บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
GFC กำไรทรุด! ทุ่มลงทุนสาขาใหม่ ฉุดกำไร Q3/68 ร่วง 63%
P/E 22.69 YIELD 8.17 ราคา 3.06 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: GFC กำไรสุทธิลดฮวบ แม้รายได้รวมไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เหตุต้นทุนพุ่งจากการลงทุนสาขาใหม่พระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
บมจ. เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้รวม 91.66 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 63.08% เหลือ 6.10 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในสาขาใหม่พระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล แม้ว่ารายได้จะยังไม่เติบโตตามเป้าหมาย
สถานการณ์ตลาด: ตลาดรักษาผู้มีบุตรยากชะลอตัว GFC เร่งเครื่องขยายฐานลูกค้า
ตลาดรักษาภาวะผู้มีบุตรยากในประเทศไทยยังคงเติบโต แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยมีการปรับลดประมาณการการเติบโตของตลาดในปี 2568 จาก 6.2% เหลือ 3.1% ปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังคงเป็นเทรนด์การฝากไข่และการเติบโตของตลาดต่างชาติ (Medical Tourism) แต่ก็มีความท้าทายจากตลาดจีนที่รัฐบาลให้การสนับสนุนการรักษาภาวะมีบุตรยาก และกำลังซื้อในประเทศที่ยังเปราะบาง
วิเคราะห์ผลประกอบการ: รายได้ลด ต้นทุนพุ่ง ฉุดกำไร GFC ดิ่ง
- รายได้: รายได้จากการให้บริการลดลง 1.06% YoY ในไตรมาส 3/2568 และ 4.17% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี สาเหตุหลักมาจากจำนวนผู้เข้ารับบริการและจำนวนรอบการเก็บไข่ที่ลดลง แม้ว่าจะมีการปรับราคาโปรแกรมการรักษาเพิ่มขึ้น
- ต้นทุน: ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 5.85% YoY ในไตรมาส 3/2568 และ 8.01% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี สาเหตุหลักมาจากค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสาขาพระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
- กำไรขั้นต้น: กำไรขั้นต้นลดลง 8.95% YoY ในไตรมาส 3/2568 และ 17.23% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 46.69% เป็น 42.97% ในไตรมาส 3 และจาก 48.24% เป็น 41.66% ในช่วง 9 เดือนแรก
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: เพิ่มขึ้น 45.11% YoY ในไตรมาส 3/2568 และ 61.17% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเสื่อมราคา และค่าสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับสาขาพระราม 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
- กำไรสุทธิ: กำไรสุทธิลดลง 63.08% YoY ในไตรมาส 3/2568 และ 69.87% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 17.83% เป็น 6.65% ในไตรมาส 3 และจาก 22.12% เป็น 6.95% ในช่วง 9 เดือนแรก
บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ต่ำเพียง 0.14 เท่า และอัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ที่ 2.76 เท่า แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นได้เป็นอย่างดี กระแสเงินสดสุทธิลดลงในงวด 9 เดือนจำนวน 44.71 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เงินลงทุนในสาขาใหม่และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
สรุปและแนวโน้ม: GFC มั่นใจศักยภาพสาขาใหม่ พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโต
ถึงแม้ว่าผลกำไรในปัจจุบันจะถูกกดดันจากการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต แต่ GFC ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตต่อไป ความท้าทายหลักคือการทำการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับบริการให้เต็มศักยภาพของสาขาใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้เติบโตและช่วยให้บริษัทสามารถกลับมามีอัตรากำไรในระดับที่ดีดังเดิมได้