PTT Opportunity Day Q3 2568: สรุปผลประกอบการ, กลยุทธ์, และแนวโน้มในอนาคต

P/E 12.16 YIELD 6.67 ราคา 31.75 (0.00%)

PTT Opportunity Day Q3 2568: สรุปผลประกอบการ, กลยุทธ์, และแนวโน้มในอนาคต

สรุปงาน Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารจากฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์เป็นผู้ให้ข้อมูล เริ่มต้นด้วยการสรุปภาพรวมกลยุทธ์และเหตุการณ์สำคัญในช่วง 9 เดือนของปี 2568

  1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

    ปตท. ยังคงมุ่งเน้นความสมดุลด้านความมั่นคงทางพลังงานและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกลยุทธ์หลักสำหรับธุรกิจไฮโดรคาร์บอนคือการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนผ่านโครงการ Efficiency Enhancement ส่วนธุรกิจ Non-Hydrocarbon มีการปรับ Portfolio และทบทวนธุรกิจให้มีความเหมาะสม รวมถึงการทำตามแผน Decarbonization และการสร้างโอกาสทางธุรกิจของ Carbon Capture Storage (CCS) และธุรกิจ Hydrogen

    Key Highlight ช่วง 9 เดือนปี 2568 ปตท. ดำเนินการตามกลยุทธ์ต่างๆ ทั้งโครงการ Mission X (Operational Excellence), T1 และ D1 (Supply Chain Management), และ A1 (Asset Monetization) ซึ่งช่วยให้ ปตท. มี Profit Enhancement หรือกำไรที่เพิ่มขึ้นกว่าการดำเนินธุรกิจแบบปกติ จำนวน 15,000 ล้านบาท และมีการรับรู้เงินสดส่วนเพิ่มประมาณ 15,000 ล้านบาท

    ในงวด 9 เดือนปี 2568 ปตท. มี EBITDA จำนวนกว่า 260,000 ล้านบาท และยังสามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระดับสูง โดยมีเงินสดและเงินทุนระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 413,000 ล้านบาท

  2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

    ปตท.สผ. ขยายการสำรวจและผลิตในแหล่งใหม่ พร้อมลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม ได้แก่ การเข้าซื้อสัดส่วนเพิ่มเติมในโครงการ สิงห์ภูฮ่อม, การเข้าร่วมลงทุนในแปลง A18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA), และการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ ทูอาร์ต ประเทศแอลจีเรีย

    ในส่วนของ LNG Value Chain กลยุทธ์คือการสร้างการเติบโตของธุรกิจ LNG ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายที่จะขยาย LNG Portfolio มุ่งสู่เป้าหมาย 10 ล้านตันต่อปี ในปี 2573 และ 15 ล้านตันต่อปี ในปี 2578

    ธุรกิจไฟฟ้า มีกลยุทธ์ในการเข้าร่วมการประมูลโครงการไฟฟ้าของประเทศ และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจจากการเปิด Third Party Access ของไฟฟ้า รวมถึงแสวงหาโอกาสการเติบโตทางด้านพลังงานทดแทนในต่างประเทศ โดยปัจจุบันพลังงานหมุนเวียนที่ GPSC ลงทุนผ่านบริษัท Avada มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 2.2 กิกะวัตต์ และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนใน Portfolio ให้สูงถึง 70% หรือประมาณ 9.1 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573

  3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

    ในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น มีแผนในการปรับ Portfolio โดยปัจจุบันความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องการปรับ Portfolio ยังเป็นไปตามแผนอยู่

    ธุรกิจ Trading พยายามที่จะปรับเพิ่มระดับ Synergy ภายในกลุ่มผ่านโครงการ T1 และ D1 ซึ่งจะเป็นการทำ Supply Chain Management ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    ธุรกิจ Mobility และ Lifestyle มีกลยุทธ์ที่จะมุ่งหน้าสู่การเป็น Thailand Mobility Partner โดยครองอันดับ 1 ส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจน้ำมัน

  4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

    ปตท. ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจ EV โดยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท Horizon Plus และมีการจำหน่ายหุ้นใน CATL รวมถึงการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท Nio Mobility Asia ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ Smart Exit ที่ ปตท. ได้วางไว้ และส่งผลให้มีเงินสดกลับเข้ามาในบริษัทประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเงินในส่วนนี้ ปตท. สามารถนำกลับไปลงทุนในโครงการอื่นๆ ในธุรกิจอื่นๆ ที่ ปตท. มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น

    ในธุรกิจ Lifestyle มีแผนในการปรับการถือหุ้นในบริษัท Lotus ซึ่งเป็นบริษัทยาในไต้หวัน ธุรกรรมการขายหุ้นเป็นการทำไปเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน นอกจากนี้ Lotus ได้มีการตัดสินใจเข้าซื้อ Oragen US ซึ่งจะทำให้ Lotus สามารถเข้าถึงตลาดสหรัฐได้มากขึ้น

    New Venture ปรับการลงทุนใน New Venture ที่สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทั้งกลุ่ม ปตท. โดยเน้นไปที่ Decarbonization และ Advanced Material

  5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

    ปตท. ยึดหลักการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานอย่างสมดุล โดยมองใน 3 มิติ ได้แก่ การเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน, การหาแหล่งพลังงานที่สามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม, และการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก โดยมีกำหนดเป้าหมายระยะกลางในการลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 15% ในปี 2578 จากปีฐานปี 2564 และกำหนดเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593

    ความคืบหน้าในโครงการต่างๆ ได้แก่ Master Plan สำหรับเรื่องของ Group Decarbonization, การทำ Carbon Capture Storage (CCS), และธุรกิจ Hydrogen ที่อยู่ระหว่างแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและมองเรื่องความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ

  • ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 42.24

    คำถามและคำตอบในช่วง Q&A session:

    1. **ปริมาณขาย Natural Gas ลดลง:**
      • **คำถาม:** ปริมาณขาย Natural Gas ลดลงจากการนำเข้าไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านมากขึ้น คาดว่าปัญหานี้จะกดดันปริมาณขายไปถึงปี 2569 หรือไม่?
      • **คำตอบ:** เป็นปัจจัยเชิงฤดูกาลมากกว่าปัจจัยกดดันเชิงโครงสร้างระยะยาว การนำเข้าไฟฟ้าพลังงานน้ำมากขึ้นเป็นผลของลานิญญา ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำสูงกว่าปกติ ปีหน้าต้องติดตามสภาพอากาศและความต้องการของลูกค้า
    2. **NGV ขาดทุนสูงขึ้น:**
      • **คำถาม:** NGV ขาดทุนสูงขึ้นแม้ว่าต้นทุนจะลดลง มีแผนที่จะปิดหรือลดสถานีหรือปรับสูตรราคาหรือไม่?
      • **คำตอบ:** ปตท. จะทยอยปิดสถานีที่หมดอายุสัญญา
    3. **Interim Dividend:**
      • **คำถาม:** Interim Dividend ที่ 7.3% Yield ผู้บริหารมั่นใจว่าทั้งปี 2568 Pay Out Ratio จะสามารถรักษาอยู่ที่ 60-65% หรือเปล่า?
      • **คำตอบ:** ปตท. จะพิจารณาปัจจัยเรื่องแผนการลงทุน ความจำเป็น และความเหมาะสมในอนาคต และจะพยายามรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลให้อยู่ในระดับเดิม
    4. **การออกหุ้นกู้:**
      • **คำถาม:** การออกหุ้นกู้ทั้งดอลลาร์และบาทในปี 68-69 จะมี Maturity ใหญ่ๆ หรือไม่ และมีแนวโน้มที่จะกู้เพิ่มเพื่อลดต้นทุนหรือ Refinance หรือเปล่า?
      • **คำตอบ:** หุ้นกู้สกุลบาทของ ปตท. จะมีครบกำหนดรวมประมาณ 32,000 ล้านบาท ปตท. ได้มีการออกหุ้นกู้สกุลบาทจำนวน 2 รุ่นไปแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ในการลงทุนหรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ สำหรับปีหน้าต้องมาดูภาพของกระแสเงินสด สภาพตลาดของตลาดบอนด์ และโอกาสลงทุนต่างๆ
    5. **ภาพรวมกรณีค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน:**
      • **คำถาม:** ภาพรวมกรณีค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน ที่จะเป็น Favor ต่อบริษัทมากกว่ากัน?
      • **คำตอบ:** เราใช้การบริหารความเสี่ยงแบบการทำ Natural Hedge คือการบริหารด้านกำไรสกุลต่างประเทศกับในส่วนของหนี้สินให้มีความเหมาะสมกัน เพื่อลดผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน
  • โดยสรุป ปตท. ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์พลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีกลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต แม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายหลายด้าน แต่ ปตท. ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

    โพสต์ล่าสุด