บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
LHHOTEL REIT: เจาะลึกโอกาสและความท้าทายในตลาดโรงแรมปี 2024
P/E 0.00 YIELD 10.83 ราคา 12.30 (0.00%)
LH Hotel REIT: เจาะลึกโอกาสและความท้าทายในตลาดโรงแรมปี 2024
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับท่านนักลงทุนและผู้ถือหน่วยทรัสต์ทุกท่านเข้าสู่กิจกรรม Set Opportunity Day ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ LH Hotel โดย ดร.นกวิณท์ เกษมโสภากุล จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา
เนื้อหาในวันนี้จะครอบคลุม 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับตัวกองทรัสต์ LH Hotel ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2015 มีนโยบายเน้นลงทุนในสินทรัพย์หลักประเภทโรงแรม ปัจจุบันมีสินทรัพย์อยู่ทั้งหมด 5 โครงการ ในกรุงเทพฯ 3 โครงการ และพัทยา 2 โครงการ มีจำนวนห้องพักประมาณ 2,200 คีย์ ทั้ง 5 โครงการเป็นสินทรัพย์ประเภทสิทธิการเช่า มีอายุสิทธิการเช่าเฉลี่ยคงเหลืออยู่ประมาณ 21 ปีเศษ
หลังจากการลงทุนครั้งใหญ่ในช่วงปี 2023 กองทรัสต์มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 23,600 ล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท
กองทรัสต์ LH Hotel มีจุดเด่นหลายด้านที่น่าสนใจ ได้แก่:
- เป็นกอง Hotel REIT ที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดทรัพย์ในปัจจุบัน
- การมีสินทรัพย์ที่มีการกระจายความเสี่ยงหลากหลายทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา
- สภาพคล่องซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนสถาบันมักจะคำนึงถึง
- Timing ที่ค่อนข้างดี เนื่องจากรายได้ของกองทรัสต์มีความเกี่ยวเนื่องกับสภาวะตลาดในเรื่องของภาคการท่องเที่ยวที่มีการฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่องหลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด
- ศักยภาพของตัวทรัพย์สินที่ลงทุนเอง ที่มีจุดเด่นหลากหลายด้าน เช่น การพัฒนาบน Concept Mix Use และการออกแบบที่แปลกใหม่
- ทำเลที่ตั้งที่ดี ทั้งในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และบริเวณพัทยาเหนือ
- โอกาสในการเติบโต โดยมีการทยอยลงทุนเพิ่มเติมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และมี Sponsor คือทางกลุ่ม Land House ที่มีนโยบายหลักในเรื่องของการพัฒนาสินทรัพย์ประเภทโรงแรม และมี Pipeline อยู่หลายโครงการ
- Professional Management โดยได้รับการพัฒนาและบริหารจัดการโดยกลุ่ม Land House และบริษัท LH Fund ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกองทรัสต์ที่หลากหลายและมีจำนวนมากที่สุดในตลาด
ไฮไลท์ในช่วงปี 2024 สำหรับกองทรัสต์ LH Hotel: ปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของภาคการท่องเที่ยวและตัวกองทรัสต์ LH Hotel จำนวนนักท่องเที่ยวของไทยที่เข้ามาในปีที่แล้วประมาณ 35.5 ล้านคน เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 26% จำนวนเที่ยวบินที่เดินทางเข้ามาตามข้อมูลของ AOT ประมาณ 400,000 กว่าเที่ยว เติบโตประมาณ 24% ด้วย Tourism Momentum ที่ค่อนข้างดี ทำให้ Performance ของกองทรัสต์มีการเติบโตทั้งในมิติของรายได้และ Net Investment Income สามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนเงินปันผลทั้งปีในอัตรา 1.3325 บาทต่อหน่วย เติบโตมาเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามาถึงเกือบ 10 ประมาณ 16% เป็น All Time High ของการจ่ายเงินปันผลของกองทรัสต์นี้ และได้รับรางวัลในหมวด Business Excellence จากทางตลาดหลักทรัพย์
ภาพรวมของ Portfolio ของสินทรัพย์ทั้ง 5 โครงการที่กองทรัสต์ LH Hotel เข้าลงทุน:
- โครงการที่ 1-3 ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
- โครงการที่ 4-5 เป็นทรัพย์ใหม่ที่เพิ่งลงทุนในปี 2023 ในพัทยา
ทั้ง 3 โครงการในกรุงเทพฯ มีจุดเด่นในเรื่องของการพัฒนาMix Use หรือการออกแบบให้มี Facility ที่ครบครัน และมี Concept Design ที่แตกต่าง อายุสิทธิการเช่าเฉลี่ยของทรัพย์สินทั้ง 5 โครงการเฉลี่ย 21 ปีเศษ เป็นทรัพย์ในกรุงเทพฯ ประมาณ 54% และในพัทยาประมาณ 46% มีการกระจายความเสี่ยงทั้งราย Project และ Location
Operational ของสินทรัพย์ที่ลงทุน LH Hotel ในช่วงปีที่ผ่านมา:
ภาคการท่องเที่ยวค่อนข้างเติบโตและฟื้นตัวได้ดี ทำให้เป็นปีที่ดีสำหรับ LH Hotel นักท่องเที่ยวปีที่ผ่านมาฐานอยู่ที่ 35.5 ล้านคน ปีนี้หลายสำนักคาดการณ์ถึงการเติบโตของนักท่องเที่ยวประมาณ 38-40 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างใจชื้นว่านักท่องเที่ยวจะกลับไปสู่ Level ที่เคยได้ในปี 2019 หากภาคการท่องเที่ยวยังดีอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะเป้นอีกหนึ่งปีที่ดีของภาคการท่องเที่ยวและผลประกอบการของ LH Hotel นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นกลุ่มเอเชียหรือแปซิฟิก ตั้งแต่จีน เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นกลุ่มหลักประมาณ 73% ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ใกล้บ้านเรา
ในช่วงสถานการณ์โควิด สายการบินเกิดปัญหาขาดทุนทำให้มีการลดจำนวนเที่ยวบิน แต่ด้วยภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวน Flight ที่ทาง Airline เขาเพิ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมก็เริ่มฟื้นกลับมาในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2019 มากขึ้น ทำให้การเดินทางในภูมิภาคค่อนข้างสะดวกในราคาที่ค่อนข้างเหมาะสมมากขึ้น จะเป็นปัจจัยเชิงบวกเช่นกันสำหรับภาคการท่องเที่ยวและ performance ของ LH Hotel
ทรัพย์สินหลักประมาณ 54% ตั้งอยู่ในทำเลกรุงเทพฯ มีข้อมูลจากสถาบันวิจัย Euro Monitor แรงค์ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในการเยี่ยมเยือนในปีที่ผ่านมามากที่สุด surpass ตัวเลขของเมืองหลักๆ ของโลกอย่างลอนดอนหรืออิสตันบูล มั่นใจว่ากรุงเทพฯ เป็น Hub ของภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมเยือน และอยู่ในทำเล Strategic กลางเมืองที่จะรับเรื่องของ Traffic ที่จะเข้ามา
Operational Performance เป็นรายโครงการ: ในปี 2024 ค่าเฉลี่ยของอัตราการเข้าพักของทรัพย์สินทั้ง 5 โครงการ Range อยู่ที่ประมาณ 85-93% ค่อนข้างดีและสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโรงแรม Timing ของสถานการณ์การท่องเที่ยวค่อนข้างดี อัตราค่าห้องพักหรือ average daily rate ADR สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่ประมาณ 6-9% ในช่วงปีที่ผ่านมา สำหรับทรัพย์ในกรุงเทพฯ ทรัพย์ที่สร้าง surprise ให้คือทรัพย์ที่พัทยา ในช่วงปีที่ผ่านมา achieve อัตราการเข้าพักได้ถึง 93% ADR สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ 7-9% ทำให้กองทรัสต์มีรายได้สูงกว่า Budget และสามารถสร้างรายได้และกำไรและเงินปันผลได้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ในช่วงต้นปี
สำหรับลูกค้าของทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุน: Pie Chart 3 อันบนจะเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในกรุงเทพฯ กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่ม East Asia หรือกลุ่มเอเชียที่มีกำลังซื้อสูงตั้งแต่เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง คิดเป็นประมาณ 70% ของลูกค้าที่มาใช้บริการ สอดคล้องกับ Flow ของ Traffic ของชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมเยือนเมืองไทย แผนภาพ 2 อันล่างซ้ายล่างเป็น แกน Point พัทยาและ Space เนื่องจากทรัพย์สินทั้งสองโครงการตั้งอยู่ใน Location ที่อาจจะไม่เดินทางไม่ไกลจากตัวกรุงเทพฯ ทำให้กลุ่มลูกค้ามีความมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนไทยกลุ่ม Local เข้าพัก เช่น แกน Point พัทยามี Facility อย่างเช่นสวนน้ำในโครงการขนาดหย่อม Space พัทยามีสวนน้ำที่ค่อนข้างใหญ่ขึ้นมาและมีจุดเด่นการออกแบบที่น่าสนใจ
ในภาพรวมของ Portfolio ทั้ง 5 โครงการ Combined กัน กลุ่มลูกค้าไม่ไม่มีกลุ่มไหนที่มี Concentration เกิน 20% ลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดคือกลุ่มชาวจีนประมาณ 16% ไทยที่เป็น Local 14% เกาหลีใต้ 13% ฮ่องกง 10% และญี่ปุ่น 9% จะเป็นไต้หวัน 7% เป็นกลุ่มลูกค้าที่คนไทยที่มีกำลังจ่ายในการพา Family ไปเที่ยวในพัทยา หรือเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงในภูมิภาค East Asia
Financial Performance ของกองทรัสต์ ในช่วงปีที่ผ่านมา: ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยังถือว่าดีต่อเนื่องสำหรับภาคการท่องเที่ยวเอง รายได้ของกองทรัสต์เองก็มีการเติบโตค่อนข้างที่จะเกือบจะก้าวกระโดด ในช่วงปีที่ผ่านมาเรามีรายได้ประมาณ 2,352 ล้านบาท เติบโตประมาณ 77% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีอานิสงส์หลักสองเรื่อง จากการที่กองทรัสต์เองลงทุนในทรัพย์สินตัวพัทยา 2 โครงการ ในช่วงปลายปี 2023 ปี 2024 เป็นปีที่กองทรัสต์รับรู้รายได้เต็มๆ จากทั้งสองโครงการ และทรัพย์ที่อยู่ในกรุงเทพฯ เดิมก็มีการเติบโตได้ค่อนข้างดี ทำให้สร้างฐานรายได้ที่เติบโตขึ้นไปในช่วงปีที่ผ่านมา ในส่วนของค่าใช้จ่าย Total Expense ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน Expense เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่ประมาณ 558 ล้านบาท ประมาณมากกว่า 80% จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวโยงกับเรื่องของต้นทุนทางการเงิน หรือต้นทุนการกู้ยืมเงิน
เพื่อให้เราสามารถ Deliver เรื่องของผลตอบแทน DPU ในระดับที่เหมาะสม การลงทุนของกองทรัสต์จะมีการใช้เงินกู้เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการในการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ ด้วย ในปี 2023 เราลงทุนในทรัพย์สินพัทยา 2 โครงการ มูลค่ารวมกันประมาณ 9,700-9,800 ล้านบาท เราก็มีการใช้เงินกู้บางส่วนเช่นกัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นมา แต่เมื่อรวมรายได้รวมค่าใช้จ่ายก็ดี จะเห็นว่า Net Investment Income โตในอัตราที่สูงกว่ารายได้
Net Investment Income ของกองในปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 1,794 ล้านบาท มีการเติบโตเข้ามาประมาณ 89% มีสินทรัพย์เติบโตขึ้นมาตั้งแต่ในปี 2023 เราลงทุนในทรัพย์สินที่พัทยาเกือบ 20,000 เอ่อรวมกันประมาณเกือบหมื่นล้านบาท Asset Side ของตัวกองมีการโตจาก 12,000 เป็น 22,000 ล้านบาท เป็นอานิสงส์จากเรื่องของทรัพย์ใหม่ ทรัพย์ใหม่ที่มีศักยภาพสูงทำให้เรื่องของการบันทึกบัญชีที่สะท้อนเรื่องของ Fair Value ของตัวทรัพย์สินทั้งสองโครงการก็มีการปรับเพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทำให้ Total Asset ปัจจุบันของกองจะอยู่ที่ 23,600 ล้านบาทแล้ว
สถานะทางการเงินของตัวกอง: ตั้งแต่ปี 2023 ที่กองทรัสต์เองมีการลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมขึ้นมา ไซส์ของพอร์ตอยู่ที่ 22,000 แล้วก็โตขึ้นมาเป็นประมาณ 23,000 ล้านบาท ระหว่างทางเองแน่นอนเราเราทำมาหาได้ด้วยแล้วก็มีภาระที่ต้องคืนหนี้สินให้กับทางตัวสถาบันการเงินที่เรากู้ยืมเงินอยู่ด้วย
สิ้นปี 2024 ตัว Loan หรือตัว Interest Bearing Debt ของเราปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 41.7% มีการทยอยปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ประมาณเกือบ 45% เป็นอานิสงส์จากการที่เรามีการทยอยคืนเงินต้นด้วย ซึ่งการคืนเงินต้นจะทำให้กองมีค่าใช้จ่ายต้นทุนการเงินที่ลดลงด้วย เรื่องของตัวทรัพย์สินที่มีการ revaluation แล้วมีการมีการเพิ่มเพิ่มมูลค่าขึ้นมาให้สอดคล้องกับ Performance ของทรัพย์สินตามที่ได้โชว์ไปก่อนหน้า ทรัพย์สินทั้งของเดิมและของใหม่ อัตราการการช้การเข้าพักยังอยู่ที่ประมาณ 85-93% ก็ค่อนข้างที่จะดีแล้วก็ทำให้ตัวการมีมีเกณฑ์จากการทบ ทวนราคา ทรัพย์สินใน 5 โครงการที่เราเข้าลงทุน
สรุป: จากผลประกอบการที่ค่อนข้างดีภาวะตลาดที่ค่อนข้างดี ในช่วงปีที่ผ่านมาเราก็สามารถที่จะจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับทางผู้ถือหน่วยทรัสต์ เป็น All Time High อัตราเงินปันผลที่เราจ่ายในปี 2023 เราจ่ายที่ 1.15 บาท แต่ว่าปีที่ผ่านมาเราจ่ายที่ 1.3325 บาท DPU โตในปีเดียวประมาณเกือบ 16% แล้วก็เป็นการจ่ายที่เป็น All Time High กองทรัสต์เราจ่ายเงินปันผลทุกๆ ไตรมาส ในช่วงไตรมาสสี่ที่ผ่านมา กองทรัสต์มีการเอลสิทธิ์ข่าวในการประกาศจ่ายปันผลไปเรียบร้อย ในการจ่ายในอัตราที่ 0.3875 บาทต่อหน่วย จะมีกำหนดในการปิดสมุดปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 14 มีนาคม แล้วก็มีกำหนดในการจ่ายในวันที่ 28 มีนาคม
กองทรัสต์ LH Hotel ให้ความสำคัญในมิติเรื่องของตัว ESG ทั้งในมิติของผู้บริหารตัวกองทรัสต์เองแล้วก็ทางผู้บริหารโครงการ ทาง Sponsor เอง เราก็มีการทำกิจกรรมในหลายๆ อย่างที่จะส่งเสริมเรื่องของการลดคาร์บอน การลดการเกิดคาร์บอน เรื่องของการส่งเสริมการใช้ renewable energy มีเรื่องของ Social Activity ด้วย แล้วก็เรื่องของการที่เราให้น้ำหนักกับเรื่องของการมี Good Governance ในการบริหารจัดการ ทั้งในมิติของตัวกองทรัสต์เองที่ผู้บริหารกองทรัสต์หรือว่าทางผู้บริหารโครงการ ให้ให้มีความยั่งยืนในเรื่องของการมีธรรมาภิบาลที่ดีในการจัดการทรัพย์สิน เป็นเรื่องที่ตัวกองทรัสต์ LH Hotel เราให้ความสำคัญทำให้ ในช่วงปีที่ผ่านมาเราก็ได้รับรางวัลจากทางสถาบันไทยพัฒน์ ให้เราได้รับรางวัลให้อยู่ในตัว ESG Emerging 100 อยู่ในลิสต์ของตัวบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG จากทางสถาบันไทยพัฒน์ ที่มีการ Rating เรื่องของตัว ESG Slling
ข้อมูลทั้งหมดเป็นการเตรียมสำหรับนำเสนอให้กับทางผู้ถือหน่วยทรัสต์และนักลงทุน สำหรับตัวการรายงานผลการดำเนินงานของตัวกองทรัสต์ LH Hotel ในปี ในปี 2024 นักลงทุนหรือว่าทางผู้ถือหน่วยทรัสต์มีข้อซักถามยังไงเรียนเชิญได้เลย
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นที่นาทีที่ 40.04
คำถามเกี่ยวกับเป้าหมายของ Room Rate ในปีนี้:
คำตอบ ในช่วงปีที่ผ่านมา การปรับขึ้นอัตราค่าห้องพักของโรงแรมทั้ง 5 โครงการจะ Range อยู่ที่ประมาณ 6-9% ในปีนี้ แนวโน้มภาคการท่องเที่ยวโดยรวมยังค่อนข้างดีจากตัว Figure ของการคาดการณ์ของของสถาบันของสถาบันต่างๆ มองจำนวนนักท่องเที่ยว 38-40 ล้านคน แต่เราก็จะเห็นเรื่องของความไม่แน่นอนเรื่องของเทรดวอร์ ในเรื่องของ jitic ต่างๆ กรณีฐานที่เรามองไว้ คงคาดหวังเรื่องของการปรับขึ้น ADR ในภาวะลักษณะเงี้ยอยู่ที่ประมาณสัก 4-6% ภาคการท่องเที่ยวยัง Smooth as Field เหมือนในช่วงปีที่ผ่านมา เราอาจจะมีอัปไซด์จากเรื่องของ ADR ในช่วงปีนี้
คำถามเกี่ยวกับแผนการลงทุนในโรงแรมใหม่ในปีนี้:
คำตอบ: ปีนี้ กองทรัสต์เพิ่งได้รับการเพิ่งเข้าลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราอาจจะมีเรื่องของ Portfolio ที่โต ก้าวกระโดด และก็มีตัวหนี้สินที่ยังค่อนข้างสูง เราอยู่ระหว่างการศึกษาทรัพย์ใหม่ๆ ที่ทรัพย์นอกแล้วก็ทรัพย์ที่ทาง Sponsor มีการอยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่ด้วย ทรัพย์ในเชิงปลายปลายก็จะมีทรัพย์ที่ใกล้ที่สุดที่เราเห็นจะเป็นทรัพย์โรงแรม แกรนด์เซอร์ Point สุรวงศ์ ที่เปิดบริการในช่วงปี 2023 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของการเข้าลงทุนในทรัพย์ใหม่ก็อาจจะต้องดู Timing ร่วมกันด้วยว่า ทรัพย์สินพร้อมพร้อมมีสามารถมีอัตราการเข้าพักที่สอดคล้องกับ Portfolio ของตัวกองทรัสต์ LH Hotel หรือยัง และก็รวมถึงตัวสถานการณ์ปัจจัยภาพรวมเรื่องของเรื่องของตลาดหุ้นเรื่องของสถานการณ์โดยภาพรวมด้วย ในการพิจารณาว่าเราจะมีการเสนอแผนในการเข้าลงทุนในโรงแรมใหม่ๆ ในช่วงปีนี้หรือไม่ ตอนนี้ อยู่ ทางผู้จัดการกองทรัสต์อยู่ระหว่างการ ตัว ตัวทรัพย์สินใหม่ๆ แล้วก็ ปลาย ปลาย ข้างหน้าอยู่ ถ้าเกิดมีความคืบหน้ายังไงก็จะมีการนำเสนอกับทางที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ เพื่อที่จะขออนุมัติการทำธุรกรรมดังกล่าว แล้วก็ตัวแน่นอนสำหรับตัวภาพ Outlook ข้างหน้า เราเราก็จะพยายาม ในการในการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ ของเรา เราก็จะมีการพยายาม Balance เรื่องของตัวโครงสร้างเงินทุนที่จะมีการเข้าลงทุน ในการใช้ตัวเงินทุนแล้วก็ตัวสัดส่วนหนี้ที่เหมาะสม ทั้งนี้ก็โดยมองเป้าหมายหลักๆ ที่ตัวกองทรัสต์ LH Hotel จะควรที่จะสามารถลงทุนในทรัพย์สินใหม่แล้วก็สามารถสร้างการเติบโต DPU additive หลังจากการเข้าลงทุนได้ เพื่อประโยชน์ของตัวกองทรัสต์ผู้ถือหน่วย
ในภาพรวม LH Hotel REIT ประสบความสำเร็จในการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจในปี 2024 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและกลยุทธ์การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม กองทรัสต์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดโรงแรม การบริหารจัดการความเสี่ยงและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้กองทรัสต์สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
ปัจจุบัน อาจจะยังไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติม หากนักลงทุนหรือผู้ถือหน่วยมีคำถาม สามารถติดต่อสอบถามไปยัง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน LH Fund ในการ Clarify ตัวข้อมูล สําหรับ Session วันนี้ ครบถ้วน ขอบพระคุณ สําหรับทางนักลงทุนและทางผู้ถือหน่วย ทรัสต์ทุกท่านที่ให้ความสนใจกับตัวกิจกรรม Set Opportunity Day ของทาง LH Hotel ในวันนี้ ขอบคุณครับ