TRU ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัว มุ่งเน้น High Value Added Products และรุกตลาด EV Components ปี 2568

P/E 6.23 YIELD 8.11 ราคา 3.76 (0.00%)

TRU ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัว มุ่งเน้น High Value Added Products และรุกตลาด EV Components ปี 2568

สรุปผลการประชุม Oppday ของบริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด (มหาชน) (TRU) ประจำปี 2568 ครึ่งปีแรก โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

    • รายได้รวม 944 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัว โดยเฉพาะรถปิกอัพที่มียอดขายลดลง 20%
    • กำไรสุทธิ 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16% ของรายได้ เนื่องจากความสามารถในการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น รวมถึงรายได้อื่น ๆ ที่แข็งแกร่ง เช่น ค่าเช่าโรงงาน
    • รายได้จาก Part และ Tooling ลดลง 5% และรายได้จาก Contract Assembly ลดลง 18% จากผลกระทบของกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา
    • รายได้จากการขายรถยนต์ของบริษัทลดลง 15% เนื่องจากการส่งออกรถโครงการพิเศษไปต่างประเทศในปี 2567 มีจำนวนมากเป็นพิเศษ
  2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

    • มุ่งเน้น High Value Added Products เช่น Contract Assembly และ Special Purpose Vehicle ที่มีมาร์จินดีกว่าชิ้นส่วนรถยนต์ทั่วไป
    • ขยายตลาดไปสู่กลุ่มเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม (Industrial Machinery) เช่น Cabin รถขุดตัก และรถเฉพาะทาง
    • เตรียมเปิดดำเนินการ Free Zone ใน Q4 ปี 2568 เพื่อรองรับงานประกอบเพื่อส่งออกและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
    • สนใจลงทุนในตลาด EV Components แต่ยังคงระมัดระวังในการทำ Deal กับบริษัทต่าง ๆ เนื่องจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีความผันผวนและการแข่งขันสูง
    • มองหาโอกาสร่วมมือกับบริษัทชิ้นส่วนจีนที่ต้องการlocalize ในไทยเพื่อตอบสนองกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
  3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

    • ความไม่แน่นอนของนโยบาย US Tariff ส่งผลกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์และชะลอการตัดสินใจของลูกค้า
    • เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและกำลังซื้อที่เปราะบางส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์
    • การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
    • ความผันผวนของตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
  4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

    • บริหารความเสี่ยงโดยการกระจายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Industrial Machinery และรถจักรยานยนต์
    • ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ
    • สร้างรายได้จากค่าเช่าโรงงานเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน
    • ลงทุนในทรัพย์สินทางการเงินเพื่อเพิ่มรายได้
    • เน้นการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและมีมาร์จินดี
  5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

    • คาดการณ์รายได้รวมปี 2568 ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังคงชะลอตัว
    • มองว่าตลาด Industrial Machinery จะเติบโตได้ดีในอนาคต หากสถานการณ์สงครามในยูเครนคลี่คลาย
    • เชื่อว่ารถยนต์ Hybrid จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคต
    • คาดหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาจะมีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจาก US Tariff
  6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:40:52]

    • **ทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง:**
      • คล้ายกับสิ่งที่ได้ชี้แจงไปในเรื่องของ Outlook โดยรวมยังไม่ดีนักเนื่องจากความไม่ชัดเจนของภาษีของอเมริกา
      • คู่ค้าและการตัดสินใจในโครงการต่าง ๆ ชะลอไป เพื่อรอความชัดเจนของภาษี
      • อเมริกาเข้มงวดเรื่องสินค้าสวมสิทธิ์, การควบคุมการผลิตชิ้นส่วนในประเทศจะเข้มงวดมากขึ้น
      • หากเกี่ยวข้องกับอเมริกา, ไทยต้องควบคุมให้มีการผลิตชิ้นส่วนในประเทศจริง ๆ
    • **การลงทุนในเครื่องจักรใหม่:**
      • คุณวงศฤทธิ์ได้อัปเดตไปแล้ว
    • **ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้:**
      • การผลิตในประเทศเป็นเพียงส่วนเดียว, มีการส่งออกและผลิตให้ลูกค้าเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ
      • ในภาวะที่ไม่แน่นอน, สิ่งที่ต้องทำคือต้องมั่นใจว่ามีความสามารถที่จะทนทานต่อผลกระทบตรงนี้ได้
      • สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง, มีสภาพคล่องสูง, ไม่มีหนี้สิน, มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
      • บริษัทจีนจะต้องย้ายฐานการผลิตออกจากจีน, มองหาพันธมิตรในไทย, ต้องเร่งผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ในต่างประเทศเอง, ต้องมองหา Partner ในไทยที่มีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ
      • มีการปรับตัวให้สามารถปรับ Portfolio ของรายได้, ไม่ใช่พึ่งพารถยนต์อย่างเดียว, มีลูกค้าหลายรายสนใจและพูดคุยเรื่องการจ้างผลิตรถยนต์ที่ไม่ใช่รถยนต์ทั่วไป, เป็น Low Speed
      • เชื่อว่าในอนาคตภายในไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 จะสรุปได้และมีผลดีกับบริษัท
    • **ผลกระทบของภาษี US Tariff:**
      • มีทั้งบวกและลบ, ตอนนี้คือลบก่อนเพราะกระทบกับงานที่ทำอยู่ปัจจุบัน, แต่หลายประเทศต้องพยายามย้ายฐานมาในไทย
    • **แผนเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น:**
      • เป็นไปตามภาวะตลาด, หุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัทราคาต่ำกว่า Book, หลายบริษัทเห็นว่าราคาไม่สะท้อนสภาพที่แท้จริงจึงมีโครงการซื้อหุ้นคืน
      • บริษัทตัดสินใจอย่างนี้เพราะเห็นว่าเงินมีอยู่เยอะ, ราคาหุ้นแบบนี้ซื้อคืนให้ผลตอบแทนดีกว่าฝากอีก, ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น, สภาพคล่องจะมาจากการที่ผลประกอบการดีขึ้น
    • **Free Zone:**
      • ภายในไตรมาส 3 ไตรมาส 4 จะเริ่มดำเนินการ, ผู้ค้าขอรอดูผลกระทบให้ชัดเจนว่าภาษีเท่าไหร่, และอีกอย่างคือการเพิ่มอัตรา Local Content ให้มากขึ้น
      • ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังเจรจากับอเมริกาว่าการที่จะถือว่าเป็นสินค้าที่ส่งออกจากไทยจริง ๆ และไม่โดนภาษีเซอร์ชาร์จต้องมี High Content หรือ Regional Content เท่าไหร่, ตอนนี้โจทย์ที่โยนมาคือไม่ต่ำกว่า 50% (จากเดิม 40%) และ 50% ที่ว่านี้ก็เป็น 50% ที่เข้มข้นกว่าของเดิม
    • **คาดการณ์ตัวเลขรายได้รวมของปีนี้และแนวทางการลดต้นทุน:**
      • คาดการณ์ปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว, อาจจะลดลงเล็กน้อย, แต่มีความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น, มาจากแนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
      • มีการลงทุนห้องพ่นสีฝุ่น, ซึ่งเน้นไปในการทำชิ้นส่วนต่าง ๆ พ่นชิ้นส่วนเกี่ยวกับสินค้าพวก Industrial Machinery, ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำลง
      • มีรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคง, ทำให้มีส่วนช่วยให้อัตรากำไรดีขึ้น
    • **งบลงทุนในปีนี้:**
      • ภาพเบื้องต้นประมาณ 150 ล้านบาท, เกี่ยวกับเครื่องจักรและการปรับปรุงประสิทธิภาพ, ห้องพ่นสีประมาณ 80-90 ล้านบาท, IT ประมาณ 30 กว่าล้าน, การสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อทำให้เกี่ยวกับระบบ Logistics ต่าง ๆ ให้ดีขึ้น
      • จะไปสู่เรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน, ในแง่ของ AI ตอนนี้เป็นโปรเจกต์ที่พยายามพัฒนาคนและนำ AI มาใช้ ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของทางด้านโรงงานแต่ในแง่ของสายสำนักงานต่าง ๆ
      • คาดว่า 3-6 เดือนคงจะมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะยิ่งเรื่องของการควบคุมงานการผลิต การวางแผนการผลิต การสั่งซื้อ ระบบ Documentation ต่าง ๆ อันนี้ก็มีส่วนช่วยได้มาก
    • **ตลาดต่างประเทศที่ยังดูดี:**
      • ตลาดต่างประเทศโดยรวมดูไม่ค่อยดี, Demand โดยรวมชะลอตัวเนื่องจากความชัดเจนของภาษีทรัมป์, แต่มีแนวโน้มว่าสงครามภูมิศาสตร์น่าจะจบได้
      • Industrial Machinery จะดีมาก, เป็นช่วงของการฟื้นฟูประเทศ, ความต้องการในเรื่องเกี่ยวกับเครื่องจักรกลทางอุตสาหกรรมในการไปก่อสร้างต่าง ๆ จะดี
      • คู่ค้าญี่ปุ่นบอกให้ (ไทยรุ่ง) อดทนหน่อย เดี๋ยวทุกอย่างจะกลับมาแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นจะดีมาก ๆ
      • กำลังซื้อมากขึ้น, ความมั่นใจมากขึ้น จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์กลับมา
      • Toyota ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์, ชี้ให้เห็นว่าถึงแม้เรากำลังจะพูดถึงเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ความต้องการทั่วโลกรถยนต์ก็ยังมีโอกาสเติบโต
      • ความสงบสุขเกิดขึ้น, รถยนต์จะกลับมาและคงจะเป็นรถ Hybrid เป็นหลัก, แล้วก็คงจะมีรถพลังงานทางเลือกใหม่ ๆ ขึ้นมา
      • รถไฟฟ้าจริง ๆ เพียว ๆ คงไปในประเทศที่พัฒนาแล้วที่มี Infrastructure รองรับได้เพียงพอ

โดยสรุป TRU เผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัวและนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอน แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการลงทุนในเทคโนโลยี, การขยายตลาด, และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

**หัวข้อที่ถามและคำตอบในช่วง Q&A** * ทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง * การลงทุนในเครื่องจักรใหม่ * ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ * ผลกระทบของภาษี US Tariff * แผนเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น * Free Zone * คาดการณ์ตัวเลขรายได้รวมของปีนี้และแนวทางการลดต้นทุน * งบลงทุนในปีนี้ * ตลาดต่างประเทศที่ยังดูดี

โพสต์ล่าสุด