สรุป Oppday WORK: มองหาโอกาสใหม่ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2568

P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 3.78 (0.00%)

สรุป Oppday WORK: มองหาโอกาสใหม่ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2568

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 บริษัท Workpoint Entertainment มีรายได้รวม 526 ล้านบาท และมีผลกำไร 20 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีเดียวกัน รายได้เพิ่มขึ้น 3% เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโทรทัศน์ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว รายได้ลดลง 3% ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

สำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมาของปี 2568 บริษัทมีรายได้ 1,036 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากครึ่งปีที่แล้ว โดยมีผลขาดทุน 3.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีที่แล้วที่มีกำไร 58 ล้านบาท

มีรายการพิเศษและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวที่ถูกบันทึกในครึ่งปีที่แล้วและครึ่งปีนี้ โดยในครึ่งปีที่แล้วมีกำไรขาดทุนพิเศษทางบัญชี 26.6 ล้านบาทจากการได้อำนาจควบคุมบริษัท T-Pop ส่วนครึ่งปีนี้มีค่าใช้จ่าย One-Time Expense จากการปรับลดขนาดองค์กร 26 ล้านบาท

หากนำกำไรพิเศษทางบัญชีในปีที่แล้วและค่าใช้จ่าย One-Time ในปีนี้ออก จะเห็นว่าในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 มีกำไร 20.9 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีกำไร 46.8 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกมีกำไร 31.9 ล้านบาทในครึ่งปีที่แล้ว และ 22.7 ล้านบาทในครึ่งปีนี้

รายได้จากธุรกิจต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจรายการโทรทัศน์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะต่างๆ ทั้งภายในและนอกประเทศ เช่น สงครามในต่างประเทศ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองในไทย ซึ่งไม่เอื้อต่อการใช้เงินโฆษณา ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์ในครึ่งปีแรกลดลง 9% และในไตรมาสที่ 2 ลดลง 6% แต่กำไรยังใกล้เคียงเดิม

ธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวทีโดยรวมลดลง 8% ในครึ่งปีแรก โดยรายได้จากการนำเข้าคอนเสิร์ตจากต่างประเทศลดลง แต่รายได้จากศิลปินในประเทศเติบโตมากขึ้น ธุรกิจรับจ้างจัดงาน Event ก็มีรายได้ลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ลูกค้าหลายรายชะลอการจัดงาน Event แต่ส่วนที่จัดเองยังพอเป็นไปได้

ธุรกิจขายสินค้าและบริการยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกที่รายได้เติบโตจาก 34 ล้านบาทเป็น 72 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการพื้นที่ของโรงละครสยามพิฆเนศและการขายสินค้าและบริการศิลปินในสังกัด

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทพยายามปรับกลยุทธ์เพื่อรักษารายได้และให้บริการที่ตรงต่อกลุ่มลูกค้าในการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ โดยนำเสนอรูปแบบรายการใหม่ๆ ที่ตรงต่อใจและวัตถุประสงค์ของลูกค้า เช่น รายการ 3FiveT Basketball ที่ผสมผสานกีฬากับ Entertainment ซึ่งตอบโจทย์ผู้สนับสนุนที่ต้องการโปรโมทกิจกรรมด้านกีฬาให้แก่กลุ่มลูกค้าและเยาวชนต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีการ Tailor-Made รายการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น ลูกค้ากลุ่มบางจากที่ต้องการสนับสนุนเยาวชนในการให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ โดยนำเสนอรายการ Gen-wit ซึ่งขณะนี้มาถึง Season ที่ 2 แล้ว หรือลูกค้า Sting ที่เป็นเครื่องดื่ม Energy Drink โดยนำเสนอรูปแบบรายการที่ตรงต่อกลุ่ม Target ในการนำเสนอไป และรายการ Thailand Band War ที่ต้องการสร้างศิลปินที่มีลักษณะเป็น Entertainment มีความเป็นวงรถแห่

บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในส่วนของธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวที โดยลดการนำเข้าศิลปินเกาหลีเนื่องจากการแข่งขันสูง และหันมาจัดกิจกรรมสำหรับกลุ่มแฟนคลับในประเทศแทน โดยเน้นไปที่กลุ่มงานหรือคอนเสิร์ตที่มั่นใจได้ว่าจะมีกลุ่มแฟนคลับที่เฉพาะกลุ่มจริงๆ ที่จะติดตามดูอย่างชัดเจน เช่น การนำละครเวทีหงส์เหินมาจัดแสดง ซึ่งมีกลุ่มผู้ชมที่ยังเหนียวแน่น และมีการจัดคอนเสิร์ต Wednesday Song ที่มีศิลปินที่มีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นเป็นประจำอยู่แล้ว

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

ธุรกิจรายการโทรทัศน์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะต่างๆ ทั้งภายในและนอกประเทศ เช่น สงครามในต่างประเทศ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองในไทย ซึ่งอาจจะไม่เอื้อต่อการใช้เงินในการโฆษณา

ธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวทีมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในการนำเข้าศิลปินต่างประเทศ โดยเฉพาะศิลปินจากทั้งเกาหลีและในประเทศต่างๆ รอบๆ ซึ่งทำให้การนำเข้าศิลปินเพื่อมาจัดคอนเสิร์ตเกิดการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น

ธุรกิจการจัดงาน Event ก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มันเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ลูกค้าหลายรายหรือแม้สภาพต่างๆ ที่ไม่ อาจจะยังไม่เอื้อมากนักสำหรับการจัด Event ใน สำหรับลูกค้าบางรายที่เป็นลูกค้าต่อเนื่องจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทพยายามปรับกลยุทธ์เพื่อให้ยังสามารถมีรายได้และบริการที่ตรงต่อกลุ่มลูกค้าในการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ โดยนำเสนอรูปแบบรายการใหม่ๆ ที่ตรงต่อใจของลูกค้า

ในส่วนของธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวที บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยลดการนำเข้าศิลปินเกาหลี และหันมาจัดกิจกรรมสำหรับกลุ่มแฟนคลับในประเทศแทน

ในส่วนของธุรกิจการจัดงาน Event บริษัทได้นำธุรกิจ Event ไปเป็น Benefit เพิ่มเติมให้กับลูกค้าในส่วนของ ที่ซื้อรายการโทรทัศน์เข้ามา

บริษัทมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ การบริหารลิขสิทธิ์ต่างๆ การประหยัดค่าใช้จ่ายสำนักงานและสาธารณูปโภค และการปรับโครงสร้างองค์กรโดยการปรับลดขนาดองค์กรในบางส่วน

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทมุ่งไปในเรื่องของการพัฒนา กลุ่มศิลปินเป็นหลัก โดยในครึ่งปีหลังจะเห็นว่าบริษัทเริ่มได้มีการให้ข่าวเสนอ นำเสนอข้อมูล รวมถึงมีการเปิดตัวศิลปินรุ่นใหม่ๆ จาก 3 ค่ายเป็นหลัก คือ ค่าย XOXO ของบริษัท T-Pop ค่าย Studio และค่าย See Bees

บริษัทจะเน้นไปที่การพัฒนาศิลปินให้มีความหลากหลาย บางคนก็อาจจะกลายเป็น Influencer บางคนก็อาจจะเป็น Boy Band Girl Group หรือแม้กระทั่งศิลปินเดี่ยว

บริษัทได้มีการลงทุนร่วมกันของบริษัทกับพันธมิตรต่างๆ ที่เติบโตได้ดี โดยในครึ่งปีแรกมีส่วนกำไรประมาณ 17 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการส่วนแบ่งตามสัดส่วนจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และภาพยนตร์ The Stone ภาคแท้คนเก๊

นอกจากนี้ บริษัทยังคงยึดมั่นในเรื่องของความยั่งยืน โดยตอนนีก็อินเทรนในเรื่องของการใช้ AI ในการใช้ พัฒนาศักยภาพของบุคลากร

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:05:20]**
  1. **งบลงทุนปี 2568 และทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4:**
    • **คำถาม:** งบลงทุนในปี 2568 เป็นอย่างไร และทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 มีโอกาสดีกว่าไตรมาสที่ 3 หรือไม่
    • **คำตอบ:** งบลงทุนในภาพรวมยังไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก เนื่องจากงบลงทุนในการทำละครได้ถูกตัดออกไปแล้ว หลักๆ จะเหลืองบเฉพาะการทำผลิตรายการ Content โดยทั่วไป โดยปีนึงจะอยู่ที่ประมาณ 3-400 ล้านบาท ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 โดยปกติแล้วจะเป็น Low Season ของธุรกิจรายการโทรทัศน์ ไตรมาสที่ 1, 2 และ 3 มักจะดีกว่าไตรมาสที่ 4 เป็นประจำ
  2. **การปรับลดองค์กรและการลดค่าใช้จ่าย:**
    • **คำถาม:** การปรับลดองค์กรในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 จะทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงปีละเท่าไหร่
    • **คำตอบ:** ค่าใช้จ่ายจะลดลงไป ถ้าเป็นเฉพาะในส่วนของบุคลากรจะลดลงประมาณ 10% นอกจากการปรับลดขนาดองค์กรแล้ว ยังมีแผนเพิ่มเติมในการลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ด้วย รวมการปรับลดขนาดองค์กรและแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว คาดว่าค่าใช้จ่ายจะลดลง ถ้าคิดเป็นเต็มปี 12 เดือน คิดว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมน่าจะลดลงประมาณ 50-60 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย
  3. **ค่าใช้จ่าย One-Time ชดเชยพนักงาน:**
    • **คำถาม:** บริษัทจะยังมีค่าใช้จ่าย One-Time ชดเชยพนักงานอีกหรือไม่
    • **คำตอบ:** ตามนโยบายปัจจุบันยังไม่ได้มีแผนที่จะมีการปรับลดองค์กรเพิ่มเติม คิดว่าที่ทำแผนไปก่อนหน้านี้แล้วน่าจะเหมาะสม เพราะคัดเลือกเฉพาะส่วนงานที่มีความซ้ำซ้อน คิดว่าไม่อยาก Operate ต่อแล้ว เช่น แผนกละครที่ได้ยุติไป ดังนั้นโดยภาพรวมค่าใช้จ่ายที่ลดลงไปแล้วก็น่าจะเพียงพอตํามนโยบายณปัจจุบัน
  4. **แนวโน้มการขายลิขสิทธิ์รายการไปยังต่างประเทศ:**
    • **คำถาม:** ผู้บริหารมีมุมมองต่อแนวโน้มเพิ่มลดทรงตัวของการขายลิขสิทธิ์รายการไปยังประเทศอย่างไร
    • **คำตอบ:** ถ้าเป็นในส่วนของการขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ ตามข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน คาดว่าน่าจะทรงตัว เพราะต้องมองดูในภาพรวมของอุตสาหกรรม Entertainment ในทุกๆ ประเทศเลย คือได้รับผลกระทบเดียวกันหมด เนื่องด้วยเศรษฐกิจโดยภาพรวมของทั้งโลกค่อนข้างชะลอตัว โดยกลยุทธ์ที่เห็นส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะ เป็นที่อเมริกาหรือที่อะไรก็ตาม ยังคงใช้ Content ประเภทเดิม หรือ Content เดิมที่เคยใช้เมื่อก่อนหน้านี้อยู่ โอกาสในการขายเพิ่มอาจจะต้องรอไว้ก่อน แต่ว่าทางบริษัท ยังได้มีการติดต่อหรือว่ามีการไปออกงานที่ต่างๆ อยู่ไหม ก็คือมี แต่ว่ารูปแบบการขายยังไม่ใช่ลักษณะของการขายแบบ ลิขสิทธิ์แบบ 100% จะเป็นการซื้อขายแบบ เป็นแบบ Option ซึ่งในส่วนของการ มีนัยยะสําคัญทางตัว รายได้เนี่ยก็อาจจะยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้เขา exercise option นี้ไปก่อน เหมือนคล้ายๆ เหมือนเขาจองไว้ ก็ต้องรอให้เศรษฐกิจมันฟื้นตัวก่อนมันถึงจะเริ่มเห็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
  5. **ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาและการรับมือ:**
    • **คำถาม:** มองอุตสาหกรรมโฆษณาเป็นอย่างไรบ้างในปีนี้ รับมืออย่างไรเพื่อให้งบโฆษนายังอยู่ที่บริษัท
    • **คำตอบ:** อุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ค่อนข้างที่จะท้าทาย เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้หลายแบรนด์ระมัดระวังการใช้จ่าย งบโฆษณาลดลง หรือมีการย้ายงบไปช่องทางอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อดิจิทัล ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและวัดผลได้แม่นยำกว่า ทาง Workpoint ปรับตัวโดยการนำเสนอ Content ที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทั้งในแง่ของรายการโทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์ รวมถึงการสร้าง Influencer ในสังกัด เพื่อช่วยโปรโมทสินค้าและบริการของลูกค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงมากขึ้น

โดยสรุปแล้ว Workpoint ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา Content ที่หลากหลายและตรงใจผู้ชม ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และขยายฐานธุรกิจไปยังกลุ่ม Idol Entertainment เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

โพสต์ล่าสุด