บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
MAGURO: FSSIA คาดการณ์กำไรปี 2568-2569 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมราคาเป้าหมาย 31.60 บาท
P/E 21.06 YIELD 1.31 ราคา 22.90 (0.00%)
FSSIA ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ MAGURO ในไตรมาส 4/2568 โดยคาดว่าจะเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และปีต่อปี (YoY) ไปสู่ระดับสูงสุดใหม่
ไฮไลท์สำคัญ
- MAGURO เปิดสาขาใหม่ 4 แห่งในไตรมาส 4/2568 ได้แก่ Maguro (Design Village), Hitori Shabu (Central Chaeng Wattana) และ Tonkatsu Aoki (Mega Bangna และ Icon Siam) รวมเป็น 53 สาขา ณ สิ้นปี 2568 เพิ่มขึ้น 15 สาขาจากปีก่อนหน้า
- Hitori Shabu มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาส 4/2568 ทั้งรายได้และกำไรฟื้นตัวจากการเข้าใช้บริการที่แข็งแกร่งขึ้น
- SSSG (Same Store Sales Growth) ในไตรมาส 4/2568 ปรับตัวดีขึ้นเป็นประมาณ -1% YoY (จาก -2.7% YoY ในไตรมาส 3/2568) และคาดว่าจะฟื้นตัวในเดือนธันวาคม
- Ssamthing Together ได้รับผลตอบรับด้านรายได้ที่ดีจากการจัดโปรโมชั่นบุฟเฟต์ใน 2 สาขา
- ผู้บริหารตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 15 แห่งในปี 2569 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2-3 แบรนด์
รายละเอียดการวิเคราะห์
FSSIA คาดการณ์ว่าผลกำไรสุทธิปี 2568-2569 จะเติบโต 40.6% YoY และ 27.4% YoY ตามลำดับ โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 31.60 บาท อิงตามการเติบโตของรายได้และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
ถึงแม้ต้นทุนโดยรวมอาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น แต่ราคาปลาแซลมอนได้รับการล็อคไว้บางส่วนแล้ว และราคาข้าวญี่ปุ่นที่สูงขึ้นมีผลกระทบน้อยมาก (คิดเป็นประมาณ 1% ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด) FSSIA คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอยู่ที่ประมาณ 47% ซึ่งต่ำกว่า QoQ เล็กน้อย แต่ยังคงแข็งแกร่ง
FSSIA ประเมินมูลค่าหุ้น MAGURO โดยใช้วิธี Discounted Cash Flow (DCF) โดยมีสมมติฐานหลักคือการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 15% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และอัตราคิดลด (Discount Rate) ที่ 10%
ข้อสังเกต
- SSSG ยังคงติดลบเล็กน้อยในไตรมาส 4/2568 เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอในเดือนพฤศจิกายนและฝนตกหนัก
- การประเมินผลกระทบโดยรวมของโปรโมชั่นบุฟเฟต์ Ssamthing Together ต่อต้นทุนและผลกำไรยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา
สรุป
FSSIA ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ MAGURO โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายสาขาที่ประสบความสำเร็จ การฟื้นตัวของ Hitori Shabu และการเติบโตของ Ssamthing Together FSSIA คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมาย 31.60 บาท ซึ่งคำแนะนำนี้อิงตามการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตของบริษัท