https://aio.panphol.com/assets/images/community/11875_4AC91C.png

SMPC กำไรโตสวนกระแส! ไตรมาส 3/68 กำไรพุ่ง 27.4% แม้ยอดขายหด

P/E 7.48 YIELD 7.66 ราคา 8.75 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ: SMPC โชว์ผลงานไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 27.4% แม้รายได้รวมลดลงจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทแข็งค่า บริหารจัดการต้นทุนดีเยี่ยมดันอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

SMPC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีรายได้รวม 857.60 ล้านบาท ลดลง 26.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 25.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 27.4% จาก 100.22 ล้านบาท เป็น 127.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 แต่ลดลง 38.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 การเพิ่มขึ้นของกำไรเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น รวมถึงอัตรากำไรที่ดีขึ้น แม้ว่ายอดขายจะลดลง

ปัจจัยภายนอกฉุดรายได้: เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาเหล็กลด กดดันยอดขาย

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา นโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อสินค้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมจากทุกประเทศ อย่างไรก็ตาม ความต้องการจากลูกค้าในสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ ทำให้บริษัทสามารถรักษายอดคำสั่งซื้อได้ โดยคำสั่งซื้อจากลูกค้าในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ราคาตลาดเหล็กที่ปรับตัวลดลง 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลง 12% ค่าระวางเรือมีความผันผวนอย่างมาก ทำให้บริษัทต้องปรับนโยบายการขายโดยเสนอราคาสินค้าแบบไม่รวมค่าขนส่ง

กำไรขั้นต้นพุ่ง: บริหารต้นทุนเยี่ยม ขายสินค้า High-Margin หนุน

รายได้จากการขายและบริการลดลงเนื่องจากปริมาณการขายที่ลดลง 13% จากความผันผวนของค่าขนส่งทางเรือที่ทำให้ลูกค้าชะลอการรับของ นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบ (เหล็ก) ที่ลดลง 21% และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น 8% ทำให้ราคาขายลดลง ต้นทุนขายและบริการลดลง 28.2% สอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง กำไรขั้นต้นลดลง 21.0% แต่ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 23.2% เป็น 24.9% เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง 21% และสัดส่วนการขายถังขนาดใหญ่และถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ ที่มีราคาสูงและอัตรากำไรดีเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและการจัดจำหน่ายลดลง 59.9% เนื่องจากค่าขนส่งลดลงสอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง และการปรับนโยบายการขายเป็นแบบไม่รวมค่าขนส่ง (FOB) เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 40.3% เนื่องจากการบริหารด้านการเงินของบริษัททำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ต้นทุนทางการเงินลดลง 69.6% สอดคล้องกับยอดซื้อวัตถุดิบ (เหล็ก) ที่ลดลงตามราคาตลาดเหล็ก นอกจากนี้ ภาระหนี้ลดลงจากการนำเงินสดส่วนเกินเร่งชำระหนี้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงเล็กน้อย

ฐานะการเงินแข็งแกร่ง: หนี้สินลด เงินสดในมือเพิ่ม ส่วนผู้ถือหุ้นโต

สินทรัพย์รวมลดลง 7.2% จาก 3,918.06 ล้านบาท เหลือ 3,636.55 ล้านบาท เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นสุทธิเพิ่มขึ้น 53.8% เนื่องจากผลประกอบการที่เป็นกำไรระหว่างงวด และสำรองเงินเพื่อจ่ายชำระเจ้าหนี้การค้า และชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคาร ลูกหนี้การค้าลดลง 59.8% เนื่องจากได้รับการชำระระหว่างงวด สินค้าคงเหลือลดลง 19.5% จากวัตถุดิบที่ลดลงจากการใช้ผลิตระหว่างงวด หนี้สินรวมลดลง 45.7% จาก 881.97 ล้านบาท เหลือ 478.49 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคารและเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นสุทธิลดลง 64.7% เนื่องจากการเร่งจ่ายชำระระหว่างงวด เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน ค่าขนส่งค้างจ่ายลดลง 86.9% เนื่องจากการขายในไตรมาส 3/2568 ส่วนใหญ่เป็นรายการขายแบบที่มีเงื่อนไข FOB ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 4.0% จาก 3,036.09 ล้านบาท เป็น 3,158.06 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.2 เท่า

สรุป: SMPC ปรับตัวรับความท้าทาย บริหารจัดการต้นทุนดีเยี่ยม ฐานะการเงินมั่นคง

SMPC มีผลประกอบการที่ผสมผสานในไตรมาส 3/2568 โดยรายได้ลดลงเนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น ราคาเหล็กที่ลดลงและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงความผันผวนของค่าระวางเรือ ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น บริษัทมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น การปรับนโยบายการขายเป็นแบบ FOB เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าขนส่ง และการกระจายตลาดเพื่อลดการพึ่งพาตลาดหลัก ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยมีหนี้สินลดลงและส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น

โพสต์ล่าสุด