บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
PRINC สรุปผลประกอบการ Q3/2568: ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาด สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
P/E -100.00 YIELD 0.60 ราคา 1.68 (0.00%)
PRINC สรุปผลประกอบการ Q3/2568: ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาด สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
PRINC หรือบริษัท Principal Capital จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลและบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน ได้จัดงาน Opportunity Day (Oppday) ประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2568 เพื่อรายงานผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจให้แก่นักลงทุน โดยมีทีมผู้บริหารเข้าร่วมนำเสนอข้อมูล ได้แก่ นายแพทย์วิชญ์เวช รักษากุลชร และคุณคณัส ศิริสุวัตถ์ Co-Chief Executive Officer, คุณธารินทร์ เอี่ยมเพชราพงษ์ Chief Financial Officer และคุณปรียาพร อภิวัฒนวิทย Executive Director
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 ได้รับผลกระทบจาก 3 ปัจจัยหลัก:
- สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว (Slowdown Economy) ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะโรคที่ไม่รุนแรงมากนัก
- ปัญหาชายแดน (Border Issues) ทำให้โรงพยาบาลตามแนวชายแดนไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านได้
- การระบาดของโรค (Disease Outbreak) ที่มาช้ากว่าปกติ ทำให้การเติบโตในไตรมาส 3 ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ถึงแม้จะมีปัจจัยลบดังกล่าว แต่จำนวนผู้ป่วยนอก (Outpatient Department: OPD) โดยเฉลี่ยต่อวันยังคงเติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year-on-Year) โดยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1-2% คิดเป็น 2,400 บาทต่อคน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยใน (Inpatient Department: IPD) และอัตราการครองเตียง (Average Daily Census: ADC) ลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 2.41 วัน
สัดส่วนผู้ชำระค่ารักษาพยาบาล (Payers) หลักยังคงเป็น Self-pay และ Insurance คิดเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 40% และ 30% ปลายๆ ตามลำดับ
รายได้รวมลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว แต่หากพิจารณา 9 เดือนแรกของปี พบว่ารายได้ยังคงเติบโต 3.6%
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) ลดลงจาก 0.8 เท่า เหลือ 0.4 เท่า เนื่องจากการขายธุรกิจ Property Business
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
PRINC วางกลยุทธ์ในการเติบโตโดยมุ่งเน้น 4 ด้านหลัก:
- Organic Growth: มุ่งเน้นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนขยายโรงพยาบาลที่ผ่านมา และพัฒนาศักยภาพในการรักษาโรคยากและซับซ้อน เพื่อเพิ่มมูลค่าการรักษา
- Partnership: สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเพิ่ม Campus Visits และ Referrals
- Mergers and Acquisitions (M&A): ขยายจำนวนโรงพยาบาลและเตียงรวม ผ่านการควบรวมกิจการและการลงทุน Green Field ใหม่ โดยพิจารณาจากโอกาสและความเหมาะสม
- Efficiency: ปรับโครงสร้างภายในองค์กรและโครงสร้างต้นทุน เพื่อเพิ่ม Cost Efficiency และ Margin
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักที่ PRINC เผชิญ ได้แก่:
- สภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน (Economic Volatility) อาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
- การแข่งขันที่รุนแรง (Intense Competition) ในธุรกิจโรงพยาบาล
- ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โรคระบาด (Uncertainty of Disease Outbreaks)
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
PRINC มีแผนรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:
- มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน (Cost Management)
- พัฒนาบริการทางการแพทย์ให้มีคุณภาพและครอบคลุม (Quality and Comprehensive Services)
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตร (Partnership Relations)
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
PRINC ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในธุรกิจโรงพยาบาล โดยเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็กในต่างจังหวัด บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในด้านการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่าย โดยให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance) และการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:58]
-
ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2568
ผู้บริหารตอบว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4 อาจแตกต่างจากปีก่อนๆ เนื่องจากโรคระบาดมาในช่วงครึ่งหลังของเดือนกันยายน ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมอาจเห็นการเติบโตที่ไม่เหมือนเดิม
-
สถานการณ์ผู้ป่วย OPD และ อัตราการครองเตียง
ผู้บริหารตอบว่า ถึงแม้จะมีวิกฤตเศรษฐกิจ แต่จำนวนผู้ป่วยนอกยังเติบโตอยู่ ส่วนแนวโน้มผู้ป่วยในน้อยลงกว่าปีก่อน แต่อัตราการครองเตียงจะดีขึ้นหรือไม่ ต้องรอดูผลจากสถานการณ์โรคระบาด
-
ทิศทางของ PRINC ในปี 2569
ผู้บริหารตอบว่า คีย์หลักอยู่ที่สภาวะเศรษฐกิจ โดยจะเน้น Organic Growth เป็นหลัก และให้ความสำคัญกับการเติบโตของโรงพยาบาลใหม่ รวมถึงโรงพยาบาลเดิมที่ Renovate ไป นอกจากนี้ ยังคงมองหา Opportunity ในการขยายกิจการ โดยพิจารณาจากความคุ้มค่า
-
ศักยภาพและโอกาสในการลงทุนที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร
ผู้บริหารตอบว่า โรงพยาบาลกำแพงเพชรจะอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลพิษณุเวช ซึ่งมีศักยภาพในการดูแลรักษาโรคยากและซับซ้อน โดยมีโรงพยาบาลลูกข่าย เช่น พิษณุเวชอุตรดิตถ์ และพิษณุเวชพิจิตร นอกจากนี้ กำแพงเพชรยังเป็นพื้นที่ Cashment Area ของโรงพยาบาลพิษณุเวชอยู่แล้ว การลงทุนจึงเป็นการปิด Gap และรองรับการเติบโตในพื้นที่
-
ผลกระทบจากกฏเกณฑ์ใหม่เรื่องการเปิดเผยราคายา
ผู้บริหารตอบว่า PRINC ได้ทำเรื่องนี้มานานแล้ว และการทำ MOU ครั้งนี้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่เคยปฏิบัติอยู่ จึงไม่มีผลกระทบใดๆ
-
นโยบายการจ่ายเงินปันผล
ผู้บริหารตอบว่า การจ่ายเงินปันผลเป็นความตั้งใจของทีมบริหารที่จะทำอย่างต่อเนื่อง แต่การจ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งเงินที่จะจ่ายและเงินที่จะเก็บไว้ขยายกิจการ โดยจะประกาศให้ทราบหลังจากการประชุมบอร์ด
-
โอกาสของศูนย์มะเร็งที่พิษณุเวช
ผู้บริหารตอบว่า ก่อนหน้านี้พิษณุเวชรักษาได้ทั้งการวินิจฉัย ผ่าตัด และให้เคมีบำบัด แต่ยังขาดการฉายรังสีรักษา ซึ่งมีความต้องการในพื้นที่สูง การเติม Product นี้เข้ามาจึงทำให้เกิดความครบวงจรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ Refer In Case จากโรงพยาบาลลูกข่าย เช่น ปากน้ำโพ ทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
-
ผลกระทบจากโรคระบาดใน Q3
ผู้บริหารตอบว่า โดยปกติโรคระบาดจะมาพร้อมกับหน้าฝน แต่ปีนี้มาช้า ทำให้มีผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม วัคซีนในปีนี้ให้ผลค่อนข้างดี ทำให้มีภูมิคุ้มกันยาวนานขึ้น และโรคระบาดมาช้ากว่าปกติ
-
แผนการเพิ่มโรงพยาบาลเป็น 20 แห่ง
ผู้บริหารตอบว่า ยังคงเป้าหมายที่จะขยายโรงพยาบาลให้ครบ 20 แห่ง เพื่อให้เกิด Economy of Scale โดยจะพิจารณาจาก Opportunity ที่เข้ามา ว่ามีความคุ้มค่าและสร้างการเติบโตจริงหรือไม่
โดยสรุป PRINC ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพในการรักษา การบริหารจัดการต้นทุน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อส่งมอบบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการอย่างครบวงจร