บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
DENTAL CORPORATION OPPDAY สรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 และทิศทางธุรกิจ
P/E 14.22 YIELD 3.49 ราคา 2.58 (0.00%)
DENTAL CORPORATION OPPDAY สรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 และทิศทางธุรกิจ
สวัสดีนักลงทุน วิเคราะห์ รวมถึงผู้ถือหุ้นของบริษัท Dental Corporation จำกัดมหาชน วันนี้จะมาอัปเดตพัฒนาการและเรื่องต่างๆ ของบริษัท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2568 โดยจะแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อหลักๆ คือ Company Overview, Financial Performance และ Business Outlook ของปีนี้
บริษัท Dental Corporation ชื่อย่อคือ D เป็นบริษัททันตกรรมครบวงจร เปิดมาประมาณ 20 ปี เน้นในเรื่องของ Dental Tourism เป็นหลัก โดยเป็นคลินิกทันตกรรมที่ให้บริการคนไข้ต่างชาติมายาวนาน ตั้งต้นมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ก่อนที่ประเทศไทยจะมีชื่อเสียงด้าน Medical Tourism ด้วยซ้ำ โดยที่แรกที่เปิดคือที่สยามและรัชดา จากนั้นก็มีการพัฒนาการเติบโตมาเรื่อยๆ จนเข้าตลาดและสร้างโรงพยาบาลฟัน ปัจจุบันมีทั้งหมด 16 สาขา
จุดเด่นของบริษัทคือเป็นคลินิกทำฟันแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI โดยได้รับการรับรองมาเกิน 15 ปีแล้ว ที่คลินิกทันตกรรม BIDC และคลินิกได้รับการขนานนามว่าเป็นนักล่ารางวัล ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 รวมแล้วมากกว่า 20 ปี
รางวัลต่างๆ ที่ได้รับเป็นเครื่องการันตีให้กับคนไข้ที่มารับบริการว่ามีมาตรฐานและคุณภาพระดับสากล เป็นเครื่องการันตีสำหรับคนไข้ต่างชาติที่จะเกิดความมั่นใจเมื่อมาใช้บริการ มาตรฐานเป็นสิ่งที่คนไข้ต่างชาติต้องการ ซึ่งของบริษัทก็ได้รับหมด ไม่ว่าจะเป็น PM Award, JCI Thailand Trust Mark รวมถึงรางวัลเกี่ยวกับนิตยสารท่องเที่ยวต่างๆ
Event ล่าสุดของบริษัทเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ไปออกบูธ Thailand Pavilion ที่ World Expo ที่ประเทศญี่ปุ่น (โอซาก้า) โดยธีมของประเทศไทยคือ Wellness Tourism และ D ได้รับโอกาสเป็นตัวแทนในฝั่งของ Dental ในงานด้วย
นอกจากนี้ ยังได้จัดงาน Smile Makeover Day ที่โรงพยาบาล BDH ให้ความรู้เกี่ยวกับ Veneer โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง และมีดาราเซเลบมาร่วมงานด้วย โดยกิจกรรมนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อจะชูจุดแข็งของบริษัท
โครงสร้างของบริษัท ไม่ได้แค่ทำฟันอย่างเดียว แต่เป็นทันตกรรมครบวงจร มีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยต้นน้ำถึงกลางน้ำมีธุรกิจที่เรียกว่านำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทันตกรรม ซึ่ง contribute รายได้ประมาณ 30-40% ของรายได้รวม อีก 70% คือรายได้จากการให้บริการทำฟัน
บริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้ทั้งหมด 5 บริษัท D ตัวใหญ่คือบริษัทแม่ที่ Listed อยู่ในตลาด และมี 3 บริษัทที่ทำเกี่ยวกับการทำฟัน และอีก 2 บริษัททำเกี่ยวกับ benefit trading
ฝั่งทำฟัน ปัจจุบันมีทั้งหมด 16 สาขา มีน้องใหม่ 1 สาขา เพิ่งเปิดไปเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในแบรนด์ Smile Signature ที่สุขุมวิท เน้นลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก โดยมีทั้งหมด 4 แบรนด์คือ BDH (โรงพยาบาลฟัน), BIDC (ศูนย์ทันตกรรม), Smile Signature และ Dental Planet โดย 2 แบรนด์ล่างจะเน้นลูกค้าคนไทย โดยเฉพาะ Dental Planet จะเน้นลูกค้าคนไทยเป็นหลัก
ปัจจุบันมีเครือข่ายทันตกรรมมากกว่า 120 ห้องตรวจ ประกอบไปด้วย 4 แบรนด์ คลินิกทั่วไปจะมีประมาณ 4-5 ห้องตรวจ แต่ถ้าเป็นที่โรงพยาบาลฟันและศูนย์ทันตกรรม จะมีมากกว่า 20 ห้องตรวจ สามารถรองรับลูกค้าที่มาทำฟันได้วันละเป็นร้อยๆ คน
บริษัททำได้มากกว่าถอนฟัน อุดฟันทั่วไป แต่ทำได้ถึงการออกแบบรอยยิ้ม การผ่าตัดขากรรไกร และหัตถการที่เกี่ยวกับฟันที่ยากๆ เช่นการทำสะพานฟัน หรือคนไข้มีปัญหาจากที่อื่นที่แก้ไม่จบแล้วมาหาบริษัทก็จะจบ เพราะเป็นที่รวมของทันตแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหาที่เกี่ยวกับฟัน
บริการของบริษัทจะแบ่งเป็นการทำรากฟันเทียม ทำฟันสวยงาม และการทำฟันทั่วไป โดยแบรนด์ Smile Signature จะเน้นเกี่ยวกับลูกค้าคนไทยและมีต่างชาติด้วย โดยทำเลจะอยู่กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัชดา 19 และมีที่สยามสแควร์ด้วย
แบรนด์ที่เจาะลูกค้าคนไทยเช่นเดียวกันคือแบรนด์ Dental Planet เพิ่งเปิดตัวแบรนด์นี้เมื่อปลายปีที่แล้ว เน้นที่ราคาเข้าถึงง่าย และเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีกำลังซื้อปานกลางเข้าถึงราคาได้ เป็นการทำมาสู้กับคลินิกที่เปิดทั่วไป
แบรนด์ BIDC จะเน้นกลุ่มคนไข้และคนไข้ที่มีฐานะ และมีสาขาที่ต่างจังหวัด 2 ที่คือ ภูเก็ตและเชียงใหม่ ภายใต้เครือของแบรนด์ BIDC โดยที่เชียงใหม่ใช้ชื่อว่า CIDC ส่วนภูเก็ตใช้ชื่อว่า Phuket Dental Signature โดยทั้ง 2 สาขามีรายได้จากต่างชาติ contribute ประมาณ 90% ของทั้งหมด
BDH และ BIDC จะเน้นคนไทยที่มีกำลังซื้อสูงและต่างชาติ จุดเด่นของ BDH คือสามารถมี IPD ด้วย สามารถดมยาสลบได้ด้วย และผ่าตัดขากรรไกรได้ด้วย BDH ที่ด้านซ้ายคือโรงพยาบาลฟัน โดยโรงพยาบาลฟันในประเทศไทยมีประมาณ 2-3 แห่งเท่านั้น และบริษัทก็เป็นหนึ่งในนั้น อยู่ในจุดที่ตั้งที่ดีที่สุดของประเทศไทยคือที่สุขุมวิท
ธุรกิจ Trading เป็นธุรกิจที่ซื้อมาเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว โดยเค้าขายเป็น Multi Brand ขายทุกอย่างที่อยู่ในห้องคลินิก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์สิ้นเปลืองในการอุดฟัน การปักรากฟันเทียม รวมถึงอุปกรณ์ใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง X-Ray หรือเครื่องสแกนฟัน รวมถึงมีงานประมูลที่ใช้อุปกรณ์ให้กับกับการศึกษาที่ขายให้กับโครงการหรือโปรเจคภาครัฐใหญ่ๆ ด้วย โดยมีแบรนด์มากกว่า 20 แบรนด์ที่ขายให้กับคลินิกใหม่ๆ
นอกจากนี้ยังมี Consumer Product คือยาสีฟัน ตอนนี้มีทั้งหมด 2 รสชาติคือรสปกติและสำหรับผู้ที่จัดฟัน โดยวางขายแล้ว สามารถซื้อได้ที่คลินิกทันตกรรมทั่วกรุงเทพฯ 16 แห่ง และสามารถซื้อออนไลน์ได้ด้วยใน Shopee, Lazada และ TikTok
ในปี 2568 ยังมี Product เข้ามาใหม่มาช่วยสนับสนุนในยอดขาย เป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ทำฟัน เครื่องสแกนฟัน เครื่อง X-Ray และเครื่องขูดหินปูน โดยราคาของสินค้าจากจีนจะถูกกว่าสินค้าจากยุโรปประมาณ 50% จึงขอประชาสัมพันธ์ให้กับทันตแพทย์ที่เปิดคลินิกใหม่ หากกำลังมองหาอุปกรณ์ทันตกรรม สามารถมาเลือกซื้อได้ที่บริษัท ราคาบริษัทสมเหตุสมผล และมีทั้งแบรนด์ยุโรปและแบรนด์จีนให้เลือกหลายอย่าง
ลูกค้าของบริษัทมีทั่วประเทศ ลูกค้าใหม่ๆ จะซื้อตั้งแต่เครื่อง X-Ray ฟัน เครื่องสแกนฟัน เครื่องขูดหินปูน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ในทันตกรรมด้วย โดยมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้อีสาน สามารถเลือกใช้ได้หมด
อีกหนึ่งลูกค้าคือลูกค้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ โดยจะขายเป็นเครื่อง Dental Simulation หรือว่าหุ่นจำลองในการในการฝึกสอนทันตแพทย์ ในการในการเรียนรู้ก่อน ก่อนมาใช้การคนไข้จริง โดยมีที่สถาบันทันตกรรมชลบุรี นนทบุรี มีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีที่แม่ฟ้าหลวง มีที่ทันตแพทย์จุฬาฯ
ทันตแพทย์ที่เปิดใหม่ๆ บริษัทคว้าเกือบได้หมด ที่กล่าวมา เช่น แม่ฟ้าหลวง ม.กรุงเทพฯ ชลบุรี แล้วก็ที่วลัยลักษณ์ เป็นทันตแพทย์เปิดใหม่ตามภูมิภาค แล้วก็เข้าไป Approach ตลาด และสามารถ ชนะงานประมูลมาได้
นอกจากนี้ยังมีการขายเป็นคอร์สเรียนด้วย เป็นคอร์สเกี่ยวกับการสอนทันตแพทย์ เกี่ยวกับทันตแพทย์ เกี่ยวกับทันตกรรมเฉพาะทาง การรักฟันเทียม โดยขายคอร์สเรียนไปด้วย แล้วก็ขายของไปด้วย โดยมีการ Partner กับ ทันตแพทย์มหาวิทยาลัยต่างๆ และประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมาถึง Gen 4 แล้ว คือสามารถสร้างทันตแพทย์ที่สามารถผ่าตัดรักฟันเทียมมาได้ประมาณ 4 รุ่นแล้ว
ไม่ได้เฉพาะรักฟันเทียม ยังมีสาขาอื่นๆ ที่ร่วมในการทำคอร์สด้วย
ภาพรวมผลประกอบการ 6 เดือนแรก ปี 2568
Top Line 6 เดือน ปิดรายได้อยู่ที่ 510 ล้านบาท รายได้สูงขึ้นจากปีที่แล้ว 9% Bottom Line กำไร 35 ล้านบาท ปีที่แล้ว 34 ล้านบาท กำไรพอๆ เดิม Net Profit ประมาณเดิม โดยรวมๆ คือ รายได้สูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามด้วย ทำให้กำไรยังอยู่ที่ประมาณเดิม
การแตกรายได้ รายได้ที่สูงขึ้นมาจากธุรกิจ Trading หรือว่าธุรกิจซื้อมาขายไป รายได้ของธุรกิจ Trading เติบโต 54 ล้านบาท สาเหตุมาจาก Win งาน Project ของจุฬาได้ ประมาณ 20 ล้านบาท และมีงาน Project ย่อยๆ อีก
รายได้ของคลินิกทันตกรรมลดลงประมาณ 11.8 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจทันตกรรมลดลงมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง โดยลดลงหลักๆ มาจากลูกค้าคนไทยที่ลดลง และเกิดจากที่ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาแผ่นดินไหว มี Side Effect ต่อเนื่องถึงเดือน 4 ทำให้ เดือน 4 ยอดรายได้คนไทยหายไปค่อนข้างเยอะ มากกว่า 20% ทำให้รายได้ลดลงในเดือน 4 ทำให้ในภาพรวม 6 เดือน รายได้ลดลง อย่างไรก็ตามก็มีของเซลล์มาเพิ่ม ของ Trading มาเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ยังสามารถเติบโตไปได้
ค่าใช้จ่าย รายได้เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตาม รายได้เพิ่มขึ้นเป็น GP ประมาณ 14 ล้านบาท ส่วน Selling Admin เพิ่มขึ้นตาม เพิ่มขึ้นมา 11 ล้านบาท เกิดจากค่าการตลาด และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ และ Manpower พนักงานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Bottom Line ยัง อยู่ที่ กำไรอยู่ที่ 35 ล้านบาท และ Net Profit ยังอยู่ที่ประมาณเดิม
กำไรจากปีที่แล้วมาเป็นปีนี้ ปีที่แล้วกำไร 34 ล้านบาท ปีนี้กำไรอยู่ที่ 35 ล้านบาท กำไรก็ประมาณเดิม Revenue and Cost คือ กำไรประมาณ 10 11 ล้านบาท และมี Selling Admin เพิ่มขึ้น ทำให้สุดท้าย กำไรอยู่ประมาณเท่าเดิม รายได้ที่หามาเพิ่มได้คือ ไปชดเชยกับ Selling Admin ที่มันเพิ่มขึ้น
Net Profit Margin ทำได้อยู่ที่ 7% เท่าเดิม ส่วน Gross Profit Margin ทำได้ใกล้เคียงเดิมเลยทั้ง 2 ธุรกิจ ตามตารางด้านล่าง ของ ทำฟัน Gross Profit อยู่ที่ 39% ไม่เปลี่ยนแปลง ของ Service Net Gross Profit ที่ 20 29% เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
รายได้รวม ในปีนี้สัดส่วนของ ฝั่งของฝั่งเซลล์โตขึ้นมาเป็น 30% ปีที่แล้ว 26% เนื่องมาจากว่า ในปีนี้ฝั่งขายเติบโตดี ได้ รายได้ Project เพิ่มขึ้น ส่วนฝั่งคลินิก จะย่อลงไปนิดนึง
วิเคราะห์รายได้ของคลินิก แยกเป็นคนไทยและต่างชาติ ในวงกลมสีแดงคือไตรมาส 2 เทียบย้อนกลับไป 3 ปี 2565 2564 และ 2563 คนไข้ต่างชาติยัง Hold ได้อยู่ ไตรมาส 2 ปี 2565 97 ล้านบาท ไตรมาส 2 ปี 2564 97 ล้านบาท ไตรมาส 2 ปี 2563 ย้อนกลับไป 90 ล้านบาท เฉพาะเส้นล่าง ต่างชาติก็
ของปีนี้ Q1 Q2 Q1 116 Q2 97 ถ้าดูย้อนไปปีที่แล้ว 105 97 101 99 จะเห็นว่าต่างชาติเราทำได้ดีอยู่ ทำได้ คงที่ ส่วนที่ Drop ลงไปคือเป็นของคนไทยที่ Drop ลงไป ไตรมาส 2 เทียบไตรมาสต่อไตรมาส Year on Year ลดลงประมาณ 10 ล้านบาท เดือน 3 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศไทย แล้ว เดือน 4 รายได้หายวับไปประมาณ 20%
ทำให้ Q2 รายได้ คนไทยหายไป ส่วน Q1 รายได้คนไทยก็ลดลงเช่นเดียวกัน อันนี้กำลังจะ เร่ง เร่งในการทำการตลาดคนไทยอยู่ และก็เร่ง Promote แบรนด์ Dental Planet นะครับใน เพื่อมาดึงดูดลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น
รายได้แยกตามการรักษา รายได้หลักๆ ของบริษัทมาจาก Item ที่ 1 กับ Item ที่ 4 คือ รากฟันเทียมและก็เป็น Carveneer เป็นหลัก แล้วก็ Invisalign แล้วก็ Orthodontic คลินิกของบริษัทจะเน้นเกี่ยวกับการทำ ฟันมูลค่าสูง ไม่ว่าจะเป็นรากฟันเทียม แล้วก็ การรักษา Veneer แล้วก็การทำครอบฟัน รวมถึงการจัดฟันใสด้วย เป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากคลินิกทั่วไป คลินิก ทั่วไปจะมีรายได้เกี่ยวกับ GP แล้วก็การจัดฟันใส เอ้ยจัตการจัดฟันโลหะ Orthodontic เป็น เป็น 100% เป็น 80-90% แต่บริษัทจะเน้นไปที่ รากฟันเทียม แล้วก็เป็นครอบฟัน แล้วก็ Veneer
Financial Position Current Ratio อยู่ที่ 1.15 ถือว่า ดี Debt to Equity อยู่ที่ 0.65 ถือว่าต่ำมากๆ Total Asset อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท และ Liability อยู่ที่ 515 ล้านบาท
Cash 4 ปีที่แล้วมีรายได้ มีกำ มี Cash 4 40 ล้านบาท ปี ปีนี้เหลือ 21 ล้านบาท
โดยรวมแล้ว Dental Corporation ยังคงรักษาผลประกอบการได้ดี แม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอกมากระทบ โดยเฉพาะรายได้จากลูกค้าต่างชาติยังคงแข็งแกร่ง และบริษัทมีแผนที่จะกระตุ้นรายได้จากลูกค้าคนไทยมากขึ้น
[00:52:05] Q&A
- **Q:** รบกวนสอบถามเรื่อง GPM ของธุรกิจเทรดดิ้งที่สูงขึ้นผิดปกติ **A:** ธุรกิจเทรดดิ้งมีสินค้าหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมี GPM ที่แตกต่างกัน การที่ GPM สูงขึ้นในไตรมาสนี้เป็นผลมาจากการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และการควบคุมต้นทุนที่ดี
- **Q:** อยากทราบรายละเอียดของ Marketing Campaign ที่จะกระตุ้นยอดขายในประเทศ **A:** บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มการสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะเน้นการสร้าง Brand Awareness และการโปรโมท Dental Planet ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นอกจากนี้ จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น โปรโมชั่นส่วนลด และการร่วมมือกับ Influencer
- **Q:** มองว่า Dental Tourism ในอนาคตจะกลับมาเติบโตได้เหมือนเดิมหรือไม่ **A:** ตลาด Dental Tourism ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะส่งผลกระทบ แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ตลาดนี้จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากทั่วโลก
- **Q:** มีแผนที่จะขยายสาขาไปยังต่างประเทศหรือไม่ **A:** บริษัทมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ แต่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนในขณะนี้ เนื่องจากต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เช่น สถานการณ์ตลาด กฎระเบียบ และความพร้อมของทรัพยากร
- **Q:** แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร **A:** บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ และบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ จะมีการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มอัตรากำไร
- **Q:** ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าใหม่จากจีน **A:** สินค้าใหม่จากจีนเป็นผลิตภัณฑ์ทันตกรรมที่มีคุณภาพดีในราคาที่แข่งขันได้ เช่น เก้าอี้ทำฟัน เครื่องสแกนฟัน และเครื่อง X-Ray ซึ่งจะช่วยให้คลินิกทันตกรรมสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้ง่ายขึ้น
หัวข้อที่ถามตอบ