บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KCE กำไร Q3/25 โต YoY และ QoQ! PST อัพเกรดเป็น "ซื้อ" ชี้เป้า 28.50 บาท
P/E 25.41 YIELD 5.63 ราคา 21.30 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ
KCE คาดกำไร Q3/25 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ ที่ 229 ล้านบาท จากผลขาดทุน FX ที่ลดลงและการฟื้นตัวของ GPM โบรกเกอร์ PST อัพเกรดคำแนะนำเป็น "ซื้อ" พร้อมtext-primary ตั้งราคาเป้าหมายใหม่ที่ 28.50 บาท โดยอิงจาก P/E ratio ปี 2569 ที่ 28.2 เท่า
วิเคราะห์ผลประกอบการ
PST คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ KCE ใน Q3/25 จะอยู่ที่ 229 ล้านบาท text-primary เพิ่มขึ้น YoY จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินที่ลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง เมื่อเทียบ QoQ คาดว่ากำไรจะtext-primary เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของ GPM และไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษาที่เกิดขึ้นใน Q2/25
รายได้ใน Q3/25 คาดว่าจะอยู่ที่ 103.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.8% YoY เนื่องจากตลาดยานยนต์ในยุโรปยังคงเผชิญกับอุปทานส่วนเกินเมื่อเทียบกับความต้องการ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์จีน อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้จะtext-primary เพิ่มขึ้น 4.0% QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากการรับรู้รายได้จากการจัดส่งผลิตภัณฑ์ HDI ที่ล่าช้าจากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงการลดลงของการตัดรายการระหว่างบริษัทจากการส่งมอบไปยังบริษัทย่อยในเยอรมนี
ข้อสังเกตและปัจจัยสนับสนุน
แม้ตลาดยานยนต์ในยุโรปจะยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่ KCE อาจได้รับประโยชน์จากศูนย์กระจายสินค้าที่ได้มา เนื่องจากกลยุทธ์สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งอาจปรับปรุงการบริหารจัดการการขายได้ นอกจากนี้ แผนการประหยัดต้นทุนซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เป็นบวกตั้งแต่ Q2/25 เป็นต้นมา คาดว่าจะได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ในปีหน้า
KCE ได้รับtext-primary การประเมิน SET ESG ในระดับ ‘A’ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด บริษัทได้เข้าร่วม UN Global Compact Network Thailand (UNGCNT) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) เพื่อให้มั่นใจถึงความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
สรุป
โบรกเกอร์ PST มองว่า KCE มีศักยภาพในการเติบโต โดยได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" และให้ราคาเป้าหมายที่ 28.50 บาท เนื่องจากคาดการณ์กำไรที่text-primary เพิ่มขึ้นใน Q3/25 และการฟื้นตัวของ GPM จากมาตรการควบคุมต้นทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงความท้าทายในตลาดยานยนต์ยุโรปและการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตจีนด้วย