บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SUTHA โชว์ผลงาน Q2/2568: เหล็กหนุน, เคมีแรง, มองอนาคตเติบโตยั่งยืน!
P/E 26.04 YIELD 3.23 ราคา 2.48 (0.00%)
SUTHA โชว์ผลงาน Q2/2568: เหล็กหนุน, เคมีแรง, มองอนาคตเติบโตยั่งยืน!
สวัสดีครับ/ค่ะ พวกเราบริษัท สุธากัญจํากัด (มหาชน) วันนี้มาพบกับ Opportunity Day ประจําไตรมาสที่ 2 ดิฉัน บุญญาภา ธนสมบูรณ์ค่ะ เป็นผู้จัดการทางการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ค่ะ
สวัสดีครับ ผม สมชาย จตุรานนท์ นะครับ เป็นผู้จัดการฝ่ายขายแล้วก็ดูแลเรื่องของโลจิสติกส์รวมถึงเป็นนักลงทุนสัมพันธ์ด้วยครับ
บริษัท สุธากัญจํากัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มีนักลงทุนใหญ่ 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นบริษัท คามิวส ที่ดําเนินการผลิตและจัดจําหน่ายปูนขาวมายาวนานกว่า 150 ปี โดยที่มาร่วมลงทุนกับกลุ่ม GP กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นกลุ่มลงทุน โดยมีฐานตั้งอยู่ที่ประเทศไทย โดย GP กรุ๊ป นะคะ ก็มีธุรกิจหลากหลาย ทั้งตัว ก่อสร้างเอง อาหารเสริม การเดินเรือ เป็นต้นค่ะ
โดยที่บริษัท สุธากัญ นะคะ หรือว่า Golden lime ก็เป็นผู้ผลิตและจัดจําหน่ายตัวปูนขาวนะคะ อย่างเช่นตัวแคลเซียมออกไซด์ แคลเซียมแมกนีเซียมออกไซด์ แคลเซียมไฮดรอกไซด์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผ่านเตาเผาอย่างเช่นแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หลากหลายอุตสาหกรรมอย่างเช่นอุตสาหกรรมเหล็กเคมีภัณฑ์น้ําตาล หรืออุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยนั่นเองค่ะ
บริษัท สุธากัญเองก็มีบริษัท ย่อยชื่อบริษัทหินอ่อนจํากัด ดําเนินธุรกิจเกี่ยวกับหินอ่อน หินตกแต่งประดับ สามารถใช้ในการตกแต่งทางวัด สถานที่ราชการ หรือว่าโรงแรมคอนโดมิเนียม
ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทก็คือตัวปูนขาวหรือว่าค่าทางเคมีก็คือแคลเซียมออกไซด์ ก็จะมีกระบวนการผลิตคร่าวๆ ก็คือว่าเราจะทําการสํารวจ เหมืองเพื่อหาหินที่มีคุณภาพ หลังจากนั้นถ้าเรามั่นใจแล้วว่าโอเค เหมืองตรงนี้มีหินที่มีคุณภาพเราก็จะทําการ ระเบิดนะคะ เพื่อให้ได้หินออกมาจากเหมืองแล้วก็ทําการขนนะค่ะ ไปโม่นะคะเพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็นําขนาดที่ต้องการเนี่ยไปเข้าเตาเผานะคะที่มีอุณหภูมิประมาณ 900 กว่าองศานะคะเป็นเวลาประมาณหลายชั่วโมงนะคะหลังจากนั้นก็จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นปูน ขาวออกมานะคะโดยที่จะมีหลายไซส์เพื่อให้ตามความต้องการของลูกค้านะคะ ก็อย่างเช่นปูนก้อนนะคะปูนบดหรือว่าปูนที่นําไปผสมกับน้ําที่เรียกว่าไฮเดรตลามนั่นเองค่ะ
ในเรื่องการขนส่งเราก็มีทุกรูปแบบของการขนส่งตามที่ตลาดต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรถกล้วย ซึ่งเราจะขนปูนบดแล้วก็ไฮเดรตลาม ปัจจุบันเองเนี่ยตลาดก็จะย้ายจากปูนก้อนมาเป็นปูนบดมากขึ้น ก็ทําให้ความต้องการในตลาดสําหรับรถที่เป็นไซโลมากขึ้น
เรามีส่งออกเป็นถุงอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ตลาดไต้หวันเองเนี่ย เราใส่ปูนเข้าไปในตู้เลย โดยไม่มีแพ็กเกจจิ้ง เพื่อประหยัดต้นทุน แล้วก็มีเรื่องของการใส่ในเรือเทกอง ก็ยังมีการส่งให้กับลูกค้าครับ
สําหรับ Q2 เองนะฮะ จริงๆ ตัววอลลุ่มของเราเนี่ยแทบจะไม่ต่างกับปีที่แล้วเลย ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ก็มี Segment ที่มีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของเหล็กเนี่ย เราพบว่าวอลลุ่มมากขึ้น ประมาณ 17%
สาเหตุคือก็ที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าเกิดเหตุการณ์ที่มีตึกถล่มทําให้เหล็กที่ออกมาจากเตาที่เรียกว่า Induction furnace เนี่ย หายไปจากตลาด ดังนั้นลูกค้าก็จะหาเหล็กที่เป็นเตา EF มากขึ้น ซึ่งเป็นลูกค้าหลักเรา เราก็จะเห็นว่าในลูกค้ากลุ่มเหล็กเราเนี่ยผลิตมากขึ้น นั่นก็เป็นโอกาสของเรา ขณะเดียวกรรมน้ําตาลเองเนี่ย Q1 ค่อนข้างต่ํา Q2 เริ่มเพิ่มมากขึ้นถึง 19% เพราะลูกค้าเราบางส่วนเนี่ยได้ operate หรือมีการ crushing ก็คือบีบอ้อยเนี่ย ในช่วงหลังจากไตรมาส 1 แล้วก็มีเรื่องของการรีไฟน์เข้ามา ตัวที่มีผลบวกมากๆ เลยก็คืออุตสาหกรรมเคมีนะฮะ เราได้ลูกค้าหลักๆ อยู่รายนึง ซึ่งวอลลุ่มค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันที่เราพบว่าลดลงเนี่ย ก็จะเป็นเรื่องของก่อสร้าง โดยเฉพาะอิฐมวลเบาที่ขายลดลงในตลาด ส่วนอื่นก็ค่อนข้างน้อยนะฮะ เปเปอร์ กับ export ก็ยัง Maintain ประมาณสัก 3-4% ครับ
ถ้าพูดถึงในด้านของการผลิตที่โรงงานของบริษัทเรานะคะ ก็จะมีจุดผลิตอยู่ที่ต่างจังหวัด ในส่วนของลพบุรีและสระบุรีนะคะ ก็คือว่าเราจะมี เตาเผาเนี่ยหลักๆ จะอยู่ในโรงงานช่องสาริกาค่ะมีกําลังการผลิตต่อปีก็ประมาณ 300,000 ตัน แล้วก็ในส่วนการผลิตไฮเดรตก็ 120,000 ตันค่ะ แล้วก็เราก็มีโรงงานที่พระพุทธบาทนะคะซึ่งเดิมเนี่ยเป็นบริษัทสระบุรีปูนขาวเก่าที่เราไปซื้อบริษัทมาตั้งแต่ปี 2561 ค่ะ ในที่นี่นะคะก็มีผลิตภัณฑ์กําลังการผลิตของผลิตภัณฑ์จากเตารวมนะคะทั้งปี 100,000 ตันนะคะโดยก็จะแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปูนขาว 50,000 ตันนะคะ แล้วก็ผลิตภัณฑ์แคลเซียมแมกนีเซียมออกไซด์หรือที่เราเรียกว่าโดลามอีก 50,000 ตันค่ะ แล้วก็จะมีกําลังการผลิตบดนะคะอีก 120,000 ตันค่ะ แล้วก็จะมีอีกที่นึงนะคะที่ห้วยป่าหวายก็ใกล้ๆ กันนะคะจะมีอีก 1 เตา กําลังการผลิต 50,000 ตันค่ะ นอกจากการ กําลังการผลิตของเตานะคะ บริษัทก็มีโซล่าฟาร์มค่ะ 2.5 เมกะวัตต์นะคะทั้งหมดก็กําลังไฟทั้งหมดใช้ในการผลิตหมดเลยค่ะ แล้วก็นอกจากเตาเผานะคะแล้วก็โซล่าฟาร์มเรายังมีประทานบัตรเหมืองของตัวเองนะคะซึ่งประทานบัตรเนี่ยเจ้าของก็คือเป็นบริษัท ย่อยของเราบริษัทหินอ่อนนะคะ แล้วก็จะมีประทานบัตรหลัก 2 ประทานบัตรก็คือเหมืองหินอ่อนค่ะ แล้วก็เหมืองหินปูน ซึ่งเหมืองหินปูนเนี่ยเป็นวัตถุดิบหลักสําคัญในการผลิตปูนขาววัตถุดิบหลักของผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั่นเองค่ะ
ถ้าเป็น Key milestone ของบริษัทนะคะ บริษัทได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2557 ค่ะ แล้วก็มีการสร้างเตาเผาเพิ่มนะคะ 2560 ก็คือเตาเบอร์ 7 ของเรานะคะ ปี 2561 เราทําการซื้อบริษัท สระบุรีปูนขาว แล้วก็ได้มาอีก 2 เตาเผานะคะ แล้วก็ 2563 เราทําการเข้าซื้อกิจการบริษัทหินอ่อนค่ะ ซึ่งก็ได้วัตถุดิบหลักสําคัญนะคะก็คือหินปูนประกอบกับได้ตัวเหมืองหินอ่อนมาด้วยค่ะ แล้วก็ในปี 2565 เราเพิ่มกําลังการผลิตโซล่าฟาร์มนะคะถึงขึ้นไป 2.5 เมกะวัตต์ค่ะ เพื่อใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนะคะ แล้วก็เรามี แนะนําผลิตภัณฑ์ใหม่นะคะ ในช่วงนี้ก็คือ มีตัวแคลเซียมแมกนีเซียมออกไซด์ หรือว่าตัวโดลามเนี่ย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ใน อุตสาหกรรมเหล็กค่ะ แล้วก็ที่เราเรียกกันอีกผลิตภัณฑ์นึงภายในเราเรียกกันว่าคาว่า อันนี้ก็จะใช้สําหรับลูกค้า อุตสาหกรรมอิฐมวลเบาค่ะ แล้วก็ในปี 2566 นะคะ บริษัทมีการเพิ่มทุน ไปนะคะ เพื่อให้มีการจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดนะคะเนื่องจากในช่วงนั้นเนี่ยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสูงมากเราก็เลยขอเพิ่มทุนมาเพื่อชําระหนี้ค่ะ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินนั่นเองค่ะ ในส่วนอนาคตเราก็หวังว่าจะเป็นผู้นําในการผลิตและจัดจําหน่ายปูนขาวที่ชั้นนําในประเทศไทยต่อไปค่ะ
สําหรับ Q2 ปีนี้นะครับ ก็ GDP ที่ประกาศมาก็คือ 2.8 นะครับ ก็ถือว่าโตได้ค่อนข้างดีนะฮะ ประมาณใกล้เคียง 3 นะครับ ในเรื่องของ Energy Cost เองเนี่ยก็อยู่ประมาณสัก 40-50% นะครับ ของต้นทุนเรา ในขณะเดียวกันค่าขนส่งก็ประมาณนี้เช่นกัน มาดูในตลาดที่เมื่อกี้พูดไปแล้ว ตลาดเหล็กเนี่ย โตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 14% ตัน ได้พูดไปแล้วนะครับ ก็คือว่าลูกค้าเนี่ยหาเหล็กที่มาจากเตา EF นะครับ ก็หวังว่าเทรนด์เนี้ยคงจะต่อเนื่องนะครับ ก็เป็นโอกาสที่ตลาดเหล็กจะเจริญเติบโตขึ้น ตลาดที่โตมากๆ เลยก็จะเป็นตลาดเรื่องของเคมีนะครับ ที่ผมพูดไปแล้วว่าเราสามารถได้วอลลุ่มจากลูกค้ารายใหญ่นะครับมา รายนึง ซึ่งซึ่งได้วอลลุ่มค่อนข้างเยอะนะครับ ตัวที่ดาวน์ชัดเจนเลยก็จะเป็นเรื่องของการก่อสร้าง โดยเฉพาะอิฐมวลเบา นะครับ คุยกับลูกค้าในตลาดเองเนี่ย ปรากฏว่าตลาดของอิฐมวลเบาเนี่ยดรอปไปประมาณสัก 30% นะครับ แต่เราก็ทําได้ดีกว่าก็คือว่าเราดรอปแค่ 12% เท่านั้นเองนะครับ น้ําน้ําตาลเนี่ยเติบโตขึ้นนะฮะ ในขณะเดียวกันตัว export ลดลง เพราะว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเนี่ย เราได้ออเดอร์อยู่รายนึงนะครับ ซึ่งเป็นออเดอร์จากประเทศอินโดนีเซีย ที่อินโดนีเซียมันมีโรงงานเกิดแผ่นดินไหว นะครับ เขาก็ให้ออเดอร์เรามาซึ่งเป็นออเดอร์ใหญ่ และปีนี้มันไม่มีนะฮะ ก็เลยทําให้ตัว export มันลดลงครับ
มาดูผลการดําเนินงานประจําไตรมาสที่ 2 นะคะ รายได้รวมนะคะ ในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 307 ล้านบาทนะคะ โดยที่ลดลงเล็กน้อยนะคะ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี ก่อน ถ้ามาดูสาเหตุนะคะ ก็หลักๆ ส่วนหนึ่งเนี่ยมาจากปริมาณขายที่ลดลงเพียงเล็กน้อยนะคะ แต่ถ้าหากวิเคราะห์ตามราย ผลิตภัณฑ์เนี่ย ก็จะเห็นว่าส่วนที่ลดลงส่วนใหญ่จะเป็นตัวที่ปูนขาว แคลเซียมออกไซด์ปกติค่ะ ในขณะที่ตัวโดลามหรือว่าแคลเซียมแมกนีเซียมออกไซด์นะคะ ที่ส่วนใหญ่ขายให้อุตสาหกรรมเหล็กเนี่ย มีการเติบโตขึ้นนะคะ ก็อย่างที่คุยสมแชรบอกก็คือเป็นผลกระทบจากเรื่องเหล็กในประเทศไทยนะคะที่มีแนวโน้มใช้ เหล็กประเภท EF สูงขึ้นค่ะ ในด้านของราคานะคะ ราคาเฉลี่ยเนี่ยมีราคาที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี ก่อนนะคะ แต่สาเหตุก็คือว่าส่วนใหญ่เนี่ยเป็นการสะท้อนมาจากราคาเชื้อเพลิงนะคะซึ่งเป็นต้นทุนหลักของปูนขาวที่ลดลงซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ว่าราคาส่วนใหญ่ก็จะวิ่งตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะในบริษัท ย่อยเรามีผลิตภัณฑ์แคลเซียม คาร์บอเนต ผงอยู่นะคะ ซึ่งตัวเนี้ยมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปี ก่อนนะคะ สาเหตุหลักก็คือมีดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ
ในส่วนของ Ebitda นะคะ ที่ หักค่าใช้จ่ายพิเศษออกไปแล้วนะคะ ในไตรมาสที่ 2 ก็ทําได้ที่ 54 ล้านบาทนะคะ โดยที่ลดลงจากปี ก่อนเนี่ย 13% ส่วนใหญ่ก็มาจากตัวรายได้ที่ลดลงนะคะ แต่รายได้ที่ลดลงก็สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลงนะคะในสัดส่วนที่เท่าๆ กันจึงทําให้บริษัทเนี่ยสามารถคงตัวกําไรขั้นต้นได้อยู่ที่ประมาณ 29% ค่ะ และในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเนี่ย ปีนี้เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนนะคะ สาเหตุหลักมาจากการตั้ง ค่าหนี้สงสัยจะศูนย์นะคะ เพื่อให้งบฐานะทางการเงินของเราเนี่ยสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุดค่ะ แล้วก็ในส่วนของบอทไลน์ต่อกําไรสุทธิ ไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 8 ล้านบาทค่ะ ก็ลดลงจากปีที่แล้วอย่างมีนัยยะสําคัญที่-48% นะคะ อย่างไรก็ตามตัวต้นทุนทางการเงินของเรานะคะก็ลดลงนะคะตามแนวโน้มตัวอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงประกอบกับบริษัทก็มีการชําระหนี้ ระยะยาวอย่างต่อเนื่องค่ะ ในส่วนของภาพสะสมค่ะ ครึ่งปีแรก รายได้ก็ทําได้ที่ 681 ล้านบาทนะคะ ลดลงจากปีที่แล้ว 8% นะคะ ก็สาเหตุหลักก็มาจากตัวราคาขายที่ลดลงนะคะตามแนวโน้มตัวราคาเชื้อเพลิงที่ลดลงค่ะ แล้วก็ตัววอลุ่มก็ลดลงนะคะตามสภาพเศรษฐกิจที่ลดลงเช่นเดียวกันค่ะ อย่างไรก็ตามตัวแคลเซียมคาร์บอเนตผงนะคะ ที่อยู่ที่บริษัท ย่อยก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี ก่อนค่ะ ในส่วนของ Ebitda นะคะ ครึ่งปีแรกก็ทําได้ที่ 132 ล้านบาทลดลงไป 14% เมื่อเทียบกับปี ก่อนนะคะ แต่ อย่างไรก็ตามตัวเปอร์เซ็นต์กําไรขั้นต้นเนี่ยเพิ่มสูงขึ้นนะคะ จากปีที่แล้วที่ 30% ก็ขึ้นมาที่ 31% นะคะ เพราะจากการที่เรามีต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงนั่นเองค่ะ
แล้วก็ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็เพิ่มขึ้นนะคะ สาเหตุเดียวกันคือจากการตั้งหนี้สงสัยจะสูญค่ะ แล้วก็ในส่วนของกําไรสุทธิครึ่งปีแรกนะคะทําได้ที่ 39 ล้านบาทลดจากปีที่แล้ว 33% ค่ะ แล้วก็ในส่วนของงบฐานะทางการเงินนะคะ ภาพรวมเนี่ยสินทรัพย์ของเราเพิ่มขึ้นนะคะทั้งในส่วนของสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน สินทรัพย์หมุนเวียนส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นก็คือมาจากการที่เราซื้อนําเข้าเพชรโค้กนะคะ ล็อตใหญ่มาจากต่างประเทศนะคะ เพื่อใช้ในการผลิตได้ประมาณ 1 ปีนะคะ ก็เลยจะทําให้สต็อก inventory เราเพิ่มขึ้น ในส่วนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนก็เพิ่มขึ้นนะคะจากการที่เรามีการลงทุนในการขยาย capacity ของตัวแคลเซียมคาร์บอเนตค่ะ แล้วก็ในส่วนของหนี้สินนะคะ ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันนะคะในส่วนของทั้งหนี้สินหมุนเวียนและหนี้สินไม่หมุนเวียนค่ะก็ตามการที่เราใช้วงเงินในการซื้อนําเข้าเพชรโค้กนะคะประกอบกับมีวงเงินเทอมโลนเนี่ยใช้ในการลงทุนตัวแคลเซียมคาร์บอเนตนั่นเองค่ะ
แล้วก็ในส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นนะคะก็เพิ่มขึ้นตามกําไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นค่ะ แล้วก็ถัดมานะคะ Key financial ratio ของเราก็คือตอนนี้หยิบมา 2 ratio นะคะก็คือ Net debt to ebitda กับ Net debt to equity ก็จะเห็นการพัฒนาการนะคะย้อนหลัง 4-5 ปีนี้นะคะ ก็จะเห็นว่าตัวทั้ง 2 ratio เนี่ยมีการลดลงซึ่งแสดงถึงการที่เรามีหนี้ที่ลดลงนะคะ ในส่วนของ Net debt เนี่ยถ้าเทียบกับปี ก่อนนะคะที่อยู่ที่ 800 ล้านบาทตอนนี้ก็ลดลงมาประมาณ 10 ล้านบาทนะคะ แล้วก็ในส่วนของ Ebitda เองเนี่ยถึงแม้จะลดลงนะคะ ก็เลยทําให้ตัว ratio Net debt to Ebitda เนี่ยขยับขึ้นมาเล็กน้อยจากปีที่แล้ว สิ้นปีที่แล้ว 3.3% ขึ้นมา 3.4 3.4 เท่าค่ะ ในส่วนของ Net debt to equity เองก็ยังคงคงอยู่ที่เดิมนะคะอยู่ที่ประมาณ 0.8 ค่ะ ในส่วนของcash flow นะคะ กระแสเงินสด ถ้าดู กราฟขวา มือนะคะก็แท่งขวา มือสุดก็จะเห็นว่าตัวเงินสดคงเหลือในบริษัทนะคะ ย้อนหลัง 3 ปีก็จะเห็นแนวโน้มที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นนะคะ หลักๆ ก็คือมาจากตัว CFO นะคะ Net cash from operating เนี่ยก็จะเห็นว่าเราสามารถทําได้มากขึ้นนะคะในปีที่แล้วเทียบกับปี ก่อนในช่วงเดียวกันซึ่งก็คือครึ่งปีแรกของปีค่ะ ในส่วนของการใช้เงินลงทุนนะคะ ปีนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเทียบกับปีที่แล้วนะคะก็สาเหตุหลักจากที่บริษัท ย่อยเรามีการลงทุนในตัวเครื่องบดแคลเซียมคาร์บอเนตค่ะ แล้วก็ในส่วนของเงินใช้ไปในการจัดหาเงินนะคะปีที่แล้วมีการจ่ายหนี้มากกว่าปีนี้ค่ะ แล้วก็ในส่วนของแท่งที่เป็นบวกนะคะในปี 2566 เป็นบวกสาเหตุก็คือมาจากการที่เรามีการเพิ่มทุนในปี 2566 นั่นเองค่ะ
ในส่วนของการจ่ายเงินปันผลนะคะบริษัท ในอดีตมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องนะคะ แล้วก็ล่าสุดมีการจ่ายไปจากผลการดําเนินงานไตรมาสที่ 1 ค่ะ 7 สตางค์ แล้วก็บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลเนี่ยอย่างน้อย 40% ของกําไรสุทธิค่ะ หากบริษัทมีกระแสเงินสดที่เพียงพอค่ะ
ในเรื่องการเจริญเติบโตของทางบริษัทนะครับ เราก็ โฟกัสในสิ่งที่เราแข็งแรงอยู่แล้วนะฮะ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเหล็กนะครับ ลูกค้าโรงงานน้ําตาล ซึ่งเรามี market share ที่ค่อนข้างเยอะ แล้วก็อีกตัวนึงจะเป็นเรื่องของตลาดก่อสร้างนะครับ ตัวที่เราต้องการพัฒนาเองเนี่ยนะฮะ ก็จะเป็นเรื่องของเหมืองแร่ Chemical แล้วก็การประปา น้ํา นะครับ อันนึงที่เราต้องการจะนํามาเลยนะฮะ ตอนนี้เนี่ยเป็นเรื่องของ Civil engineer หรือวิศวกรโยธา นะครับ ตัวนี้เนี่ยถ้าสําเร็จก็จะเป็นวอลลุ่มที่ค่อนข้างเยอะนะครับ เราได้มีการโฟกัสเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ปัจจุบันก็ได้รับการซัพพอร์ตจากทางยุโรปนะครับ ในเรื่องเทคโนโลยีด้านนี้นะฮะ เราได้มีการตั้งแผนกตรงนี้โดยเฉพาะนะครับ เพื่อที่จะลุยตลาดทางด้านวิศวกรรมโยธาโดยเฉพาะเลยครับ
สําหรับมุมมองของปีนี้นะฮะ ก็เหลือประมาณสัก 4 เดือนเนี่ย จะเป็นยังไงนะครับ ก็ GDP เองก็คาดว่าที่ทุกคนทราบอยู่แล้วก็จะเติบโตน้อยกว่า 2% เราเห็น 3% เนี่ยในช่วงของครึ่งปีแรกนะครับ เท่าที่ดูหลายๆ สํานักเนี่ย ทํานายออกมาว่า ไตรมาส 3 กับ 4 เราจะเห็นว่า GDP เติบโตที่ลดลงนะครับ แน่นอนฮะ ทุกคนคงเห็นแล้วว่าราคาน้ํามันดิบเนี่ย ลดลงนะครับ ก็จะทําให้ในเรื่องของEnergy Cost เนี่ยมีการลดลง ในขณะเดียวกันเฟรดก็ยัง Maintain เหมือนเดิมนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเฟรดค่าขนส่งในประเทศแล้วก็ส่งต่างประเทศ ในแง่ของการเจริญเติบโต overall นะฮะ เราเห็นไตรมาส 2 เหล็กโตดีนะครับ แต่โอว่าทั้งปีเนี่ยก็น่าจะโตสัก 2% เพราะว่าปริมาณการใช้ของเหล็กในประเทศก็ยังไม่ได้เพิ่มมากขึ้น มีแต่การชิปจากทาง เหล็กIF มาเป็นEF นะครับ Chemical โตค่อนข้างเยอะจากที่ผมอธิบายไปแล้วนะครับ Construction ชัดเจนลดลงมากพอสมควรนะครับ น้ําตาลโดยรวมเนี่ยก็ก็เพิ่ม เพิ่มจากปริมาณอ้อยที่ เก็บเกี่ยวได้มากขึ้น ตลาดที่ลงค่อนข้างเยอะก็จะเป็นเรื่องของตลาดส่งออกครับ ที่ได้อธิบายไปแล้วนะฮะ เปรียบเทียบกับปีที่แล้วครับ
ในเรื่องของ sustainability นะฮะ ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่มีความสําคัญมากนะครับ ลูกค้าเราหลายคนเนี่ยได้ ได้มาคุยกับเราในเรื่องนี้ ซึ่งเรามีโปรเจคมากมายนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Biomas ที่จะมาเป็นเชื้อเพลิงในการเผานะครับ การผลิตไฟจาก Solar Panel นะฮะ แล้วตอนนี้เนี่ยเรามีการใช้ รถ EV นะครับ ในการขนหินระหว่าง ระหว่างโรงงานกับเหมืองนะครับ ซึ่งด้วย ด้วยเรื่องพวกนี้เองเนี่ยทําให้เราได้รับรางวัล 2-3 รางวัล จากการที่เราสนับสนุนเรื่องของ ESG ซึ่งอันนี้ก็จะส่งผลกับยอดขายของเราด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของลูกค้าเราที่เน้นเรื่องนี้เนี่ยได้ ได้ให้รางวัลกับเราในเรื่องนี้นะครับ ก็นํามาสู่การทํา contact ระยะยาว กับลูกค้าที่ ให้ความสําคัญเรื่องของ ESG ครับ
พูดถึงเรื่อง ESG นะคะ บริษัทก็ให้ความสําคัญกับเรื่องนี้นะคะเฉกเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์นะคะก็ ถ้ามีใครมีความสนใจนะคะว่าบริษัทเรามีแนวทางดําเนินการยังไงเกี่ยวกับ ESG ก็สามารถเข้าไปแวะเยี่ยมชมในเว็บไซต์เราได้นะคะ แล้วก็อันนี้ก็จะเป็นการแสดงที่คุณ สมชายได้พูดไปว่าบริษัทเราเนี่ยมีการใช้ EV Truck นะคะ ในที่โรงงานนะคะ ไว้ ตักขนหินนะคะ ประกอบกับมีการติดตั้งแท่นชาร์จนะคะ กําลังสูง ไว้ชาร์จเองด้วยค่ะ ก็มีภาพประมวลกิจกรรมนะคะที่พนักงานของเราไปเข้าร่วมนะคะกิจกรรมทําความสะอาดปลูกป่ารักโลกลดมลพิษนะคะ ก็มีปริมาณขยะนะคะที่เก็บได้นะคะ แล้วก็มีการไปร่วมกับชุมชนนะคะอนุรักษ์ระบบนิเวศเชิงบวกนะคะ แล้วก็นอกจากนี้ก็มีการจัดอบรมให้พนักงานนะคะ เพื่อให้มีแนวทางในการจัดการ supply chain อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ เพื่อให้พนักงานเนี่ยสามารถนํากลับมาพัฒนา งานในองค์กรเราได้ค่ะ ก็มีโครงการแยกขยะ ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกนะคะ ก็ได้เข้าร่วมเป็นปีที่ 3 แล้วค่ะ นอก จากนี้ก็ได้รับ Certificate นะคะต่างๆ อย่างเช่นตัว Green Industry นะคะ level 3 จากกระทรวงอุตสาหกรรมนะคะ แล้วก็อันนี้ก็ได้รับรองว่าบริษัท สุธากัญ เนี่ยมีโซล่าฟาร์มเป็นของตัวเองค่ะ นอก จากนี้นะคะในด้านของ Governance นะคะบริษัทก็ ได้รับ รางวัลนะคะ CG Score กับ ทางเซตเนาะ ก็ระดับดีเลิศ 5 ดาวนะคะ เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้วค่ะ แล้วก็มีตัว ESG Rating นะคะที่ได้รับจากทางเซตนะคะ ก็ปีล่าสุดเนี่ยได้รับมาเป็น Double A นะคะก็เพิ่มขึ้นมาทีละสเต็ปจากในอดีตค่ะ นอก จากนี้นะคะก็มีตัว Equal นะคะ ที่เป็นผู้ให้เรติ้งระดับ Global นะคะโดยที่ บริษัทแม่ของเราเนี่ย เป็น ผู้ชักจูงให้พวกเราเข้าโครงการนี้นะคะ แล้วก็บริษัท สุธากัญ ก็ทําได้ดีนะคะ ขยับขึ้นมาเป็นระดับ Silver นะคะ ที่เป็น ททลิสจีน นะคะ ล่าสุดปีที่แล้วนั่นเองค่ะ
ก็มาในช่วงคําถามนะคะซึ่งตอนนี้ น่าจะติดฝน ฝนตกวันศุกร์ตอนเย็นนะคะ ตอนนี้เราไม่มีคําถามนะคะ ก็วันนี้อาจจะขอจบเร็วนิดนึง สวัดดีด้วยยังไม่มีคําถามเข้ามานะค่ะ แต่ถ้าหากนักลงทุนนะคะได้ดูย้อนหลังแล้วก็มีคําถามนะคะก็สามารถเข้ามาในที่เว็บไซต์ของบริษัทได้นะคะ แล้วก็ติดต่อพวกเราสองคนตามเบอร์ที่แจ้งไว้ในเว็บไซต์ได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านครับ ครับ สวัสดีครับ สวัสดีครับ
[01:01:23] Q&A Session (ไม่มี)
สรุป: SUTHA เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีรายได้รวมลดลงเล็กน้อย 5% แต่ยังคงความสามารถในการทํากําไรขั้นต้นได้ดี ปัจจัยหนุนหลักมาจากความต้องการปูนขาวในอุตสาหกรรมเหล็กที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตของตลาดเคมีภัณฑ์ ในขณะที่ตลาดก่อสร้างชะลอตัวลง บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยให้ความสําคัญกับ ESG และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด