที่ 212,000 ล้านบาทค่ะ โดยการลดลงก็เพื่อสอดคล้องกับการชะลอตัวของสินเชื่อนะคะ ส่วน funding ของเราหลัก ๆ ก็ยังมาจาก Term deposit เป็นหลักค่ะ มาจากตรงนี้เนี่ยมีสัดส่วนประมาณ 84% ค่ะ ส่วน Casa เนี่ยมีเพียงแค่ 13.5% และ debenture มีเพียง 2.5% ค่ะ
ในรายละเอียดของพอร์ต Retail นะคะ ดังที่กล่าวไปแล้ว ลดลง 1.1% หลัก ๆ มาจากผลของตลาดรถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัวนะคะ Retail ก็เลยลดลงไป 2.9% Year on Year ค่ะ สาเหตุหลักจะมาจากพอร์ตที่เป็นสินเชื่อรถใหม่นะคะ New Car High Purchase ลดลงกว่า 10% Year on Year ค่ะ
ในขณะเดียวกันค่ะ เราก็พยายามเติบโตในส่วนของสินเชื่อ High yield อื่น ๆ ที่เป็น Retail นะคะ ประกอบไปด้วย Use car High purchase เพิ่มขึ้น 9.4% มอเตอร์ไซค์ High purchase เพิ่มขึ้น 18.5% และจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้น 3.7% ค่ะ SME loan ก็เป็นอีกพอร์ตหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของตลาดรถยนต์นะคะ ทำให้พอร์ตก็ลดลงไป 1.6% ค่ะ
พอร์ต Corporate loan ของเรายังคงเติบโตได้ดีนะคะ เติบโตได้ 4% ซึ่งเราก็จะเน้นในกลุ่มของลูกค้าที่เรามีความเชี่ยวชาญ ก็คือตัว Property sector กับตัว Power sector ค่ะ สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อที่เป็นสมหวังเงินสั่งได้ของเรานะคะ ก็มีการเน้นการเติบโตไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาค่ะ พอร์ตล่าสุดของเรานะคะ แตะประมาณ 32,500 ล้านบาท เติบโต 14.3% Year on Year ค่ะ
การเติบโตของสมหวังก็มาจากการขยายสาขานะคะ ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เรามีการเร่งขยายสาขาไปนะคะ ในปี 2567 เปิดเพิ่มขึ้นอีก 163 สาขาทั่วประเทศค่ะ ตรงนี้ก็เป็นตามแผนนะคะ แต่ตอนนี้เนี่ยอาจจะต้องมีการชะลอตัวลงในช่วงของเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัวค่ะ
ขอลงรายละเอียดในส่วนของ Net Interest income นะคะ ในส่วนของจำนวนเงินเนี่ย Net Interest income ของเรายังคง Flat flat นะคะ โดยปีที่ผ่านมาเนี่ยเราได้รับผลกระทบของเรื่อง policy rate ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดนะคะ ทำให้ Cost of fund ของเราก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นค่ะ แต่ด้วยกลยุทธ์ของ TISCO ค่ะ เราก็เน้นในการขยายสินเชื่อ High yield นะคะ เพื่อ show up ในส่วนของ Net Interest income ค่ะ ทำให้ตรงนี้ก็ไม่ได้มีการปรับลดลงนะคะ
ถ้าดูในแง่ของ ratio ค่ะ Cost of fund ของเราเนี่ยปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดนะคะ ทำให้กดดันในส่วนของ Loan spread ค่ะ ทำให้ Loan spread ลดลงมาเหลือที่ 5.3% ค่ะ อย่างไรก็ดีค่ะ ในช่วงเดือนตุลาคมของปีที่แล้วนะคะ ก็ กนง. มีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกนะคะ ลดลง 25 Basis Point แล้วก็ลดลงอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอีก 25 Basis Point ทำให้ตอนนี้ policy rate นะคะ ลดลงเหลือ 2 Basis เอ่่อ 2% ค่ะ
จากสัญญาณตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่า Cost of fund ของเราผ่านจุด peak ไปแล้วนะคะ แล้วก็น่าจะมีแนวโน้มปรับลดลงได้ในอนาคตค่ะ มาดูในส่วนของ Non-interest income หรือรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยค่ะ ปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 8.4% Year on Year ค่ะ การเติบโตหลัก ๆ มาจากการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนนะคะ ส่วนธุรกิจหลักเนี่ยตัว Asset Management ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งค่ะ เพิ่มขึ้น 5.5% Year on Year ค่ะ
Asset Management ที่เติบโตได้ดีหลัก ๆ ก็มาจากในส่วนของธุรกิจ provent fund นะคะ ซึ่ง AUM ของ provent fund เนี่ยเติบโตไปกว่า 9% Year on Year แล้วก็ทำให้เราได้รับ performance fee เข้ามาด้วยนะคะ จากผลประกอบการที่เราทำได้ดีค่ะ fund เรายังคงยืนเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมค่ะ ด้านธุรกิจ brocation IB นะคะ ที่เพิ่มขึ้น 3.7% หลัก ๆ มาจากการรับรู้ IB ฟรีนะคะ จากการเป็น underwriter ให้กับ หุ้น IPO ค่ะ
อย่างไรก็ดีค่ะ ธุรกิจที่เกี่ยวกับหลัก ทรัพย์โดยตรงเนี่ย ที่เป็นเรื่องของ Volume เนี่ยยังคงชะลอตัวตลอดทั้งปีนะคะ ทำให้รายได้ในส่วนนี้ก็อ่อนตัวลงไปค่ะ Banking Fee ค่ะ ลดลง 1.1% หลัก ๆ มาจากในส่วนของ Bank insurance ค่ะ ซึ่งก็เป็นอีกธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศนะคะ พอ ยอดขายรถอ่อนตัวก็ทำให้รายได้ประกันที่ได้จากการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ก็อ่อนตัวลงไปด้วยค่ะ
Asset Quality นะคะ หรือว่า NPL ของเราปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้วค่ะ ratio ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.35% นะคะ ส่วนหนึ่งก็มาจากการขยายสินเชื่อที่เป็นกลุ่ม High yield นะคะ ก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ รวมถึงหนี้ครัวเรือนก็ยังคงอยู่ในระดับสูงนะคะ กดดันในส่วนของ affordability ของลูกค้าค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น TISCO เราก็มีการ tighten ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อใหม่นะคะ เรามีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น รวมถึงไปเน้นในเรื่องของการติดตามทวงถามหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ ตัว Loan Loss Coverage ratio นะคะ อยู่ที่ 155% ค่ะ ก็มีการใช้ในส่วนของ Access Reserve ไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานะคะ ตอนนี้ปรับตัวลดลงมา แต่ว่ายังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ
Capital ratio ค่ะ BIS ratio เราลดลงจากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 20.5% ค่ะ หลัก ๆ มาจากการ redeem ตัว sub tier 2 ไปในระหว่างปีนะคะ ส่วน Tier 1 เนี่ยยังอยู่ระดับใกล้เคียงเดิมที่ 18.7% ค่ะ ซึ่งทั้ง 2 ratio ก็ยังสูงเกินเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยค่ะ จำนวนสาขาและพนักงานค่ะ พนักงานมีมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 300 คนในปีที่แล้วนะคะ หลัก ๆ มาจากพนักงานในกลุ่มของสมหวัง ซึ่งเราก็มีการเปิดสาขาสมหวังเพิ่มขึ้นไป 163 สาขาในปีก่อนหน้าค่ะ
ตรงนี้ก็เป็นตามแผนนะคะ แต่ตอนนี้เนี่ยอาจจะต้องมีการชะลอตัวลงในช่วงของเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัวค่ะ ขออนุญาตแตะในส่วนของ Capital เล็กน้อยนะคะ TISCO เรามีการประกาศจ่ายปันผลไปนะคะ เมื่อเดือนที่แล้วจากผลประกอบการในปี 2567 ปันผลทั้งปีนะคะ รวมจำนวน 7.75 สตางค์ต่อหุ้น โดยคิดเป็น payout ratio ที่ 90% เราจะขึ้น XD ในวันที่ 25 เมษายน และจะจ่ายปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคมค่ะ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
คุณศักดิ์ชัย พีชพัฒน์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Tisco) กล่าวว่า สิ่งที่ Tisco เน้นมากเป็นพิเศษ คือ เรื่องของ sustainable growth หรือการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริหารความสามารถในการสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ไม่ให้เกิดการแกว่งตัว เพื่อให้มีความสามารถในการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอที่ดี
เช่น ในช่วงโควิดที่สถานการณ์ที่ uncertainty มันสูง เรามีความจำเป็นต้องตั้ง cushion ของสำรองไว้ค่อนข้างสูง แต่ในช่วงของ cycle ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เช่น ดอกเบี้ยจากปี 2564 ไป 2566 เนี่ย มันขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด policy rate ถึง 8 ครั้ง ดังนั้นในกลยุทธ์ในช่วงที่ผ่านมา เราก็จะพยายามบริหารให้รักษาสเปรดที่ดี แล้วก็ควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้ได้ มันก็ทำให้เรามีการขยายธุรกิจที่เป็น High yield แล้วก็ floating rate ผ่าน Corporate Banking ซึ่งเราก็สามารถทำบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งใจเอาไว้ ก็ทำให้รักษาสเปรดได้ แล้วก็บริหาร Credit cost ได้ และที่สำคัญ ก็คือ Operating Expense ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดี
ก็จะเห็นว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ในปี 2566 ถึง 2567 เนี่ย จะเห็นว่า Opex ลดลงด้วยซ้ำไป แม้ว่าจำนวนสาขาของสมหวังที่เติบโต เปิดมากขึ้น จำนวนคนมากขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายอันนี้ ก็จะทำให้บริหารตั้งแต่ Top Line จนถึง Bottom Line เนี่ย สร้างความสม่ำเสมอให้ได้
จากนี้ไปเนี่ย จะเป็นจังหวะที่คิดว่า ที่เป็นประโยชน์ต่อ Direction ของธุรกิจ Tisco ก็คือ เรื่องแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย ก็ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อ ก็อยู่ในระดับที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง ก็จะเห็นว่า แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก policy rate เนี่ย ลงมาแล้ว 2 ครั้งจาก peak นะครับ อยู่ที่ 2.0 ซึ่งเราก็คาดว่า cycle ดอกเบี้ยเนี่ย จะเป็น Cycle ที่สำคัญสำหรับกลุ่ม Tisco ที่มีอัตราดอกเบี้ยรายได้เนี่ย เป็นแบบ fixed rate ค่อนข้างสูง สูงถึงประมาณ 70% เพราะฉะนั้น ถ้าดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว และอยู่ในช่วงขาลง การบุ๊คดอกเบี้ยที่เป็น fixed rate ก็จะเป็นส่วนสำคัญ ที่เราอยากที่จะเร่งการเติบโตในส่วนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รถยนต์ใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการคาดการณ์ Credit cost ได้แม่นยำ มากกว่ากลุ่มเปราะบาง แล้วก็การ Adoptions ใช้ของรถ EV ต่าง ๆ ของผู้บริโภคต่าง ๆ เนี่ย มันก็เป็น Green Financing แล้วก็เราก็สามารถที่จะคัดเลือกลูกค้า early adopters ต่าง ๆ ที่ใช้ เช่าซื้อรถยนต์รถใหม่ อันนี้เนี่ย จะเป็นกลุ่มคนที่ ที่มีฐานะ หรือใช้รถเป็นคันที่ 2 ต่าง ๆ
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
แม้ว่า Industry อาจจะทรงตัว และลดลง แต่ตัว Tisco เองแล้วก็ เป็นพาร์ทเนอร์สกับ ผู้ผลิต กับผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ EV ของ หลาย ๆ ค่าย ที่เข้ามาในประเทศไทย ได้ถึงทั้งหมด เกือบทั้งหมดเลย นอกจาก การให้ Solution ทางด้านการเงิน หรือ Finance แล้วเนี่ย ตั้งแต่ ตัว Dealer รถยนต์ นะครับ ตั้งแต่ Retail หรือ ลูกค้ารายย่อย นะครับ แล้วก็จะ Provide Insurance Solution ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย ก็จะ สามารถสร้าง Free base income ที่ สร้างการเติบโตต่อเนื่องได้
แต่ในธุรกิจของสมหวังเงินสั่งได้ ตอนนี้เราคิดว่า เราครอบคลุมอำเภอทั่วประเทศไทย นะครับ ซึ่งมีอยู่ 800 อำเภอ เรามี 808 สาขา ก็คิดว่าเพียงพอ แล้วเราก็มีการรีวิวทบทวนว่า สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ค่อนข้างเปราะบาง นะครับ การเติบโต segment นี้ อย่างมากเนี่ย อาจจะต้องให้ความสนใจระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นปีนี้ ก็จะเริ่มเป็นปีแรกที่เรา ไม่เปิดสาขาเพิ่ม แต่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการ underwriteload ที่มีคุณภาพ เข้ามาของธุรกิจสมหวังเงินสั่งได้
1 ในคำถามที่มีถามบอกว่า ธุรกิจสมหวังเนี่ย เป็น Loan origination ถ้าเป็นรถยนต์ เราจะบุ๊คในธนาคาร ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ จะอยู่ใน Highway นะครับ เพราะฉะนั้นก็จะสร้างความคล่องตัวในการดูแลลูกค้า ทีนี้ความเป็นธนาคาร ก็อาจจะมีในข้อได้เปรียบในเรื่องของ funding cost เมื่อเทียบกับ Nonbank แต่ผมคิดว่า สิ่งที่เราพยายามนำเสนอ ก็คือ Responsible leading guideline ที่ อนุมัติสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ ดูความสามารถในการผ่อนชำระ แล้วก็ที่สำคัญ ก็คือว่า อัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกับลูกค้านะครับ อัตราดอกเบี้ยของเราก็จะ ถูกกว่าทางด้าน Nonbank เพราะว่าต้นทุนทางการเงินถูกกว่า แล้วก็มีการประเมินสินเชื่ออย่าง รอบคอบรัดกุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถไปทำ เอาไปทำธุรกิจต่อยอด ในช่วงที่ ภาวะสภาพคล่องยังเหือดหายอยู่ อันนี้ก็จะทำหน้าที่ ธนาคารที่ทำหน้าที่อำนวยสินเชื่อ ให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ แต่ว่าไม่ได้เปิดสาขาเพิ่ม แต่จะเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละสาขา
ส่วนทางด้าน Corporate Banking ก็จะเป็นธุรกิจที่ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ที่ ดอกเบี้ย cycle เป็นขาขึ้น เป็น floating rate ของตัว Corporate Banking ของเรา ก็สร้างการเติบโตได้ดี จากอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้าน เติบโตขึ้นมาเป็น 6 หมื่นล้าน Corporate Banking ก็เป็นกลุ่มธุรกิจที่สามารถประเมินเครดิตได้อย่างชัดเจน
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
อันนี้ก็เป็นไปตามกลยุทธ์ และเราก็ยังสร้างการเติบโตต่อ รวมทั้งกลุ่มที่เป็นพวก Green Financing โซล่าอะไรต่าง ๆ แล้วก็จะไปสนับสนุนในธุรกิจกลุ่มพลังงาน ที่เรามีความชำนาญ แล้วก็อย่างกลุ่มบางกลุ่มที่เป็น Real estate ที่เป็นบริษัท ชั้นนำที่มีคุณภาพ อันนี้ก็การออกหุ้นกู้ในตลาด ที่จะมีความยากลำบากมากขึ้น ก็จะเป็นโอกาสกลุ่มธนาคารที่สามารถเข้าไป เปิดวงเงินสินเชื่อเป็น Backup Credit line อาจจะมี Demand ในกลุ่มนี้ โดยที่เราก็มีการประเมิน ความเสี่ยงอย่างรอบด้าน
สายธุรกิจที่จะสร้างเติบโตได้ดีในปีนี้ คิดว่าจะเป็นสาย Wealth Management นะครับ ก็เป็นกลุ่มธุรกิจที่เราประเมินแล้วว่า เนื่องจากประเทศไทยเนี่ย อยู่ในช่วงที่เป็นภาวะเศรษฐกิจ Aged Society แล้วก็จะเข้า Super Aged Society เร็ว ๆ นี้ คือช่วง อัตราหนี้สูง โตต่ำ แล้วก็ Super Aged แบบนี้ ใน 2 ครั้งแรก ผมคิดว่ากลุ่ม Retail กับ Corporate ก็ตอบโจทย์ได้ แต่ว่า Super Age Society เนี่ย Wealth Management จะมีความสำคัญ ในการดูแลเป็นแบบองค์รวม นะครับ หรือ Holistic advisory ลูกค้าของกลุ่ม Tisco ที่เป็นสาย Wealth เนี่ย โดยเฉพาะกลุ่มเงินฝาก ตั้งแต่เราพัฒนาสมัย ที่ผ่านมาเนี่ย ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มี AUM ค่อนข้างสูง เราก็ Target ตัวเองเป็น Advisory banking ไม่ใช่ transactional banking ความหมายก็คือว่า ลูกค้าของเราแต่ละรายเนี่ย ที่เข้ามา เราก็พยายามจะใช้ ในความเป็นกลุ่มการเงินของ Tisco เข้าไปแนะนำ Solution ทางการเงิน ให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร เช่น ลูกค้าต้องการลงทุนทางด้านผ่านกองทุนต่าง ๆ แล้วก็มี บลจ. Tisco ดูแล นอกจาก นี้ธนาคารเองเนี่ย ก็ยังมี ตัว Open architecture ซึ่งมี 14 บลจ. ที่เป็น พาร์ทเนอร์ product on shelf ถ้าบางส่วนใน บลจ. Tisco ไม่มี เราก็สามารถตัวอื่นมาเติมเต็มได้ นอกจาก นั้นเรามี Tisco Insurance Solution ในสัดส่วนของประเทศไทยเอง ในการหา protection product ก็ดี หรือ product ที่ เป็น legacy ส่งมอบมรดกต่อจากรุ่นสู่รุ่น แบบนี้เนี่ย สัดส่วนตัวนี้ ผมคิดว่า penetration ยังค่อนข้างต่ำ หรือ แนวโน้มของการประกันสุขภาพต่าง ๆ ที่จะมีระบบ copayment ขึ้นมา ก็ก็จะสร้างการตื่นตัว ให้กับประชาชน ที่เข้ามา ซื้อ product ของการประกันสุขภาพต่าง ๆ ได้มากขึ้น
อย่างตอนที่เราครบ 55 ปี เมื่อปีที่แล้วเนี่ย เราก็ออกหนังสือเรื่องของ NCD 8 โรคร้ายที่คนไทยเป็น อย่างสถิติต่าง ๆ ที่ ที่เราเห็นกันเนี่ย 80% ของคนไทยที่เป็นโรคต่าง ๆ เนี่ย เกิดจากโรค NCD ถ้าเรามาช่วยกันดูแลในเรื่องสุขภาพในส่วนนี้ แล้วก็มี Protection ในส่วนนี้ ก็จะเป็นการตอบ Lifestyle ของคนได้มากขึ้น แล้วก็อยากจะให้คนไทยเนี่ย มี lifespan ที่ยาว มี Health span ที่ดี เหมาะกับ lifespan แล้วที่สำคัญ ก็คือ มี Wealthspan การบริหารการเงินอยู่ตลอดทุกช่วงชีวิต ส่วนของ Wealth Management เนี่ย ฐานลูกค้าที่ใหญ่ อีกกลุ่มหนึ่งที่ เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ เราทำได้ดี ก็คือ กลุ่มลูกค้า fund ซึ่งเรามี Market share เป็นระดับ 1 ก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัท ให้เราไว้ วางใจ ให้เราบริหารเงินให้กับส่วนของ Contribution จาก Employees Employees เนี่ย 5,000 บริษัท กว่า 600,000 ราย ก็จะเป็นกลุ่มที่เราเข้าไป ช่วยดูแล ให้ตอบโจทย์ Solution ทางการเงิน โดยเรา license ของแบงค์ ในกรณีที่ ลูกค้าของกลุ่ม fund เนี่ย ต้องการที่จะ ปลดหนี้มีออม ทำ consolidation ต่าง ๆ หรือกลุ่มที่เป็น middle to upper management กลุ่มนี้ก็อาจจะวางแผนทางการเงิน เพื่อการเกษียณอายุ ในเรื่องของการลงทุน ในเรื่องของการทำ Protection ต่าง ๆ ก็จะเป็น Growth engine ตัว หนึ่ง ของสายธุรกิจทางด้าน Wealth Management
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
ในเชิงภาพรวมของตัว Tisco จากนี้ไป Cycle ดอกเบี้ย เริ่มทรงตัว และลง ก็ทำให้เรามีความมั่นใจ ในการบุ๊คload ส่วนที่เป็น ที่เป็น Quanfified Credit Risk ได้ดี สร้างการเติบโตเช่าซื้อรถใหม่ ได้มากขึ้น ส่วนกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ ก็จะใช้ความระมัดระวัง แต่ก็ยังทำหน้าที่แบงค์เกอร์ที่ดี ในการที่จะ ปล่อยสินเชื่อ ที่อัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกับลูกค้ากลุ่มนี้ แล้วก็ลูกค้ารายใหญ่ก็จะเลือก segment ในสิ่งที่ Tisco มีความชำนาญ สามารถ quantif ในเรื่องของ risk return ได้อย่างชัดเจน
แล้วก็ Wealth Management ก็คือ จะมีกลุ่ม Target ที่เป็น Opportunity ที่เราสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันนี้ก็จะเป็นภาพใหญ่ ๆ ส่วนบางคำถามที่ส่งเข้ามาในเรื่องของ ราคา รถ มือสองเป็นอย่างไรบ้าง ก็ ก็ต้องยอมรับว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่มีข่าวว่า ทาง Bank ชาติสมาคมธนาคาร กระทรวงการคลัง ร่วมมือกัน ออกมาตรการ คุณสู้เราช่วย ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการ การปรับโครงสร้างหนี้ขนานใหญ่ ซึ่งเป็นมาตรการที่ เอื้อประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มลูกหนี้ที่เปราะบาง ที่มี บ้าน กู้เงินบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท รถยนต์ไม่เกิน 8 แสน มอเตอร์ไซค์ไม่เกิน 50,000 สำหรับ กลุ่มนี้เนี่ย ก็ถือว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยเหลือ กับคนที่ มีภาระในการผ่อน อย่างสูงอยู่ แล้วก็ เป็น stage 2 หรือ stage 3 ต่าง ๆ ถ้าลูกหนี้เหล่านี้เข้ามตรการ ก็ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ อย่าง ครบวงจรกันได้มากขึ้น
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:48]
ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ กลุ่มทางด้านการบริหารหนี้ของกลุ่ม Tisco เนี่ย ต้องเข้ามาให้ความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งเราก็คาดการณ์ว่าจะทำให้ลูกหนี้เหล่านี้เนี่ย กลับเข้ามาสู่ภาวะการผ่อนเอ็มปกติได้ ในเรื่องของ staging ต่าง ๆ เนี่ย ผมก็คงคิดว่า สามารถที่จะทำให้ อยู่ใน กลุ่มที่เรายอมรับได้ แลกกับ อัตราดอกเบี้ยที่เราลดให้กับลูกค้าทั้งหมด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ลดให้ลูกค้าทั้งหมดเนี่ย ครึ่งหนึ่งก็ทางรัฐบาลเองเนี่ย กระทรวงการคลังก็ให้เราไปเคลมจาก FIDF ฟรี มาได้ครึ่งหนึ่งนะครับ อีกครึ่งหนึ่งธนาคารก็ ยอมลดดอกเบี้ยในส่วนนี้ไป ซึ่งก็คิดว่า เน็ตออกมาแล้วเนี่ย ก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบ ในเชิงของการช่วยเหลือลูกหนี้ แต่ว่าตัวลูกหนี้เองเนี่ย ภาระผ่อนก็จะลดลงไปได้ถึงครึ่งหนึ่งในปีแรก ซึ่งอันนี้ก็คิดว่า ถ้ามาตรการคุณสู้เราช่วย ลูกหนี้เข้ามาสู้จริง ๆ เนี่ย ซึ่งเราก็ตั้ง Target ไว้ว่า อยากให้ลูกหนี้ ที่ eligible เนี่ย เข้ามาให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้ทุกคนสามารถที่จะ เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในระบบกันได้ดีอยู่ ข้อมูลในเชิง NCB ก็ยัง เป็นปกติต่าง ๆ ก็จะทำให้ ทุกคนก็สามารถเดินทางไปด้วยกันร่วมกันได้ พอออกมตรการนี้ปุ๊บเนี่ย ก็ทำให้ลูกหนี้ที่เคยที่จะ ผ่อนรถยนต์ไม่ไหวอะไรต่าง ๆ เนี่ย หรือ จะต้องคืนรถอะไรกันต่าง ๆ หรือต้องถูกยึดรถต่าง ๆ ก็ supply ก็คาดการณ์ว่าจะน้อยลง มันก็ทำให้ รถที่เข้ามาลานประมูลรถยนต์เนี่ย ใส่ราคากันมากขึ้น เพราะคาดการณ์ว่า supply ที่ราคาเข้ามาน้อยลง เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นราคารถมือ 2 เนี่ย กระตุกขึ้นมาในช่วงประมาณเดือนธันวาคมมกราคม แต่ตอนนี้ก็คิดว่าทรงตัวแล้ว ก็ ก็ยังไม่ได้ ตกลงไป อย่างต่อเนื่อง
จริงๆ ในปี 2567 เนี่ย 2566-2567 ต่อเนื่องกันเนี่ย ราคารถมือ 2 ต้องยอมรับว่า ตกลงไปค่อนข้างเยอะ year on year เนี่ย ตกลงไปถึง 30% เพราะฉะนั้นเนี่ย การประเมินค่า ECL ที่ประกอบด้วย PD คูณด้วย LGD หรือ ขาดทุนจากการขายรถยึดเนี่ย การประเมินความเสี่ยงอันนี้เนี่ย เราต้อง ปลั๊กอินเข้าไปในโมเดลให้ถูกต้อง เพื่อคำนวณ Pricing ให้ถูกต้อง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็คิดว่า มันเป็นผลกระทบต่อพอร์ตที่เรามีอยู่แต่เดิม แต่พอร์ตใหม่ที่ Underite เนี่ย ถ้าคำนวณ Pricing ถูกต้อง return เหมาะสม ผมคิดว่า เราก็สามารถที่จะ ปล่อยสินเชื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปได้
เพราะฉะนั้น ในคำถามที่เก็บราคารถมือ 2 ต่าง ๆ ก็ ก็จะ ตอนนี้ต้องถือว่าดีขึ้นนิดนึงนะครับ แล้วก็เริ่มทรงตัวแล้ว แนวโน้มการปลดสินเชื่อไตรมาส 1 เป็นอย่างไร ก็ เราก็คงจะเลือก segment ที่มีการคาดการณ์ Credit cost หรือการประเมินความเสี่ยงได้อย่าง แม่นยำมากขึ้น เช่น รถยนต์ใหม่ก็คงจะเพิ่ม Penetration ของตลาดที่มากขึ้น จากยอดขายที่ตกลง แล้วก็เป็นพาร์ทเนอร์ กับ กลุ่ม ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือ Dealer Mega Dealer มากขึ้น ก็อาจจะมี การเติบโตได้อย่างอ่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Corporate Banking ก็ยังเรายังสามารถสร้างการเติบโตได้อยู่ ส่วนกลุ่ม SME ก็จะเป็นต่อเนื่องจากธุรกิจ supply chain ของรถยนต์ ในส่วนที่เป็น Inventory financing หรือ Plan financing ก็คือ ให้ dealer stock รถยนต์ อันนี้ก็จะเป็น seasonal อย่างตอนนี้ปลายเดือนนี้ ก็จะมีงาน Motor Show เราก็จะเห็น Demand ในการ Stock รถยนต์ ไตรมาส 1 ก็จะเป็นไตรมาสที่น่าจะมีการเติบโตได้อย่างอ่อน ๆ ส่วนในปีนี้ทั้งปี เราก็ตั้ง Target เอาไว้ก็อยู่ในช่วงประมาณสัก 0-5% ในเรื่องของอัตราการเติบโตสินเชื่อ
**คำถามและคำตอบ**
- **คำถาม**: เศรษฐกิจปัจจุบัน มุมมองดำเนินการธุรกิจ Direction อย่างไร มี Area ไหนที่เน้นการเติบโต?
-
**คำตอบ**:
Retail Banking ก็จะเน้นกลุ่มที่เป็นเช่าซื้อ ส่วนของตัวสมหวัง แม้ว่าเราไม่ได้เปิดสาขาเพิ่ม แต่เราพยายามจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการแต่ละสาขาให้ได้มากขึ้น เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ทั้งทางด้าน Operating cost แล้วก็ Credit cost อยู่ รวมทั้ง Corporate Banking ก็จะเติบโตไปตาม segment ที่เราเลือก ส่วน Wealth Management ก็จะถือว่าเป็น Area ที่สร้างการเติบโต ก็จะเป็นลักษณะของ Free base income
- **คำถาม**: การตั้งสำรอง (พูดไปแล้ว)
- **คำตอบ**: ได้พูดไปแล้วก่อนหน้า
- **คำถาม**: ขยายธุรกิจสมหวัง ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวมี มีแผนอย่างไร?
-
**คำตอบ**:
Distribution ของเรา ถ้า ถ้าเทียบกับเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง เท่าตัว แต่ก่อนเรามีแค่ 400-500 สาขา ตอนนี้เรามี 800 ก็คงพยายามผลักดันการขยายตัวจากสาขาที่ มีอยู่มากขึ้น แล้วก็ครอบคลุม ทั่วทั้ง ประเทศ ให้ได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามเนี่ย การเติบโตในช่วงนี้ ก็จะไม่ ในแง่ของ Credit Quality เพราะฉะนั้นเราก็จะมีการ คัดเลือก ลูกค้า หรือว่า การ เน้นความระมัดระวังในการ ปล่อยสินเชื่อ ใน Terms condition ที่ สมเหตุสมผล มากขึ้น ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น การเติบโต คงยังมุ่งหวังว่า คงยังจะมีอยู่ แต่ อาจจะเป็นอัตราที่ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือน ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
- **คำถาม**: ทำไมมีคำถามคุณสู้เราช่วยกี่รายแล้ว?
-
**คำตอบ**:
ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 35% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้านะครับ เราก็ตั้งว่าจบโครงการภายในสิ้นเมษายน แล้วก็คงไปได้ถึง 50% หรือมากกว่านั้น ก็คิดว่า อันนี้มาตรการนี้ก็จะช่วยทำให้ลูกหนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
- **คำถาม**: กนง.ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งที่ผ่านมา
-
**คำตอบ**:
ดอกเบี้ยตระกูล M rate ก็ลดลงไปตาม ของของ Industry ต่าง ๆ ส่วนดอกเบี้ยเช่าซื้อ loan ที่บุ๊คเข้ามาแล้วก็เป็น fixed rate แต่ อันใหม่ในเชิง pricing ก็จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ ตามลักษณะของต้นทุนทางการเงิน แล้วก็การแข่งขัน ตลาด
**บทสรุป:** แม้ว่า Tisco จะมีกำไรลดลงเล็กน้อยในปี 2567 แต่บริษัทยังคงอยู่ในระดับ Top Tier ของอุตสาหกรรม โดยมีกลยุทธ์ในการรับมือกับความเสี่ยง และคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเน้นการเติบโตในธุรกิจ Wealth Management และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ดอกเบี้ยขาลง