บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SNC Oppday สรุปผลประกอบการปี 2567 ไตรมาส 4 พร้อมทิศทางธุรกิจปี 2568
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 6.20 (3.33%)
SNC Oppday สรุปผลประกอบการปี 2567 ไตรมาส 4 พร้อมทิศทางธุรกิจปี 2568
สวัสดีครับท่านผู้ถือหุ้นและท่านนักลงทุนที่สนใจในหุ้นของ NC Formers ทุกท่านครับ วันนี้ผมสมชาย งามกิจเจริญลาภ และรัฐภูมิ นันทพัฒน์วี จะมานำเรียนในรายงานผลประกอบการของ NC Formers มหาชนจำกัด ในไตรมาสที่ 4 และสรุปภาพทั้งปี รวมทั้งจะขออนุญาตเล่าให้ฟังถึง Business Direction ของ NC เราในปี 2025 นี้ด้วยครับ
หัวข้อในการนำเสนอในวันนี้ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก คือ ภาพรวมของอุตสาหกรรมหลักๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและอุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา ผลประกอบการโดยรวมของ NC Formers ในไตรมาสที่ 4 และสรุปภาพรวมของปี 2024 Project Update และ Financial Highlight ซึ่งคุณรัฐภูมิจะนำเสนอในส่วนนี้ และหลังจากนั้นจะเป็นช่วงถามตอบคำถามจากทางบ้านครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ SNC ของเราได้เข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยเริ่มจากกราฟทางซ้ายมือเป็นจำนวนตัวเครื่องปรับอากาศที่มีการผลิตในบ้านเรา แยกเป็น 2 ส่วน คือ ผลิตเพื่อการส่งออกและผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศ (Domestic) ในปี 2024 ประเทศไทยมีการผลิตเครื่องปรับอากาศเพื่อใช้ในตลาดในประเทศประมาณ 5 ล้านเครื่อง สำหรับการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 21.2 ล้านเครื่อง รวมในภาพรวมเป็น 26.2 ล้านเครื่องสำหรับปีที่แล้ว ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2023 ที่ภาพรวมอยู่ที่ 23.3 ล้านเครื่อง
ในปีนี้จากทิศทางที่ทางบริษัทมองเห็น ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศในบ้านเรามีแนวโน้มว่าตลาดน่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 4% โดยหลักๆ จะเติบโตทั้งสองส่วน ทั้งตลาด Domestic เติบโตขึ้นอยู่ที่เราประเมินว่าอยู่ที่ประมาณ 5.2 ล้านเครื่อง ส่วนตลาดส่งออกน่าจะโตขึ้นจาก 21.2 เป็น 22.1 ล้านเครื่อง ทำให้เราการประมาณการของตลาดเครื่องปรับอากาศในบ้านเราสำหรับปีนี้อยู่ที่ราวๆ 27.3 ล้านเครื่อง
ตารางทางด้านขวามือเป็นตารางจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ แสดงตัวเลขการส่งออกเครื่องปรับอากาศในตลาดส่งออกหลักๆ 10 ประเทศ ซึ่งตารางนี้เป็นตัวเลขในเชิงมูลค่า หน่วยเป็นล้านบาท ภาพรวมของเครื่องปรับอากาศบ้านเราที่มีการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ ทั่วโลกในปีที่แล้วอยู่ที่ 242,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ 223,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้โตขึ้นมาโดยรวมประมาณ 8.55% ตลาดส่งออก ลูกค้าคู่ค้ารายหลักของประเทศไทยใน 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ยังเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีที่แล้วผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศบ้านเรามีการส่งเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วนไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา มูลค่าโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 44,000-45,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้โตขึ้นมาประมาณ 11.65% จากปี 2023 ที่ 40,000 ล้านบาท อันดับสองคือออสเตรเลีย และอันดับสามคือเวียดนามตามลำดับ
โดยรวมจะเห็นว่ายังพอมี ถึงแม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่มันค่อนข้างถดถอยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ตลาดเครื่องปรับอากาศก็ยังพอเป็นตลาดที่ยังไปได้ แต่มีทิศทางก็จะมีอันหนึ่งที่เราสังเกตคือจำนวนตัวอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่ามูลค่า เพราะว่าสัดส่วนของเครื่องปรับอากาศที่ส่งจากบ้านเราจากนี้ไปจะเป็นลักษณะแอร์ที่ตัวเล็กลงจากการย้ายฐานผลิตของผู้ผลิตจากจีนที่ย้ายมาตั้งฐานผลิตแอร์ในประเทศไทย ก็ผลิตแอร์ส่วนใหญ่ที่เป็นแอร์ตัวเล็ก ตลาดอเมริกาจะเป็นแอร์ Window ขนาดเล็ก แอร์ Portable อะไรพวกนี้
ลำดับต่อไปคือตลาดรถยนต์ครับ ตลาดรถยนต์ในบ้านเราปีที่แล้วปิดปีอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านคัน โดยประมาณ แบ่งเป็นขายในประเทศ 600,000 คันและส่งออก 1 ล้านคัน ซึ่งทั้งขายในประเทศและส่งออกก็หดตัวลงเมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ 1.9 ล้านเครื่อง ในปีนี้ 2025 หลายๆ สำนักโดยเฉพาะยิ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันยานยนต์ก็ยังประเมินว่าปีนี้ก็ยังเป็นปีอีกปีหนึ่งที่ตลาดรถยนต์บ้านเราน่าจะยังอยู่ในสภาวะทรงๆ ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดังนั้นทางเราเองก็เลยมีการคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์บ้านเราในปี 2025 นี้ น่าจะอยู่ที่โดยรวมประมาณ 1.5 ล้านคัน โดยมองเป็นตลาดส่งออก 1 ล้านคันและตลาดในประเทศอยู่ที่ 500,000 คัน
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
กราฟทางฝั่งซ้ายมือเป็นกราฟแสดงผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 และกราฟทางขวามือจะเป็นกราฟสรุปภาพรวมทั้งปี เริ่มจากไตรมาสที่ 4 กราฟทางด้านซ้ายมือ สองแท่งแรกทางซ้ายมือเป็นยอดขาย ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ยอดขายรวมของ NC Formers อยู่ที่ 2,647 ล้านบาท มองลงมาก็จะไปแยกเป็นยอดขายจาก Segment ต่างๆ โดยแยกเป็น Segment ทางกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ 147 ล้าน งาน OEM 1,781 ล้าน และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า 711 ล้าน ในภาพนี้ในส่วนของยอดขายเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2023 ยอดขายรวมเติบโตขึ้น 51% หลักๆ เติบโตขึ้นมาจากกลุ่มงาน OEM ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 เรา Order หายไปค่อนข้างเยอะ ยอดขายในตอนนั้นอยู่ที่ 919 ล้าน แล้วก็เลยในปีนี้ยอดขายเริ่มฟื้นกลับมา ก็ทำให้ยอดขายในไตรมาส 4 ของ OEM เราในปีที่แล้วก็เติบโตขึ้นมาประมาณเกือบๆ เท่าตัว 94% นอกเหนือจากนั้นชิ้นส่วนก็เติบโตขึ้นมาเช่นเดียวกัน โตขึ้นจาก 623 มาเป็น 711 จะมีแค่ส่วนกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ที่ยอดขายหดตัวลงจาก 214 เหลือ 147 ล้านบาท
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ในส่วนของกำไร ผลกำไรในภาพรวมของไตรมาส 4 ปี 2024 ของ NC ภาพรวมกำไรอยู่ที่ 30 ล้านบาท ก็พลิกจากตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4 ปี 2023 ที่ขาดทุนอยู่ 59 ล้าน กลับมาเป็นกำไรบวก 30 ล้าน ทั้งนี้ก็มาจากยอดขายที่มีมากขึ้นเลยจุด Break Even ก็ทำให้ในไตรมาสนี้ ยอดขายในกลุ่มตัว ชิ้นส่วนรถยนต์เหลืออยู่ที่ 9 ล้านบาท ก็ลดลงจาก 10 เป็น 9 ก็ตามยอดขายที่ลดลง ส่วนกลุ่มงาน OEM ในปีที่แล้ว ไตรมาส 4 ปีที่แล้วขาดทุน 42 ไตรมาส 4 ปีนี้กลับมากำไร 30 ล้านบาท แล้วก็เป็นภาพรวม ส่วนตัวเลขขาดทุนอื่นๆ จะเป็นค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยด้านอะไรต่างๆ
ภาพรวมทั้งปี กราฟทางด้านขวามือ ภาพรวมทั้งปีเนื่องจากปีที่แล้วเรามีช่วงธุรกิจที่ Slow down ลงตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีที่แล้วไล่มา ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ซึ่งตัวเลขเมื่อเทียบกับปีก่อนจะยังไม่ดีกว่า นั้นในภาพรวมของทั้งปีของปี 24 จะลดลงกว่าปี 23 คือในปี 23 ครึ่งปีแรกของปี 23 เรามียอดขายค่อนข้างดี แต่เริ่มตลาดเริ่มลดลงหดตัวลงตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 23 แล้วก็ลากยาวมาจนถึงประมาณไตรมาส 3 ของปี 24 ดังนั้นเมื่อมองเป็นปีปฏิทิน ในปี 23 เรามียอดขายรวมอยู่ที่ 9,300 ล้าน แต่พอเป็นปี 24 ทั้งปี ยอดขายรวมเราจะอยู่ที่ 8,732 ล้าน ซึ่งหลักๆ ที่หดตัวลงก็จะมาจากตัวกลุ่มงาน OEM แล้วก็ชิ้นส่วนรถยนต์
ดังนั้นถ้ามองกำไรในภาพรวมทั้งปี NC ในปี 2024 ยังขาดทุนอยู่ หลักๆ ก็จะเป็นขาดทุนจากไตรมาส 1 2 3 ที่สะสมกันมา พอไตรมาส 4 มีกำไรกลับมา 30 ล้าน แต่ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ตัวเลขภาพรวมทั้งปีกลับมาเป็นบวกได้ ดังนั้นกำไรในภาพรวมทั้งปีของ NC เราในปีที่แล้วจะอยู่ที่ขาดทุน -94 ล้านบาท หลักๆ ก็จะมาจากการขาดทุนของกลุ่มงาน OEM ก็อันนี้เป็นภาพผลประกอบการของ NC Formers ของเราในปีที่แล้ว
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มมีปัญหาในเรื่องของการทำกำไร เราก็เริ่มเข้าสู่ภาวะขาดทุน ส่วนหนึ่งเราก็นั่งวิเคราะห์ว่าจะแก้อย่างไร เราจะปรับตัวอย่างไร ในสภาวะการแข่งขันที่เริ่มรุนแรง ก็มีทั้งโอกาสมีทั้งอุปสรรคที่เรากำลังจะต้องเจออยู่ ดังนั้นสิ่งที่เราจะกำหนดเป็นแนวทิศทางของบริษัทในช่วงปี 2025 ไป ก็คือเรื่องของการตอนนี้เราในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนขยายธุรกิจไปและก็มีการลงทุนในส่วนของโรงงานที่ดินหลายๆ ส่วน เราก็มานั่งวิเคราะห์ว่ามันจะมีโรงงานบางส่วนที่เราน่าจะยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็ส่วนนี้ก็มีการขายโรงงานขายที่ดินบางส่วนออกไป
ส่วนตัว OEM เราจะมีการ Downsize OEM ถ้าดูจากอันนี้รูปแผนผังข้างล่างจะเป็นแผนผังโรงงานของเราที่ระยอง เราแยกเป็นโซน ABCD ในกลุ่มธุรกิจ OEM เรามีโรงงานผลิตอยู่ 2 โรง เดิมทีตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้วตั้งแต่เราย้ายมาจากแหลมฉบัง เราใช้ฐานการผลิต OEM อยู่ที่อาคาร 7 อยู่ในโซน B ตรงนี้ หลังจากที่เมื่อสัก 3-4 ปีก่อนเรามีการขยายธุรกิจ OEM ขึ้นมา โดยเราลองซื้อที่ดินแล้วก็ขยายโรงงานอีก 2 โรงที่อาคาร 17-18 ในโซน C ตรงนี้ ก็เนื่องจากธุรกิจลูกค้าเราที่เราทำให้ 2-3 ปีที่ผ่านมา Order ส่วนนี้สวิงค่อนข้างเยอะ เราก็เลยมีการพิจารณาหารือกับลูกค้า ก็เลยมีการขายส่วนนี้ ขายโรงงานพร้อมเครื่องจักรทั้งหมดส่วนนี้ให้กับทางลูกค้าไป ลูกค้าก็จะเอาโรงงานตรงนี้ไปผลิตเอง
ปัญหาของ OEM ที่ผ่านมาคือช่วง High เขาจะ High ทำกันแทบไม่ทัน แต่มันก็จะมีช่วง Low Season ที่ค่อนข้างยาว ช่วงนั้นประกอบกับในช่วงแรกๆ Order มาค่อนข้างดีก็ทุกๆ คนเราก็ Enjoy ส่วนนี้ดู แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Order มันค่อนข้างสวิงลงมา ลูกค้าก็ขอให้เรารอ แต่เราคิดว่าถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ การที่เรา รอ Order ก็น่าจะไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เราก็เลยเลือกที่จะ Downsize ส่วน ธุรกิจตรงนี้ลง เราจะเหลืองาน OEM อยู่ที่ B7 แต่ในช่วงปีที่แล้วเราเริ่ม เราก็ได้มีการหาลูกค้ามาทดแทน เพื่อ Fulfill Capacity ใน B7 ลง เราอาจจะเสีย Order ส่วนตรง โซน C ตรงนี้ไป แต่เราได้ลูกค้า เพิ่มเข้ามาอีก 2 ราย ซึ่งจริงๆ ก็เป็นลูกค้าของจากประเทศจีน และทั้งสองราย ก็สามารถมา Utilize Capacity ใน B7 ให้ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่การประเมินก็คือว่าการที่เรา Downsize ธุรกิจ OEM ในโซน C ลงจะทำให้เรามีภาระ Fix Cost ต่างๆ ทั้งปีนี้ลดลงค่อนข้างมาก เราสามารถ เรา เรา Order ที่บางส่วนที่หายไป เราเอาหา Order ใหม่มาเติมแล้วเราใช้ฐานการผลิตที่ B7 ซึ่งมีอยู่แล้วแล้วโรงนี้จะเป็นโรงที่มีต้นทุนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับโซน C ก็จะทำให้ประสิทธิภาพโดยรวม Profitability โดยรวมของเราดีขึ้น ดังนั้นจึงมีการตัดสินใจ Downsize ในส่วนของโซน C อาคาร 17-18 ตรงนี้ลง
นอกจากจากนั้น ในโซน D เราก็มีการขายที่ดินส่วนนี้ให้กับอุตสาหกรรมอื่นไป ก็ตามข่าวที่เคยได้เคยแจ้งให้กับทางตลาดหลักทรัพย์และทางนักลงทุนทราบไปแล้วก่อนหน้านี้ เงินที่เราได้จากการขายทรัพย์สินตรงนี้ส่วนตรงนี้ ก็จะเอามาใช้ในการ ทำการ Repayment ในส่วนของเงินกู้ต่างๆ เพื่อลดดอกเบี้ยส่วนหนึ่ง แล้วก็จะมีการเอามาใช้ในการวางแผนสำหรับการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่อาจจะมีในอนาคตต่อไป การตัวเรื่องของการปรับปรุง Productivity โดยใช้ เทคโนโลยี 4.0 5.0 ก็ยังเป็นกิจกรรม เป็นนโยบายที่เราทำต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Cost Saving เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็อันนี้จะเป็นตัวทิศทางหลักของอุตสาหกรรมปัจจุบันที่เราทำอยู่ที่เราเรียกชื่อย่อๆ กันภายในของเราว่า PPSO Pyping พลาสติก Sheet Metal แล้วก็ OEM อันนี้เป็นทิศทางหลักของตัวธุรกิจ PPSO ของเรา
นอกเหนือจากนั้นเราเองก็ยังมีการทำเปิดทำธุรกิจใหม่ๆ หาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งในช่วง 2-3 ปี ปี 2 ปีที่ผ่านมานี้ เราเริ่มมีการขยายธุรกิจออกไป ตัวแรกที่จะเริ่มออกดอกออกผลเห็นเป็นยอดขายในปี 2025 นี้ก็เริ่มจากตัวธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทที่รันธุรกิจนี้ก็ชื่อว่า Hermes Corporation ตัวนิคมตั้งอยู่ที่บริเวณตำบลเขาไม้แก้ว บางละมุงชลบุรี มีเนื้อที่ขั้นต้น 1,231 ไร่ ซึ่งได้รับใบอนุญาตจาก กนอ. เรียบร้อยแล้ว ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้เรากำลังก่อสร้างตัวระบบ Infrastructure ซึ่งผมจะมีภาพมารายงานให้ท่านผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบต่อไปในช่วงท้าย ในปีนี้เราประเมินว่าจะเริ่มมีการขายที่ดินบางส่วนในเฟสแรกประมาณ 3-400 ไร่ตรงนี้ก็จะสร้างยอดขายกำไรให้กับ บริษัทได้ นี่คือส่วนที่ 1
ส่วนที่สองตัวไฟฟ้าขยะที่โครงการที่ยะลา ยะลาฟ้าสะอาด ก็เรามีการก่อสร้างแล้วคิดว่าปีนี้ประมาณเดือนพฤษภาคมเราเริ่ม COD ได้แล้ว โดยเราได้รับสัญญา สัมปทาน PPA อยู่ที่ 20 ปีแล้วก็สามารถต่ออายุได้ ปีนี้ก็จะเริ่มมีรายได้แล้วก็มีกำไร ตัวการขายผลไม้จริงๆ ปีนี้คงเน้นไปตัว Export ก่อนแต่อนาคตอาจจะมีการ Import ผลไม้จากต่างประเทศเข้ามา โดยใช้ชื่อบริษัท Demeter รายละเอียดผมขออนุญาตเล่าให้ฟังในสไลด์ต่อๆ ไป ภาพนี้ก็จะเป็น Business Direction ของ NC ซึ่งเป็นในส่วนของ New Business ก็จะเห็นว่าในทางหนึ่ง ธุรกิจปัจจุบัน PPSO ที่เราทำอยู่เราก็พยายามที่จะ ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มความสามารถในการทำกำไร แล้วก็พยายามยกระดับตัวเลขกำไรให้มากขึ้น
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
อีกส่วนหนึ่ง ตัวธุรกิจใหม่ๆ เราก็พยายามจะหาเข้ามาเพื่อ ลดการพึ่งพาตัวธุรกิจดั้งเดิมออก ซึ่งโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มันก็มีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ อันนี้ก็จะเป็นทิศทางของบริษัทเราในช่วงปี ปีนี้และปีต่อๆ ไป
เริ่มจากตัวยะลา ตัวโครงการนิคม Hermes พื้นที่โดยรวมอยู่ที่ 1,231 ไร่ อย่างที่เห็นในรูป เราก็จะแบ่งเป็นเขต 4 ตัว Utility ที่เราเตรียมไว้ก็จะมีระบบน้ำประมาณ 7,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ระบบไฟประมาณ 100 เมกะวัตต์ แล้วก็อันนี้เราเริ่ม Process แล้ว ถ้าดูในส่วนของ Timeline สำหรับการก่อสร้างระบบ Utility หลักๆ ก็จะประกอบด้วยน้ำไฟแล้วก็ระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งน้ำเนี่ยตอนนี้เนื่องจากเราจะเริ่ม ลูกค้าตอนนี้เริ่มเข้ามาคุยหลายๆ รายสนใจ ก็มีการพูดคุยกัน งั้นสิ่งที่เราจะต้องเตรียมในขั้นต้นเรื่องของระบบน้ำ แต่เนื่องจากระบบน้ำที่เป็น Primary Water Supply เรา Deal กับทาง East Water เราจะดึงน้ำมาจากทางเก็บน้ำ ตรงนี้ต้องเดินท่อ ระยะเวลาที่เราใช้ประมาณ 12 เดือน แต่ในระหว่างนี้เราก็ได้มีการเตรียมระบบแหล่งน้ำทุติยภูมิ แล้วก็แหล่งน้ำชั่วคราวเอาไว้ ซึ่งตัวแหล่งน้ำ ชั่วคราวสามารถ ติดตั้งและพร้อมใช้ได้ตั้งแต่ช่วงเดือนหน้าเป็นต้นไป ส่วนแหล่งน้ำทุติยภูมิ ก็จาก กปภ. การประปาส่วนภูมิภาค คาดว่าจะน่าจะพร้อม Available ได้ตั้งแต่กลางไตรมาสที่ 2 ส่วนระบบ Wastewater เราวางแผนไว้ว่าจะแล้วเสร็จในช่วงประมาณกลางไตรมาสที่ 3 ส่วนระบบไฟฟ้า เรา Deal กับทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สามารถ Supply ให้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ในระดับ 16 เมกะวัตต์เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการเข้ามาเริ่มสร้างโรงงานก่อนมีไฟใช้ในช่วงระหว่างการก่อสร้าง ส่วนระบบไฟฟ้าหลักของนิคมก็จะเริ่มสมบูรณ์ในช่วงกลางไตรมาสที่ 3
อันนี้เป็นภาพของนิคม ภาพล่าสุดที่เราถ่ายมา เส้นถนน ตรงที่ผ่านกลางตรงนี้คือถนน Main Road ขนาด 36 เมตร ที่เราเริ่มก่อสร้างมา แล้วก็ตอนนี้กำลังอยู่ Process ของการปรับที่แล้วก็สร้าง Secondary Road ถนนสายรองอยู่ในนี้ แล้วก็เรื่องระบบระบายน้ำต่างๆ การก่อสร้างตรงนี้ก็คืบหน้าเป็นลำดับ เป็นไปตามแผน ส่วนอันนี้เป็นโครงการไฟฟ้าขยะที่ยะลา ภายใต้บริษัทยะลาฟ้าสะอาด ปัจจุบันนี้งาน Civil กับงานติดตั้งก็คืบหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว ขึ้นโครงขึ้นอะไรเป็นรูปเป็นร่างติดตั้งแล้ว คิดว่าประมาณ เมษาก็อาจจะเริ่ม ทดสอบรันระบบได้
อีกส่วนหนึ่งเป็น เป็นธุรกิจจะบอกว่าใหม่ที่ผมอาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมมาเล่าให้ท่านนักลงทุนทราบก็ใช่ เราตั้งบริษัท Demeter ขึ้นมา Demeter เราตั้งใจจะใช้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการ ส่งออกและนำเข้าผลไม้ ในปีที่แล้วจริงๆ เราตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วเราก็มีการทดลอง ทดลองทำตลาด ขายทุเรียนไปประเทศจีน ตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็น Project ทดลองนะ เราขายไปประมาณ 4-5 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีพันธมิตรของเราที่ประเทศจีน ที่เราช่วยเขานะครับ อันนี้เป็นภาพในช่วงปีที่แล้วที่เราได้เอาลองเอาสินค้าไปทำการตลาดแล้วก็ทดลองขาย ผ่านทางหน้าร้าน แล้วก็ผ่านทาง Channel ในการทำเรื่องของทาง Social Network ต่างๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ในช่วงนี้เราก็เริ่มมีการ Deal กับทางสวนผู้ผลิตทุเรียน
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ NC ทำโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ๆ ทำยังไงถึงจะไปทำอยากไปปลูกทุเรียน ต้องเรียนอย่างนี้ว่าธุรกิจที่เราทำทุเรียนเราไม่ได้ปลูกทุเรียน เรา Deal กับทางเจ้าของสวน แล้วก็เรา Deal กับทางตลาด คือปลายทางที่ประเทศจีน ที่เป็นผู้ขายผลไม้หลักในประเทศจีน หลักๆ ก็จะเป็นทางคุณหมิง เพื่อที่จะเอาทุเรียนจากประเทศไทยเนี่ยไปขาย มองเร็วๆ รวมๆ เป็นการซื้อมาขายไป แต่สิ่งที่เราทำเนี่ยเราไม่ได้ทำเหมือนคน รายอื่นๆ ที่มาซื้อทุเรียนแล้วก็เอาไปขายในประเทศจีน สิ่งที่เราทำเราจะเอาเทคโนโลยี ซึ่งเรามีความเชี่ยวชาญตรงนี้เข้ามา เราจะสร้างเราสร้างแพลตฟอร์มในการที่จะ Monitor แล้วก็ในการที่จะปลูกทุเรียนแล้วก็เอา Know How พวกนี้ เอาเข้าไปแนะนำให้ชาวสวนที่สนใจที่จะร่วมโครงการกับเรา ที่จะสามารถเอาระบบ IoT ต่างๆ อันนี้เป็นตู้ IoT ที่เรา เข้าไปติดตั้งที่สวน ที่เป็นพันธมิตรกับเรา ทุเรียนของเราทุกลูกก็จะมีการติด QR Code แล้วก็สามารถ Monitor ได้ แล้วก็ ลูกค้านะครับที่สนใจ เราก็จะเน้นขายตลาดที่เป็นตลาดพรีเมี่ยม เราไม่ได้เน้นขายวอลุ่ม เราจะเน้นขายตลาดพรีเมี่ยมนะครับ แล้วก็ Grade A เท่านั้น
ใน ในช่วงนี้เรามีพันธมิตรของเราที่เป็นบริษัทขายทุเรียนชื่อบริษัท Panda Panda Fruit อยู่ใน มีสาขามีหน้าร้านอยู่ประมาณ 200 กว่าสาขาในแถบคุณหมิงแล้วก็หยุนหนาน แล้วก็มี แผนที่จะขยาย หน้าร้านตรงนี้ออกไปอีกหลายๆ เมืองในประเทศจีน ก็มีการมา พูดคุยกับเราช่วงนี้ทางทีมงานคนจีนก็มาร่วมอยู่ร่วมกับเรา ก็ไปที่สวนต่างๆ ที่สนใจเข้าร่วมในโครงการ แพลนว่าปีนี้เราก็น่าจะเริ่มขายทุเรียนในระดับประมาณ สัก 1,000 ตันขึ้นไป อันนี้เป็นเป้าหมายของเราสำหรับ Demeter ในปีนี้
ในส่วนของ Project Update ก็ในส่วนของผมก็ขออนุญาตนำเรียนเท่านี้ ในรอบหน้าถ้ามีอะไรคืบหน้าหรือมีโครงการอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจผมก็จะขออนุญาตมารายงานให้ทางท่านผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบอีกทีครับ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [00:54:39]
ลำดับต่อไปก็จะขอเรียนเชิญคุณรัฐภูมิสรุปในส่วนของ Financial ครับ
ครับ สวัสดีครับ หน้านี้ก็เป็นเหมือนเดิมก็คือยอดขายเปรียบเทียบ 2020-2024 ก็ตามที่เห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว ทางขวานะครับก็คือตัว Gross Profit Margin อยู่ที่ 6.7% ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 2 ปีที่ผ่านมา S&A 6.1% ลดลงจาก ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าดี ส่วนกำไรสุทธิที่นำเสนอไปแล้วยังเป็นขาดทุน ขวาสุดด้านล่างตัว Ebitda กำไรที่เป็นตัวเงินอยู่ที่ 8.6% ก็อยู่ในอัตราเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แล้วก็ตัว Ebitda คิดเป็นจำนวนเงินเนี่ย 753 ล้านบาท ก็ลดลงจากปีที่แล้ว 50 ล้านบาท หน้าถัดไปก็จะเป็นสรุปภาพรวม ขออนุญาตเรียนจากทางซ้ายไปขวา คอลัมน์ที่ 1 ก็เป็นภาพรวมของ Total Asset Liability นะครับ ก็ในช่วงของปี 2024 เป็นช่วงรอยต่อที่กำลังจะขึ้น 2025 ทางบริษัทมี Order เข้ามาเพิ่มขึ้น ก็เลยทำให้ตัว Total Asset กับ Total Liability เนี่ยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่เป็น ลูกหนี้การค้า สินค้าคงเหลือแล้วก็เจ้าหนี้การค้า ส่วนของผู้ถือหุ้น Equity อยู่ที่ระดับ 4,800 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากผลขาดทุนในปี 2024
คอลัมน์ที่ 2 ตัว Asset Turnover อยู่ที่ 0.6 เท่า ก็ ตัว Asset ที่เราลงทุนนะครับ หลักๆ ก็คือตัวนิคม จะไปสร้างรายได้ในปี 2025 ถัดมาเป็น Cash Flow จาก Operation ที่อยู่ในงบกระแสเงินสด ในปี 2024 มี กระแสเงินสด จาก Operation 1,525 ล้านบาทเป็นบวก แล้วเพิ่มขึ้นจากปีก่อนก็ถือว่าดี แล้วก็ตัว Cash Conversion Cycle ติด -11 วัน ก็คือถือว่าดี เราได้รับเงินก่อนจ่ายเงิน คอลัมน์ที่ 3 เงินสด ปีนี้กับปีที่แล้วอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน อยู่ที่ 1,094 ล้านบาท ตัวลูกหนี้การค้าส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้การค้าที่เก็บเงินได้ แล้วก็ล่างสุดเป็นตัว ทรัพย์สินถาวรก็จะมี 2 ส่วนคือ ที่ดินอาคารอุปกรณ์ แล้วก็ Investment Property ก็คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในปี 2023 เนี่ยเรามีที่ดินส่วนหนึ่งที่เป็นของนิคม ตอนนั้นเราจัดอยู่ในหมวดนี้ที่เป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่เกิน 1 ปี ส่วนสิ้นปี 2024 เรามีจัดที่ดินบางส่วนไปอยู่เป็นสินทรัพย์หมุนเวียน ก็คือสิน ตัวที่ดินของนิคมส่วนที่เราจะ สามารถจัดสรรพื้นที่ขายได้นะครับ จัดเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน เทียบเคียงเท่ากับสินค้าคงเหลือในอนาคตที่เราจะขาย ก็เลยทำให้ ก้อนนี้ลดลงจากปีที่แล้ว ก็ความหมายเป็นในทางที่ดีครับ คือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงขึ้น
คอลัมน์สุดท้าย Net to Equity อยู่ที่ 1.8 เท่า เพิ่มขึ้นจาก ปี 2023 ก็ล้อกับตัว Order ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นในปี 2025 เราเริ่มมีลูกหนี้เจ้าหนี้สินค้าคงเหลือ เข้ามาในช่วงปลายปี 2024 ก็เลยทำให้ตัว DE เนี่ยสูงขึ้น แต่ตัวที่เป็นเงินกู้ยืม Interest Death Equity เนี่ยยังอยู่ที่ 0.8 เท่า อยู่ในระดับเดิม ใกล้เคียงเดิมกับปีก่อน แล้วก็ส่วนสุดท้าย DCR นะครับตัวที่ ความสามารถในการชำระเงิน คืนเงินต้น กับดอกเบี้ยใน 1 ปีข้างหน้า อยู่ที่ 1.0 เท่า ลดลงเล็กน้อยจากปี 2023 แล้วก็ ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เกณฑ์ที่กำหนดอยู่ที่ 1.2 เท่า แต่ตัวนี้ในปีใน Q1 ของ 2025 และ Q2 เนี่ยตัว Ebitda จะสูงขึ้นก็จะมีผลทำให้ตัว DCR เนี่ยผ่านเกณฑ์ 1.2 เท่าได้ ก็โดยรวมยังถือว่าอยู่ในระดับที่ บริหารจัดการได้
ขออนุญาตจบการนำเสนอในส่วนของ Financial Highlight ส่วนถัดไปก็จะเป็นช่วงของ Q&A นะครับ ครับผมก็ขออนุญาตอ่านคำถามนะครับ ก็เริ่มจากคำถามแรก สินทรัพย์ที่ขายไปทั้งสองครั้ง กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ครับ เทียบกับต้นทุนที่ดินและค่าก่อสร้าง ครับก็เป็นสินทรัพย์ก็คือที่ดินอาคารอุปกรณ์และเครื่องจักรนะครับตามที่นำเสนอไปช่วงแรก 2 ผืนโซน C กับโซน D กำไรเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15% ครับ ในคำถามต่อไป ถามมาเกี่ยวกับเรื่องของโครงการประกอบรถ Biman ยังทำอยู่ไหมครับ นำเรียนอย่างนี้ครับ เรามีการปรับ แผนนิดนึงถามว่ายังทำอยู่ไหมยังทำอยู่ครับ แต่เราจะมีการปรับ Market หน่อยเท่าที่หลังจากที่เราเริ่ม Deal ในรายละเอียดแล้วเราพบว่าตัว Biman ที่ตอนแรกเราตั้งใจจะเป็นรถที่ใช้ในฟาร์มแล้วก็ส่งไปอเมริกานะครับ เงื่อนไขทางการค้าต่างๆ ที่เรา Deal กับทางลูกค้าปลายทางเนี่ย เรามองว่าเป็นลูกเงื่อนไขที่เราจะทำให้เราเสียเปรียบ เรื่องของ Credit เทอมต่างๆ ในการชำระเงิน เราก็เลยมองว่า Deal เราจะชะลอไปก่อน แต่เดียวกับเราก็ไม่ได้หยุดนิ่งนะครับ เราเอา Biman เพราะเราตอนที่เราวางแผนตั้งแต่แรก Biman มันน่าจะมีศักยภาพในการที่จะ Adapt ไปทำไปเป็นรถที่เป็น niche อื่นๆ ได้ ตอนนี้สิ่งที่เรากำลัง โฟกัส สำหรับตัว Biman ก็คือเรากำลัง Modify พัฒนารถ Biman เนี่ยให้เป็นรถที่ใช้ในในสนามกอล์ฟในรีสอร์ทต่างๆ ก็อันนี้อยู่ในช่วงของการปรับปรุงอยู่
คำถามต่อไปเรื่อง ณ ตอนนี้ ผู้ซื้อชำระราคาซื้อขายที่ดินส่วนที่เหลือ 840 ล้านบาทเรียบร้อยหรือยังครับ เห็นมีการขยายเวลาสองครั้งแล้วครับ หลังจากนั้นในปี 2025 เดือนมกราคมทางผู้ซื้อ จ่ายเงินเพิ่มอีก 110 ล้านบาท ยอดหนี้คงเหลืออยู่ที่ 770 ล้านบาท ก็ยังมีการขยายอยู่นะครับ ก็ ณ ปัจจุบัน คาดว่าจะมีการโอนขายที่ดินโซนนั้นเนี่ยภายในเดือนกุมภาพันธ์ ครับ ถึงตอนนี้นะครับคำถามจากทางบ้านตอนนี้มาจบที่ ตรงนี้นะครับ ก็เวลายังเหลืออยู่เล็กน้อย เดี๋ยวผมขออนุญาตเล่า รายระหว่างรอ เผื่อมีคำถามเพิ่มเติมเข้ามา ในปีนี้นะครับทางบริษัทเองก็จะมีการปรับทิศธุรกิจ จากเดิม 3-4 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ในโหมดขยาย ในช่วงปีนี้นะครับเราก็มีการปรับ มีการปรับ โหมด จากอะไรที่เป็นเราเรียกว่า NPA นะครับ ไอ้ Asset ที่เราไม่ค่อยมองว่าเออยังไม่ได้ใช้งาน นั้นเนี่ยเราก็จะ ทำการ Downsize ตรงนั้นลงไปก่อน เพื่อที่เราเรามีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ยิ่งตัวนิคมอุตสาหกรรมเองก็ดีหรือว่าโครงการใหม่ๆ เนี่ยซึ่งส่วนนี้ก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน เราก็จะมีการ ขาย Asset ขาย Asset บางส่วนเพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสดแล้วก็เอาเงินสดเนี่ยกลับมาใช้ในการขยาย แล้วเอามาลดภาระทางการเงินของทาง ทางเราด้วย อันนี้จะเป็นทิศทางหลัก เดียวกับตัวธุรกิจเดิม PPSO ของเรา ถามว่ามันมันจะเล็กลงหรือมันจะยังจะมีอนาคตอยู่ไหมเนี่ย ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ถ้าดูในเชิงขนาด Turnover เนี่ย เมื่อเทียบกับช่วงที่เป็นช่วงปีที่ดีที่สุดเมื่อสักปี 2022 ถ้าเทียบกับจุดนั้นเนี่ยตัวเลขยอดขายรวมเราอาจจะลดลงครับผม แต่เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีล่าสุดที่ผ่านมาปี 23 24 เนี่ยเรายังประเมินว่ามันไม่น่าจะลดลง ตัวเลขยอดขายส่วนนี้ไม่ลดลง แต่ แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนไปก็คือตัวเราจะตัวเบาขึ้น ตัว Fix Cost ต่างๆ ที่เราเคยแบกอยู่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็น่าจะลดลงไปในระดับ พอสมควร ก็จะทำส่วนนี้นะก็จะช่วยปรับปรุงเรื่องของ Profitability ของเราได้ แล้วก็มีคำถามเพิ่มเติมเข้ามาอีกสองคำถาม ถามแรก ทางผู้บริหารคาดการณ์ผลประกอบการปี 2568 จะมีผลประกอบการเป็นบวกได้ไหมครับ เพราะเหตุใด ก็จาก Presentation ที่นำเสนอนะครับ ก็ในธุรกิจเดิม งานชิ้นส่วนยัง มีการเติบโตนะครับจากลูกค้าใหม่บางส่วน แล้วก็ธุรกิจ OEM แม้ว่าจะมีลูกค้าบางส่วนที่หยุดลงไปนะครับ แต่เราก็มีลูกค้าใหม่เข้ามาอีก 2 ราย ธุรกิจ OEM จะยังสามารถไปต่อได้อย่างมั่นคง ถัดมานะครับ ตัวธุรกิจของ โรงไฟฟ้านะครับ ก็จะมีการ COD ในช่วงของไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ตัวนี้จะทำให้ตัวรายได้เนี่ยเพิ่มขึ้น แล้วก็ส่วนสุดท้ายคือธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรม ก็คาดว่าในปีนี้นะครับในครึ่งปีหลังจะมีการจัดสรรที่ดินเพื่อขายได้ งั้นโดยรวมของธุรกิจในปี 2568 ผลประกอบการโดยรวมจะเป็นบวกดีขึ้นจากปี 2024 คำสั่งซื้อปีนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ เรียนอย่างนี้ เดียวเมื่อกี้ผม น่าจะยังไม่ได้ คือธุรกิจ OEM ที่เรา Deal กับลูกค้า หลายสำคัญหลายหลักของเราที่ ที่โซน C ช่วงแรกผมเล่าไปว่าโอเคเรามีการ Downsize ส่วนนี้ลง แต่การ Downsize เนี่ยมันจะเกิดขึ้นเมื่อจบ กับฤดูการผลิต ที่เราเรียกว่า Season Season นี้ โดยทั่วๆ ไปเนี่ยอุตสาหกรรม ธุรกิจรับจ้างประกอบเครื่องปรับอากาศนะครับ Season จะเริ่มประมาณไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้วแล้วก็จะยาวลากยาวมาถึงประมาณไตรมาส 2 ช่วงนี้ช่วงกลางๆ ไตรมาส 2 เมษายนอะไรประมาณนี้ ใน Season นี้นะครับ เรายัง เรายัง โซน C ที่เราใช้เนี่ยเรายังรับจ้างผลิตให้กับลูกค้ารายนี้อยู่นะครับผม เพราะฉะนั้นเนี่ยพอเรามองเป็นปีปฏิทิน ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 เรายังมี Order ในส่วนนี้อยู่ ที่อาคาร 7 ซึ่งเป็นโรง OEM โรงแรกของเรานะครับ ที่เรา เรา เรา เรา จะเก็บเอาไว้เนี่ยก็ยังมีก็มี Order จากลูกค้ารายใหม่ สองรายที่ ที่เล่าให้ฟังเมื่อสักครู่นี้เติมเข้ามา ก็ตัว Effect ของการ ลด Downsize OEM เนี่ยจะไปเริ่มไป เห็นผล ในช่วงประมาณครึ่งปีหลัง ก็คือไปเริ่ม Season หน้า ซึ่งมันก็จะไปเริ่มที่ประมาณไตรมาส 4 ปีหน้า เอ้ยปีดีนะครับต่อไป ถ้ามองในเชิงปีปฏิทินปีนี้ ผมคิดว่าตัวเลขยอดขาย ก็ค่อนข้างดีขึ้น แล้วก็นอกจากงาน OEM แล้วนะครับ ตัวงานชิ้นส่วนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มงานท่อทองแดงกลุ่มงาน Sheet Metal กลุ่มงานพลาสติก Injection ก็คำสั่งซื้อต่างๆ ในปีนี้เนี่ยก็มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือ 2 ปีที่ผ่านมา งั้นเนี่ยมันก็จะ ช่วย สนับสนุนคำตอบของคุณรัฐภูมิเมื่อสักครู่ที่ว่า ในปีนี้เนี่ยเรามองว่าผลประกอบการนะครับก็น่าจะกลับมาเป็นบวกได้ครับ โอเค ก็ยิ่งยังเหลือเวลาอยู่อีกเล็กน้อยนะครับ แต่ตอนนี้คำถามทั้งบ้านน่าจะหมดแล้วนะครับผม ก็ถ้ายังไงผมท่านใดที่ยังมี คำถามมีข้อสงสัยที่อยากจะสอบถามทางบริษัทนะครับก็ยังสามารถนะครับส่งคำถามเข้ามาทางช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทได้นะครับทางเราก็จะรวบรวมคำถามแล้วก็นำแจ้งตอบกลับไปให้กับท่านนักลงทุนและท่านผู้ถือหุ้นทุกท่านให้ทราบนะครับ ก็วันนี้นะครับผมและคุณรัฐภูมิก็ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านนักลงทุนท่านผู้ถือหุ้นทุกท่านนะครับเป็นอย่างมากนะครับที่กรุณาให้ให้ความให้การติดตามนะครับให้ความอนุเคราะห์ให้คำแนะนำต่างๆ เข้ามากับทางเรานะครับ ก็ทุกๆ คำแนะนำทุกๆ คำติชมนะครับทางเราน้อมรับแล้วก็นำไปพิจารณาและปฏิบัตินะครับผม ก็วันนี้ผมและคุณรัฐภูมิขออนุญาต อ่า กราบลาไปก่อนนะครับผมขอบคุณมากครับ **สรุป:**
โดยรวมแล้ว SNC ในปี 2567 ยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่มีสัญญาณบวกจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ และการปรับกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดหวังผลประกอบการที่เป็นบวกมากขึ้นในปี 2568 จากการเติบโตของธุรกิจใหม่และการปรับปรุงธุรกิจเดิม