บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SPALI กำไรปี 2568 ส่อแววลดลง! โบรกฯ หั่นเป้าราคาเหลือ 18 บาท แต่ยังแนะนำ
P/E 7.04 YIELD 8.63 ราคา 17.40 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: SPALI ตั้งเป้าปี 2568 เน้นเปิดโครงการคอนโดมากขึ้น
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI วางแผนเปิดตัว 36 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4.6 หมื่นล้านบาท โดยเน้นตลาดกลาง-บน และเพิ่มสัดส่วนโครงการคอนโดเป็น 11% (+121% y-y) ซึ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขายและ Backlog ในปี 2570 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 จะลดลง 6% y-y จาก Backlog ที่ลดลง
รายละเอียด: SPALI ตั้งเป้ายอดขายสูงขึ้น แต่รายได้ลดลง
SPALI ตั้งเป้ายอดขายปี 2568 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (+20% y-y) โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 65% (+23% y-y) และคอนโด 35% (+13% y-y) ในขณะที่ตั้งเป้ารายได้ที่ 3 หมื่นล้านบาท (-3% จากปี 2567) อย่างไรก็ตาม SPALI จะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนใน 12 โครงการในออสเตรเลียตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนสูงขึ้นในปีนี้
FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่ 1.64 พันล้านบาท (-18% q-q, -19% y-y) เนื่องจากไม่มีคอนโดสร้างเสร็จใหม่และยอดขายที่ซบเซา โดยคาดการณ์ยอดโอนที่ 8.7 พันล้านบาท (-11% q-q, -13% y-y) แบ่งเป็นแนวราบ 73% และคอนโด 27% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาท (+2x q-q, y-y) จากการลงทุนใหม่ ส่งผลให้ FSSIA ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 8% เป็น 5.8 พันล้านบาท (-3% y-y)
ข้อสังเกต: SPALI ต้องพึ่งพายอดขายแนวราบและคอนโดคงค้าง
FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ของ SPALI จะอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท (-6% y-y) ณ สิ้นปี 2567 SPALI มี Backlog 1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งรองรับประมาณการยอดโอนปี 2568 ได้เพียง 26% เนื่องจากมีคอนโดสร้างเสร็จเพียง 1 โครงการ (ศุภาลัย บลูเวลล์ หัวหิน) เทียบกับ 5 โครงการในปี 2567 ดังนั้น SPALI ต้องพึ่งพายอดขายโครงการแนวราบ ซึ่งตลาดยังคงซบเซา รวมถึงคอนโดคงค้างมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท
สรุป: FSSIA ปรับลดราคาเป้าหมาย แต่ยังคงคำแนะนำ "ถือ"
FSSIA ปรับลดราคาเป้าหมายของ SPALI ลงเหลือ 18 บาท จากเดิม 20.4 บาท โดยอิงจาก P/E ที่ 6.4 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต) ลดลงจาก 7.1 เท่า อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ "ถือ" โดยคาดการณ์เงินปันผลครึ่งปีหลัง 2567 ที่ 0.70 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.2%
ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: อัตราการ Take-up ที่ต่ำกว่าคาด, การเปิดตัวโครงการใหม่ที่น้อยกว่าคาด, เศรษฐกิจและการฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ช้ากว่าคาด, อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อและการยกเลิกที่สูงกว่าคาด, การแข่งขันที่สูงกว่าคาด, และผลการดำเนินงานของโครงการในออสเตรเลียที่อ่อนแอกว่าคาด