https://aio.panphol.com/assets/images/community/3404_c9a8bd.png

สรุป Oppday ALT: เจาะลึกผลประกอบการปี 67 และทิศทางธุรกิจปี 68

P/E 11.84 YIELD 0.00 ราคา 0.98 (0.00%)

สรุป Oppday ALT: เจาะลึกผลประกอบการปี 67 และทิศทางธุรกิจปี 68

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ผลประกอบการปี 2567 บริษัท ALT มีรายได้รวมลดลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2566 จาก 1,466 ล้านบาท เหลือ 1,273 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นกลับเพิ่มสูงขึ้น 13.2% จาก 220 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 15.1% เป็น 19.6%

รายได้จากการขายสินค้าลดลง 71% จาก 508 ล้านบาท เหลือ 147 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากปี 2566 มีรายได้จากการขายโครงการโซลาร์ที่เป็นสัญญาเช่าเงินทุน 230 ล้านบาท ซึ่งปี 2567 ไม่มีรายการดังกล่าว นอกจากนี้ ยอดขายตัว E-Meter ลดลงเนื่องจากปี 2567 ไม่มีการประมูล ทำให้ยอดขายส่วนนี้ลดลง 125 ล้านบาท รวมแล้วยอดขายรวมของสินค้าลดลง 361 ล้านบาท

ในส่วนของงานบริการ ซึ่งหมายถึงการบริการ Solar PPA งานบำรุงรักษา Fiber โครงข่าย มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 16 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท เนื่องจากการขยายโครงข่ายใหม่ที่เริ่มให้บริการใน Q2/2024 ทำให้มีรายได้ควบคู่กันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้งานรับเหมาลดลงเล็กน้อยจาก 153 ล้านบาท เหลือ 144 ล้านบาท

รายได้จากงานบริการเพิ่มขึ้น 21% หรือ 42 ล้านบาท กำไรขั้นต้นของงานบริการเพิ่มขึ้นจาก 43 ล้านบาท เป็น 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160% รายได้ในกลุ่มที่ 3 จากงานให้บริการโครงข่ายเพิ่มขึ้นจาก 614 ล้านบาท เป็น 709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% และทำให้กำไรขั้นต้นของงานบริการโครงข่ายทั้งปีเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 94 ล้านบาท เป็น 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%

ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาท จาก 86 ล้านบาท เป็น 88 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายบริหารลดลง 6 ล้านบาท จาก 128 ล้านบาท เหลือ 122 ล้านบาท ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจาก 24 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท โดยมีที่มาจากดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงิน

กำไรสุทธิอยู่ที่ 8 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 21.99 ล้านบาท

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทคาดการณ์ว่าในปีถัดๆ ไป จะมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรขั้นต้นและสามารถเอาชนะเรื่องของต้นทุนทางการเงินไปได้

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

ความเสี่ยงหลักที่บริษัทเผชิญคือต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากงานบริการโครงข่ายเพื่อชดเชยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำทางด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อธุรกิจดิจิทัลและพลังงานทดแทน โดยเน้นการสร้างโครงข่าย Fiber Core เพื่อให้ผู้ประกอบการและ Data Center สามารถใช้โครงข่ายที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นในเรื่องของการทำธุรกิจทางด้านดิจิทัลต่างๆ และธุรกิจ Subsea Cable รวมถึงการนำไปสู่ AI-Driven และ Application ต่างๆ

บริษัทมีแผนที่จะขยายพื้นที่ไปยังเส้นทางรถไฟฟ้าอื่นๆ เนื่องจากมีความต้องการที่เข้ามา และให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการที่จะไม่ให้มีการเดินสาย Fiber ที่รก รุงรัง รวมถึงการปรับโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้เส้นทาง Fiber เหล่านี้มีมูลค่าราคาที่ลดลงและมีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น

บริษัทมีแผนที่จะสร้างสถานีเคเบิลใต้น้ำเพิ่มเติมที่สงขลาและระยอง เนื่องจากมีความต้องการที่จะนำเคเบิลมาแลนด์ในประเทศไทย และจะสร้างโครงข่ายที่เชื่อมจากสถานีเคเบิลใต้น้ำจากภาคใต้ไปยังหาดใหญ่ และขึ้นมาถึงกรุงเทพฯ และเชื่อมต่อไปยัง EEC

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** [นาทีที่ 41:30]
  • **ค่าเสื่อมราคาและผลกระทบต่อกำไร:**
    • **คำถาม:** ช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเสื่อมของบริษัทสูง เนื่องจาก Asset มีขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายโดยรวมต่อปีอยู่ที่ประมาณเท่าไร
    • **คำตอบ:** ค่าใช้จ่ายโดยรวมต่อปีอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท เมื่อพ้นจุดคุ้มทุนนี้ไปได้ บริษัทจะรับรู้เป็นกำไรเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งหมายความว่าหากมีการใช้โครงข่ายมากขึ้น กำไรก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
    • **การล้างผลขาดทุนสะสม:**
      • **คำถาม:** ในช่วงที่ผ่านมาผลประกอบการบริษัทมีผลขาดทุนมาโดยตลอด จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้อย่างไร และเมื่อไหร่
      • **คำตอบ:** ในการประชุมผู้ถือหุ้นเดือนเมษายน จะมีวาระการจัดการกับขาดทุนสะสมในงบเฉพาะกิจการ โดยจะดำเนินการตาม พ.ร.บ. มหาชน มาตรา 119 คือ โอนทุนสำรองตามกฎหมาย (62.5 ล้านบาท) และส่วนเกินมูลค่าหุ้น (225 ล้านบาท) มาหักกลบลบหนี้ ซึ่งจะทำให้ขาดทุนสะสมเหลือน้อยมาก (ประมาณ 70,000 บาท) ทำให้หากปี 68 มีกำไรและสภาพคล่องเพียงพอ ก็จะสามารถปันผลได้
    • **ผลกระทบจาก Call Center ในประเทศเพื่อนบ้าน:**
      • **คำถาม:** ปัญหาจาก Call Center ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้โครงข่ายของ ALT ส่งผลกระทบทำให้ยอดขายลดลงหรือไม่
      • **คำตอบ:** ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรวจสอบปัญหา Call Center เสมอ และผลกระทบต่อยอดขายมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นเพียงลูกค้าบางรายเท่านั้น
    • **รายได้จากสถานีสตูล:**
      • **คำถาม:** รายได้ที่เริ่มต้นจากสถานีสตูลเริ่มหรือยัง
      • **คำตอบ:** เริ่มรับรู้รายได้แล้วแต่เป็นรายได้ล่วงหน้า จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568
    • **การเข้ามาของ Data Center ขนาดใหญ่:**
      • **คำถาม:** การเข้ามาของ Data Center ขนาดใหญ่จะมีมุมมองเรื่องรายได้ในการให้บริการโครงข่ายอย่างก้าวกระโดดเริ่มต้นในปีไหน
      • **คำตอบ:** รายได้เริ่มรับรู้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วและเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ Data Center เริ่มทยอยสร้างเสร็จมากขึ้น คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนหลังครึ่งปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
    • **สาเหตุที่รายได้ Q4/2023 ลดลงจาก Q3/2023:**
      • **คำถาม:** ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วมีรายได้ลดลงจาก Q3 ปีที่ผ่านมาเกิดจากสาเหตุอะไร
      • **คำตอบ:** ใน Q3 มีรายได้สูงผิดปกติเนื่องจากเป็นรายได้จรจากลูกค้าในประเทศเวียดนามที่ประสบปัญหา Fiber ขาด แต่ปัญหาดังกล่าวทำให้ลูกค้าสนใจทำสัญญาในระยะยาว ซึ่งจะเห็นผลในปี 2568
    • **Backlog และการรับรู้รายได้:**
      • **คำถาม:** ขอให้คุณสมบูรณ์ช่วยคุยเรื่อง Backlog โดยมีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ และแต่ละปีจะรับทราบยอดเท่าไหร่
      • **คำตอบ:** ประมาณการรับรู้รายได้โดยคำนวณเป็นรายไตรมาส โดยอิงจากสัญญาระยะยาว (เกิน 1 ปี) มียอดรวมทั้งกลุ่มคือ 303 ล้านบาทใน Q1, 305 ล้านบาทใน Q2 และที่เหลืออีก 2,900 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

    โดยสรุป ALT มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้และกำไรจากการให้บริการโครงข่าย การลดต้นทุน และการใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีแผนการจัดการขาดทุนสะสมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต

โพสต์ล่าสุด