บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
ITC Oppday สรุปผลประกอบการปี 2567: โอกาสและความท้าทายในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง
P/E 16.64 YIELD 6.97 ราคา 16.50 (0.00%)
ITC Oppday สรุปผลประกอบการปี 2567: โอกาสและความท้าทายในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง
สรุปผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 และภาพรวมทั้งปีของ ITC รวมถึงโอกาสและความท้าทายในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีการวิเคราะห์ผลกระทบต่อธุรกิจ, กลยุทธ์ในการคว้าโอกาส, การรับมือกับความเสี่ยง, และแนวโน้มในอนาคต พร้อมช่วงถาม-ตอบ
- **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**
- **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**
- **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**
- **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**
- **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**
- **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:02:13]**
- แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1:
- ปัจจัยบวกสำหรับครึ่งปีแรก และเป้าหมายรายได้เติบโต:
- แผนการลงทุนในปี 2568:
- กลยุทธ์หลักในปี 2568:
- ตลาด Wet Food (แมว/สุนัข):
- ตลาด Wet Food แต่ละประเทศ:
- แผนการสร้างแบรนด์:
- ตลาดที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนผลงานปี 2568 และแผนขยายตลาด:
- แผนขยาย Market Share 6%:
- ค่าใช้จ่าย Transformation Project:
ยอดขาย Q4/67 อยู่ที่ 4,700 ล้านบาท, ใกล้เคียงกับ Q4/66 ที่ลดลงเล็กน้อย, ปริมาณขาย 27,000 ตัน, Gross Profit 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY, Gross Margin 25.5%, Net Profit 790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% YoY, Net Profit Margin 16.8%
ยอดขายจากอเมริกา 2,400-2,500 ล้านบาท (ค่อนข้างคงที่), ยุโรป 655 ล้านบาท (ลดลง 15%), เอเชียโอเชียเนีย 1,560 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.6%) การลดลงของ Volume ประมาณ 3%, Premium Mix เพิ่มขึ้น 5%, อัตราแลกเปลี่ยนลดลงเล็กน้อย 2.8%
Full Year ปี 2567 ยอดขาย 17,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8%, Gross Profit 4,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%, Gross Margin 27.7%, OP 3,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76%, Net Profit 3,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58%, Net Profit Margin 20.3%
Sales Volume ทั้งปี 103,318 ตัน, ลูกค้าใหม่ 83 ราย (ยอดขาย 458 ล้านบาท), New Product Launch 1,400 ล้านบาท, จำนวน SKU 5,000+
ตลาด Pet Food ปีที่แล้ว 147,000 ล้านเหรียญ, เติบโต 10% ใน 5 ปีที่ผ่านมา, คาดการณ์เติบโต 6% ต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า, Segment ที่โตเร็วสุดคือ Mid-Price และ Premium
Wet Cat/Dog Food เติบโต 9% กว่าๆ, คาดการณ์เติบโต 5% Wet Cat ตลาดใหญ่กว่า Wet Dog (24,000 ล้านเหรียญ vs 14,000-15,000 ล้านเหรียญ)
ITC มี Market Share ใน Wet Cat Food ทั่วโลกประมาณ 6%
Global Economy ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก
Import Tariff ของอเมริกา
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ขยาย Volume ใน Private Label (อเมริกา/ยุโรป), Maintain/เพิ่ม Share of Wallet ในลูกค้าปัจจุบัน
Focus Premium Wet Treat และ Functional Pet Food (ก้าวสู่ Supplement/Nutraceutical)
ขยายกลุ่มสินค้า Chunk & Pate (ขยายตลาด/ยอดขาย)
M&A (ว่าจ้างที่ปรึกษา ดู Target ที่เหมาะสม สร้าง Synergy ในระยะยาว)
ปี 2567: ขยายการขายให้ Global Brand (โต 4 เท่า), ยอดขาย Retailer อันดับ 1 ในอเมริกา (โต 30%), ขาย Private Label ในอเมริกา/แคนาดา/ออสเตรเลีย
Operation: Run โรงงานใหม่ (ขยายกำลังผลิต 20%), สร้าง Automated Warehouse ที่สงขลา
Innovation: i-Cattery ได้รับ Accreditation จาก International (Pet Food บริษัทเดียวในโลกที่ได้รับการรับรอง), สิทธิบัตร (19 สิทธิบัตร)
Awards: CFO Award, IR Award, ESG Award, Manufacturing Award
Listed ใน SET 50, Launch กลยุทธ์ปี 2030 (Project Tailwinds – Transformation Project)
Sustainability Initiatives: Net Zero ภายในปี 2030 (ลดก๊าซเรือนกระจก 42% Under Scope 1 & 2), สภาพแวดล้อมในการทำงานปลอดภัย, Zero Waste Water ภายในปี 2030
Target คือเติบโตขึ้นทุกปี หาก Secure Order 100% และสามารถส่งมอบได้ 100% คาดว่าจะทำให้ตัวเลขดีขึ้น แต่ Q1 มักจะเป็นช่วงที่การขายค่อนข้าง Weak เนื่องจาก Build Up Inventory ของลูกค้าในช่วงปลายปี
ปัจจัยบวกมาจาก New Project ต่างๆ ที่ทยอย Ship ออกไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา การเติบโต 13-15% มาจาก Volume เป็นอันดับหนึ่ง และ Price ที่ขึ้นราคามาตั้งแต่ปลายปี
งบลงทุน 1,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2567 (ASI ที่สงขลา) เพื่อ Support Automation เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ยังมี Replacement เครื่องจักรเก่า และลงทุนใน Sustainability (Bio Boiler) รวมถึง QC (เครื่อง X-Ray)
สอดคล้องกับแผน 2030
ตลาดแมวมีขนาดใหญ่กว่าสุนัขเนื่องจากเลี้ยงง่ายกว่า ไม่ต้องการพื้นที่เยอะ และสามารถเลี้ยงในห้องได้ (สังคมเมือง) ในส่วนของ Premium แมวมีผู้เล่นที่สามารถออกแบบสินค้า Premium ได้ดีกว่า (สุนัขส่วนใหญ่เป็นอาหารแห้ง)
Wet Food ของแมวจะใหญ่กว่า Wet Food ของน้องหมา
Maintain Own Brand ไม่เกิน 2% เก็บไว้สำหรับ Business Showcase ในปีนี้จะเน้น Product Showcase เพิ่มขึ้นใน Domestic (ไทย) เพื่อเป็นตัวอย่างในการคุยกับลูกค้าต่างประเทศ
อเมริกายังคงเป็นตลาดหลัก (49-50%) แม้ทรัมป์จะขึ้นมา แต่อเมริกายังคงพึ่งพิงสินค้า Wet Pet Food จากไทย โดยจะเน้น Private Label ในอเมริกามากขึ้น
ตลาดใหม่: ลาตินอเมริกา (Dry Pet Food) และมีสินค้า Wet Pet Food ที่เป็น Premium / ขยายไปในฝั่งของสเปนและอิตาลี
Mid East: เลือกลูกค้าที่จะเข้าไป เนื่องจากเป็นตลาด Low End (มีเข้าไปในซาอุดิอาระเบียแล้ว)
South East Asia: อินโดนีเซีย (Shipment เข้าไปแล้ว 2 Shipment)
Caribbean: Trinidad & Tobago (น้องใหม่ล่าสุด โดยจับมือกับ Global Brand)
ค่อยๆ เติบโตไป เพราะ Market Share ขึ้นอยู่กับ Volume ด้วย จึงเน้น Volume ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับโปรแกรมที่ทำกับ Consultant (Project Tailwinds) ช่วยให้ Economy of Scale ดีขึ้น และ Cost Saving เพิ่มขึ้น
รวมอยู่ใน Target ของ SG&A แล้ว โดยค่า Consulting Fee ไม่ได้มีแค่ Transformation แต่รวมถึง HR (Succession Plan), QC Consult (ควบคุมคุณภาพ) ใน Q4 มีค่า Consulting Fee ประมาณ 3.4% ของยอดขาย (หากตัดออก SG&A จะเหลือไม่ถึง 8%) หากตัดออกทั้งปี SG&A จะเหลือ 7.4% ซึ่งต่ำกว่า Guidance แต่ปีหน้า (2568) ใน Guidance ที่โชว์อยู่รวมค่า Consult Fee ไปเรียบร้อยแล้ว
Transformation เป็น Front Load Fee (ค่าใช้จ่ายสูงในช่วงแรก) แต่ปี 2568 จะเริ่มออกดอกออกผล (Cost Saving ต่างๆ) โดย Start ตั้งแต่ Q1/68 ใน Project ทำได้ Achieve Target 104% แล้ว (ณ ธันวาคม) จึงจะเริ่มเห็นผลใน P&L ตั้งแต่ Q1/68 เป็นต้นไป
โดยสรุป ITC ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอาหารเปียกและสินค้าพรีเมียม โดยมีอเมริกาเป็นตลาดหลัก และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น ลาตินอเมริกา และยุโรป พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนผ่านโครงการ Transformation เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน