https://aio.panphol.com/assets/images/community/12582_CCCE0E.png

SPCG เตรียมพร้อมสู่ยุคใหม่! โบรกเกอร์ BYD ชี้เป้า 13 บาท มองไกลถึงการเติบโตในญี่ปุ่น

P/E 21.02 YIELD 14.12 ราคา 8.50 (0.00%)

SPCG กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ มุ่งสู่การเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการใหญ่ในญี่ปุ่นที่คาดว่าจะเริ่ม COD ในปี 2027 หนุนกำไรฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

ไฮไลท์สำคัญ:

  • SPCG ปรับกลยุทธ์: เน้นขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์ (Solar Rooftop) ในประเทศ ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศ
  • โครงการ Ukujima Mega Solar Project: ขนาด 480 เมกะวัตต์ (MW) ในญี่ปุ่น จะเริ่ม COD ในปี 2027 เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อกำไร
  • BYD แนะนำ "ซื้อ": ให้ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท ด้วยวิธี Sum of the part (SOTP)

SPCG กับการเติบโตในยุคใหม่:

SPCG กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ระยะการเติบโตใหม่ หลังสิ้นสุดสิทธิประโยชน์จาก Adder ในประเทศ บริษัทจึงมุ่งเน้นการขยายการลงทุนในธุรกิจ Solar Rooftop เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศผ่าน 3 โครงการพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น นอกจากนี้ SPCG ยังได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐของไทยที่ผลักดันการติดตั้งระบบ Solar Rooftop อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยราว 15% ต่อปี ในระยะกลางถึงยาว ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเสริมโครงสร้างรายได้ของบริษัทให้มีความยั่งยืนมากขึ้น

โครงการหลักใน Ukujima Mega Solar Project จะเริ่มหนุนรายได้ในครึ่งหลัง ซึ่งมีขนาด 480 เมกะวัตต์ (MW) จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2027 โดยโครงการนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อกำไร สะท้อนถึงการปรับพอร์ตธุรกิจจากรายได้ในประเทศ สู่การเติบโตจากต่างประเทศ

BYD มองว่า SPCG อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านกลยุทธ์ จาก Adder ที่หมดลง สะท้อนถึงการปรับพอร์ตธุรกิจจากฐานรายได้เดิมที่พึ่งพาโครงการในประเทศ สู่รายได้จากต่างประเทศ ซึ่งกระจายความเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ โครงการขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นยังเป็น "Strategic Growth Catalyst" ที่ตอกย้ำจุดยืนของ SPCG ในการเป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานสะอาดระดับภูมิภาค พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับผลประกอบการในระยะยาว

ข้อสังเกตและประเด็นที่ต้องติดตาม:

  • ผลกระทบจาก Adder ที่หมดอายุ: แม้ว่าสิทธิประโยชน์จาก Adder ของทุกโครงการจะครบกำหนดระยะเวลาแล้ว แต่ SPCG ยังคงมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา อาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากบางโครงการในประเทศ
  • คดีความใน EEC: โครงการขยายในพื้นที่ EEC ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งอาจส่งผลต่อการลงทุนในอนาคต หากศาลพิพากษาให้ชนะคดีคาดว่าจะได้รับการชดใช้จ่ายเสียหายจาก PEA ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท

สรุป:

BYD แนะนำ "ซื้อ" SPCG โดยให้ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท อิงตามวิธี Sum of the part (SOTP) โดยมองว่า SPCG มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว จากการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการ Ukujima Mega Solar Project ในญี่ปุ่น รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ Solar Rooftop ในประเทศ แม้ว่าผลประกอบการในปี 2025 อาจชะลอตัวลงบ้าง แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2027

ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผลกระทบจาก Adder ที่หมดอายุ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และคดีความใน EEC ก่อนตัดสินใจลงทุน

โพสต์ล่าสุด