บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SCB กำไร Q3/25 โตเกินคาด! FSSIA ชี้ Wealth Management แกร่ง แต่ยังคง "ถือ" ราคาเป้าหมาย 134 บาท
P/E 9.16 YIELD 7.82 ราคา 133.50 (0.00%)
FSSIA วิเคราะห์ SCB กำไร Q3/25 พุ่ง 10% YoY จาก OPEX ต่ำ Non-NII สูง และค่าธรรมเนียมโต แต่ Loan Growth ยังน่าห่วง NIM หด Credit Cost พุ่ง
ผลประกอบการที่น่าจับตา
SCB แจ้งผลกำไรสุทธิ Q3/25 ที่ 12.1 พันล้านบาท โตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ลดลง 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตัวเลขนี้สูงกว่าที่ FSSIA คาดการณ์ไว้ 9% และสูงกว่า Bloomberg consensus ถึง 11% ปัจจัยหลักมาจาก OPEX ที่ต่ำกว่าคาด (Cost-to-income เพียง 40.2%) Non-NII ที่สูงขึ้น (กำไร Mark-to-market จาก Bond, Equity และ Investment ที่ SCB10X) และรายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง (+10% YoY, +9% QoQ) จากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ ธุรกรรมทางการเงิน และ Private Wealth Management
รายละเอียดผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเชิงบวกถูกชดเชยบางส่วนจาก Loan Growth ที่ต่ำกว่าคาด (-2.2% YoY, -1.7% QoQ และ -2.1% YTD) NIM ที่ลดลงอย่างมากเหลือ 3.57% (-51bp YoY และ -16bp QoQ) เนื่องจากการลดลงของ Loan Yield และ Credit Cost ที่สูงกว่าคาดที่ 182bp ใน Q3/25 (เทียบกับ FSSIA ที่ 168bp และเป้าหมายของบริษัทที่ 150bp ถึง 170bp) ทางธนาคารเปิดเผยว่า Credit Cost ประมาณ 1.4 พันล้านบาทเป็น Management Overlay หากไม่รวมส่วนนี้ Normalized Credit Cost จะอยู่ที่ประมาณ 159bp
ข้อสังเกตสำคัญ
ภาวะ Asset Quality โดยรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ NPL Ratio ใน Q3/25 อยู่ที่ 4.05% (+3bp QoQ) อัตรา NPL Formation ที่คำนวณได้ของ FSSIA ที่ 144bp ใน Q3/25 บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ทรงตัว แต่ค่อนข้างสูงสำหรับ SCB ในช่วงสามปีที่ผ่านมา FSSIA เชื่อว่า Asset Quality ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองสำหรับ SCB
สรุปและคำแนะนำ
FSSIA ยังคงคำแนะนำ "ถือ" (HOLD) สำหรับ SCB โดยมีราคาเป้าหมายที่ 134 บาท ปัจจัยเสี่ยงขาลงที่สำคัญ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับ Asset Quality และแรงกดดันต่อ NIM ที่ลดลงตาม Cycle การลดอัตราดอกเบี้ย
- Loan Growth: ติดลบ -3.3% YoY, -1.7% QoQ และ -2.1% YTD
- NIM: ลดลงเหลือ 3.57% ลดลง 16bp QoQ
- Cost-to-income ratio: ดีกว่าคาดที่ 40.2%
- Gen2 Businesses: AutoX (Auto Title Loans) และ CardX (Credit Card และ Personal Loans) เป็นจุดที่ต้องจับตามอง