บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KCE กำไร Q3/25 ฟื้นตัวเด่น! หยวนต้าชี้เป้า 27.75 บาท
P/E 25.41 YIELD 5.63 ราคา 21.30 (0.00%)
text-primary หยวนต้าคาดการณ์กำไรปกติ KCE ใน Q3/25 เติบโต 87% QoQ จากรายได้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว และคงคำแนะนำ "TRADING" โดยมีราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 ที่ 27.75 บาท
text-primary ไฮไลท์สำคัญ:
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรปกติของ KCE ใน Q3/25 ที่ 335 ล้านบาท (+87% QoQ, -13% YoY) โดยการฟื้นตัวเด่น QoQ มาจากรายได้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว ในขณะที่กำไรที่ลดลง YoY มาจากรายได้ที่ยังไม่กลับสู่ศักยภาพเดิม
text-primary รายละเอียดการวิเคราะห์:
หยวนต้าคาดการณ์รายได้หลักของ KCE ใน Q3/25 ที่ 3.4 พันล้านบาท (+5% QoQ, -10% YoY) โดยมียอดขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 106.5 ล้านเหรียญ (+7% QoQ, -3% YoY) ยอดขายฟื้นตัวเด่นหลังจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีความชัดเจนทั่วโลก ทำห้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่กลับมาเดินหน้าการผลิตตามศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม ยอดขายในรูปเงินบาทยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เนื่องจากค่าเงินบาท/USD ที่แข็งค่า (-2% QoQ, -7% YoY) กดดันอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดการณ์ GPM ใน Q3/25 ที่ 22.0% (+389bps QoQ, +176bps YoY) โดยค่าเงินบาท/USD ที่แข็งค่า และราคาทองแดงที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นปัจจัยกดดัน แต่ economies of scale ที่ดีขึ้นและการลดต้นทุนภายในอย่างเข้มข้นช่วยหนุนให้ GPM ดีขึ้น
นอกจากนี้ คาดการณ์ค่าใช้จ่าย SG&A ใน Q3/25 ที่ 430 ล้านบาท (-1% QoQ, -27% YoY) ลดลง YoY เนื่องจากการปรับลดขนาดองค์กรอย่างต่อเนื่อง การแทนที่แรงงานด้วยเครื่องจักร และการลดต้นทุนเคมีในการผลิต
text-primary ข้อสังเกตและแนวโน้ม:
สำหรับแนวโน้มใน Q4/25 หยวนต้าคาดการณ์เบื้องต้นว่ารายได้จะลดลงเล็กน้อย QoQ แต่มีโอกาสกลับมาเติบโต YoY จากฐานต่ำในปีก่อน ขณะที่ GPM คาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องเพราะค่าเงินบาท/USD ที่แข็งค่า หากกำไรออกมาตามคาด กำไร 9M25 จะคิดเป็นราว 59% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2025 ของหยวนต้าที่ 1.18 พันล้านบาท (-23% YoY) ทำให้แนวโน้มกำไรปี 2025 อาจสูงเกินไป
อย่างไรก็ดี ราคาเหมาะสมของหยวนต้าอิงประมาณการปี 2026 ทำให้การฟื้นตัวช่วงสั้นที่อาจต่ำกว่าคาดการณ์ไปบ้าง ไม่กระทบต่อราคาเหมาะสม
text-primary คำแนะนำและราคาเป้าหมาย:
หยวนต้าคงคำแนะนำ "TRADING" สำหรับ KCE โดยมีราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2026 ที่ 27.75 บาทต่อหุ้น อิง PER 26.4x (-0.50SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ราคาหุ้นยังมี Upside ให้เก็งกำไรได้ ขณะที่เงินปันผลในช่วงปี 2025-2026 ที่ผู้บริหารมีแนวโน้มจ่าย Payout Ratio ในระดับที่สูงกว่าปกติ เพราะยังไม่ต้องลงทุนขยาย Capacity เพิ่มเติม จะช่วยจำกัด Downside Risk ในกรณีที่การฟื้นตัวไม่เป็นไปตามคาดหวัง
ความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) ค่าเงินบาท/USD แข็งค่า 2) ราคาทองแดงปรับขึ้น และ 3) สงครามการค้า