บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KTC กำไร Q3/68 โตตามคาด! บัวหลวงแนะ "ขาย" ชี้ ROE ลดต่อเนื่อง
P/E 9.51 YIELD 4.71 ราคา 28.00 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ
KTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 1.95 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 3% QoQ ทำสถิติสูงสุดใหม่ เป็นไปตามที่ บล.บัวหลวง (BLS) และตลาดคาดการณ์ไว้ กำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองอยู่ที่ 4.0 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปีที่ 7.5 พันล้านบาท
ผลประกอบการ
กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เป็นผลมาจากการตั้งสำรองที่ลดลง โดยอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ต่อสินเชื่อของ KTC ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 5.40% ลดลงจาก 6.08% ในไตรมาส 3/2567 และ 5.68% ในไตรมาส 2/2568 ขณะที่อัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 1.83% ทรงตัว QoQ อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สะสมต่อหนี้เสียของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 419.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 มาอยู่ที่ 426.0% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 แสดงให้เห็นถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น QoQ
สินเชื่อ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 1.069 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และทรงตัว QoQ NIM ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 13.74% เพิ่มขึ้น 7 bps YoY และ 33 bps QoQ หนุนจากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ
ข้อสังเกต
บล.บัวหลวงคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/2568 ที่ 1.9 พันล้านบาท ทรงตัว YoY (และทรงตัว QoQ) จากการตั้งสำรองที่ลดลง ซึ่งมีแนวโน้มถูกหักล้างด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น นอกจากนี้ บล.บัวหลวงยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ที่ 7.5 พันล้านบาท ทรงตัว YoY เนื่องจากการตั้งสำรองที่ลดลงมีแนวโน้มจะถูกกลบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น เมื่อมองไปยังปี 2569 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 3% YoY หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ 1% YoY และ NIM ที่เพิ่มขึ้น
คำแนะนำ
บล.บัวหลวงให้คำแนะนำ "ขาย" หุ้น KTC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 29.00 บาท (ราคา ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2568 อยู่ที่ 30.00 บาท) เนื่องจากแนวโน้มกำไรของ KTC จะเติบโตในระดับปานกลางในปี 2568-70 ซึ่งช้ากว่าคาดการณ์การเติบโตของกำไรสุทธิของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ บล.บัวหลวงให้คำแนะนำ นอกจากนี้ ROE ของบริษัทมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2570 ดังนั้นจึงคาดว่ามูลค่าหุ้นน่าจะใกล้เคียงกับกลุ่มธนาคาร ทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวช้ากว่ากลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์