บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
Krungsri Securities (KSS) คาด CKP กำไรปี 2568 โต 19% คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท
P/E 16.45 YIELD 3.13 ราคา 2.72 (8.80%)
ไฮไลท์สำคัญ: CKP แนวโน้มผลประกอบการปี 2568
Krungsri Securities (KSS) ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ CKP และคาดการณ์ผลประกอบการปี 2568 จะเติบโต 19% YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากระดับน้ำในเขื่อนที่ลาวอยู่ในระดับสูง และคาดการณ์สภาวะ ENSO จะเป็นกลางใน 3Q25 ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงไฮซีซั่น KSS คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายที่ 3.80 บาท
รายละเอียดการวิเคราะห์: ปัจจัยหนุนการเติบโตของ CKP
KSS คาดผลประกอบการ 1Q25F จะแข็งแกร่งกว่าไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากระดับน้ำที่ NN2 และ XPCL อยู่ในระดับสูง โดยคาดว่าผลประกอบการจะสูงสุดใน 3Q25F ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นตามปกติ และจะได้รับประโยชน์จากการไม่มีการหยุดดำเนินการ XPCL เหมือนที่เกิดขึ้นใน 3Q24 นอกจากนี้ KSS ยังคงประมาณการปี 2025-26F โดยสะท้อนถึงการปิดซ่อมบำรุงที่ XPCL ใน 2Q25F และการปิดซ่อมบำรุงที่ NN2 ใน 4Q25F
KSS ประเมินว่าผลประกอบการใน 1Q25F จะได้รับแรงหนุนจากระดับน้ำที่สูงในเขื่อนที่ CKP ลงทุนในลาว โดยมีข้อมูลการผลิตไฟฟ้าของ NN2 อยู่ที่ 400 กิกะวัตต์ชั่วโมงใน 1Q25 (เติบโต 7% YoY) ในขณะที่ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยของ XPCL เพิ่มขึ้น 25% YoY ใน Jan-25 และ 10% YoY ใน Feb-25 ทำให้ KSS คาดว่า 1Q25F จะมีสัดส่วนอย่างน้อย 10% ของผลประกอบการทั้งปี 2025F
ข้อสังเกต: การบริหารจัดการหนี้สินและแผนการลงทุน
KSS ระบุว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net D/E) ของ CKP ได้รับการบริหารจัดการอย่างดี โดยอยู่ที่ 0.55 เท่าในปี 2024 (ลดลงจาก 0.58 เท่าในปี 2023) ซึ่งทำให้สามารถหาแหล่งเงินทุนสำหรับ CAPEX 4.6 พันล้านบาทในปีนี้ โดย CAPEX นี้ส่วนใหญ่จัดสรรให้กับ LPCL (4.1 พันล้านบาท) และอีก 500 ล้านบาทสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย บริษัทจะมีการออกหุ้นกู้ 4 พันล้านบาทใน Jun-25F สำหรับ LPCL และการออกหุ้นกู้ 3 พันล้านบาทในเดือน Jul-Aug 25F สำหรับ rollover หุ้นกู้ของ XPCL ขณะเดียวกันบริษัทจะมีการไถ่ถอนหุ้นกู้ NN2 จำนวน 3 พันล้านบาท (ครบกำหนดใน Mar-25F, Sep-25F, Oct-25F) KSS คาดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.7 เท่า ซึ่งยังถือว่าเป็นระดับที่จัดการได้ดี
สรุป: คงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมราคาเป้าหมาย
Krungsri Securities (KSS) คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ CKP โดยมีราคาเป้าหมายที่ 3.80 บาท อิงจากการประเมินผลประกอบการปี 2025-26F ซึ่งรวมถึงการปิดซ่อมบำรุงบางส่วนของ XPCL (โดยคาดจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 180 ล้านบาท) ใน 1Q25F, การหมดอายุของการยกเว้นภาษีที่ XPCL และการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ที่ NN2 ใน 4Q25F