PDJ Oppday สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568: ความท้าทายจากราคาทองคำผันผวนและแนวโน้มในอนาคต

P/E -100.00 YIELD 8.06 ราคา 1.24 (0.00%)

PDJ Oppday สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568: ความท้าทายจากราคาทองคำผันผวนและแนวโน้มในอนาคต

สวัสดีครับ วันนี้ผมและคุณดุสิตมาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ Pandagroup หรือ PDJ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา รวมถึงความคืบหน้าของแผนงานและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความผันผวนระดับโลกในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เราจะพูดถึงแนวโน้มและอนาคตของอุตสาหกรรมและตลาดในสหรัฐอเมริกาในปีหน้าที่จะเกิดขึ้นครับ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • ผลกระทบเชิงลบ:
    1. ยอดขายลดลง: ยอดขายรวมลดลง 39% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว
    2. กำไรขั้นต้นลดลง: อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 4% เหลือ 22%
    3. การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำ: ขาดทุนรวม 133 ล้านบาท
  • ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ:
    1. ราคาทองคำผันผวน: ทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อและมีผลต่อกำลังซื้อ
    2. ผลกระทบจากภาษีของสหรัฐอเมริกา: ส่งผลกระทบต่อการส่งออก
    3. เศรษฐกิจซบเซาในประเทศไทย: ทำให้ยอดขายชะลอตัว
  • ข้อมูลทางการเงินและสถิติ:
    1. ยอดขายรวมไตรมาส 3: ลดลงจาก 1,079 ล้านบาท เหลือ 664 ล้านบาท (ลดลง 38%)
    2. กำไรขั้นต้น: ลดลงจาก 20.7% เหลือ 21.67%
    3. ขาดทุนสุทธิ: 133 ล้านบาท (ปีที่แล้วขาดทุน 90 ล้านบาท)

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • ไม่มีการระบุโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างชัดเจนในเนื้อหา
  • การเน้นการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายมากกว่าการแสวงหาโอกาสใหม่

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • ความเสี่ยงด้านตลาด: ราคาทองคำผันผวน, เศรษฐกิจซบเซา, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
  • ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดเครื่องประดับ
  • ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: ยอดขายลดลง, กำไรลดลง, ขาดทุนเพิ่มขึ้น

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • การควบคุมค่าใช้จ่าย: ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • การปรับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์: ปรับเปลี่ยนส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับราคาและกำลังซื้อ
  • การปรับปรุงกระบวนการผลิต: เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
  • การขยายช่องทางออนไลน์: เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์
  • การทำตลาดร่วมกับศิลปิน: สร้างความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • การคาดการณ์ผลประกอบการปี 2568: คาดว่าจะมียอดขายรวม 1,900 ล้านบาท (ต่ำกว่าเป้าหมาย 20%)
  • แนวโน้มในอนาคต:
    1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: นิยมซื้อเครื่องประดับผ่านช่องทางออนไลน์และแบรนด์ดีไซเนอร์มากขึ้น
    2. การเติบโตของตลาดเครื่องประดับแบรนด์ดีไซเนอร์: แม้ตลาดรวมจะเล็กลง แต่กลุ่มแบรนด์ดีไซเนอร์ยังคงเติบโต
  • เป้าหมายระยะยาว:
    1. การรักษาฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง
    2. การตอบสนองความต้องการของตลาดแบรนด์ดีไซเนอร์

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 50:00]

คำถาม: หากราคาทองคำไม่ผันผวน ยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมาจะลดลงหรือไม่?

คำตอบ: ถึงแม้ราคาทองคำจะไม่ผันผวน แต่ผลกระทบจาก Tariff ก็ยังมีอยู่ เพราะ Tariff มีผลกระทบต่อการทบทวนเรื่องต้นทุนไปยังผู้บริโภคในช่วงที่มีความไม่แน่นอน ลูกค้าก็ต้องชะลอการสั่งซื้อเช่นกัน

คำถาม: หากเศรษฐกิจโลกยังแย่ไปอีก 3-5 ปี ยอดขายลด ยังมี room ให้ลดต้นทุนกับยอดขายที่ลดไหม?

คำตอบ: segment ที่เราทำที่เป็น Jewelry Designer และ Brand Jewelry จริงๆ ยัง continue ที่จะมีการเติบโต ถ้าเราทำการรีเสิร์ชเรื่องนี้ใน Luxury คงเห็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรายังมองว่าเรายังมีฐานผลิตที่แข็งแกร่ง และยังสามารถมี demand ที่ใช้ผลผลิตเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นเรายังไม่ได้อยู่ในโหมดลดต้นทุน แต่ตัว Retail เองก็จะผันผวนตามกับยอดขาย อย่างที่อธิบายไปแล้วเมื่อสักครู่

**หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป:**

  • ผลกระทบหากทองไม่ผันผวน: Tariff ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน
  • เศรษฐกิจโลกแย่กระทบต้นทุน: Jewelry Designer ยังมีโอกาสเติบโต

โดยสรุป Pandagroup เผชิญกับความท้าทายสำคัญจากราคาทองคำผันผวนและผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามบริษัทกำลังปรับตัวโดยการควบคุมค่าใช้จ่าย ปรับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางออนไลน์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์และรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด