บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday STECON Group: เจาะลึกผลประกอบการ Q2/2568 และทิศทางธุรกิจในอนาคต
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 5.70 (0.00%)
สรุป Oppday STECON Group: เจาะลึกผลประกอบการ Q2/2568 และทิศทางธุรกิจในอนาคต
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Opportunity Day ของ STECON Group สำหรับผลการดำเนินงานปี 2568 ไตรมาสที่ 2 ดิฉัน สุภาวรวี รัฐกุลชน Head of People Strategy and Change Management จะทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ในวันนี้
Agenda ในวันนี้จะครอบคลุม 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ Target ปี 2568 Strategic Priorities และ New Business Update, Core Business Performance Update, และ Financial Performance ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึง Guideline และ Business Outlook
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
สำหรับปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Core Business Target หรือ New Business เรายังคงตัว Target เอาไว้ และในไตรมาสที่ 2 ก็ยังเห็นได้ว่าเรายัง On Track
- Revenue Target: 32,000 ล้านบาท ยัง On Track ครึ่งปีแรกทำเป้าไปได้ครึ่งทาง 15,000 ล้านบาท
- Gross Profit (GP): Guideline ประมาณ 7% ครึ่งทางเกิน 7% อยู่ที่ประมาณ 7.2% GPM
- New Backlog: Guideline Target ปีนี้ 50,000 ล้านบาท ครึ่งทางทำไปแล้วมากกว่า 26,000 ล้านบาท เกิน 50%
- ISO หรือ ESG Goal: ให้ความสำคัญในมุมของ Sustainability และ ESG On Track
ในมุมของ New Business Target New Business ในมุมของ Recurring Revenue จากบริษัทน้ำของเรา On Track ปัจจุบัน COD ไปทั้ง 3 โรงแล้ว Capacity 80% Update เรื่อง Data Center มี 2 ที่ นอกจากนี้ยังมี Potential Projects หรือ High Potential Projects ในมุม Renewable หรือพลังงานสะอาด On Track และสุดท้ายได้มีการ Invest ใน Startup ในเดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม หรือสิงหาคม)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
เรามีทั้งหมด 8 Strategic Priorities ทำให้เห็นว่าเรามีเสาหลักทั้ง 3 ที่ค้ำให้บริษัทเรามีบ้านที่แข็งแรง รวมถึงหลักพื้นฐานด้วย โดยมี 3S ไปสู่ STECON Mission 2030:
- Strengthen Core: มุ่งไปสู่การเพิ่ม Top Line ไม่ว่าจะเป็น Productivity Uplift ต่างๆ หรือเพิ่มในมุมของศักยภาพให้บริษัทลูกๆ แข็งแกร่งมากขึ้น
- Shift to New Business: จะเป็นเรื่องของ S Curve น่านน้ำใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ ที่เรามองว่าจะมาเสริมกำลัง เสริม Ecosystem ของ STECON Group
- Shape Tech Leadership: ตอนนี้เป็นยุคสมัยของเทคโนโลยีและ AI เล็งเห็นว่าถ้าเราจะเป็นบริษัทก่อสร้างที่แข็งแกร่ง เราก็ควรจะ Leverage ตัว Tech หรือเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Contact หรือ Construction Technology หรือตัว Green Tech เข้ามาเสริมกำลังให้บริษัทของเราแข็งแกร่งและยั่งยืนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการปรับ Portfolio อยู่สม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทที่ Dynamic ของประเทศเรา Portfolio มีทั้งในมุมของ Private Project และ Public Project Combination ของ Project เหล่านี้มีไว้เพื่อที่จะ Uplift ตัว GP ของเราให้เป็นไปตามเป้าและสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้
- Cost Savings: โดยเฉพาะในมุมของ Procurement เป้าปีนี้ 5%
- Productivity: มองในมุมที่จะลด Delay ลดในมุมขยะ และลดในมุมของ Rework เป็นการเพิ่ม Efficiency โดยรวม
- มองเล็งเห็นแล้วว่าจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมตัว Profitability และ Turnaround
- Startup ที่เราได้ลงทุนผ่าน Stec Ventures ซึ่งเป็น Investment Arm ของเรา
- Construction Digitalization: มีทั้งใน 2 มุม External และ Internal ใช้ Platform Icia เป็น Program ที่จะ Collaborate การทำงานภายในให้เกิดความเป็น Digital มากขึ้น และให้เกิด Single Source of Truth กับ Efficiency ในการทำงาน
New Business ของเราหรือน่านน้ำใหม่ๆ ของเรา มี Update คือ Construction Expansion เรามี High Potential Project ที่เรามี New Business Investment Model เหมือนกันที่เรากำลังจะลงทุนเข้าไป Clean Energy เรื่องของ Green Field WTE คือ Waste to Energy Project Ongoing และลงทุนในการที่จะก่อสร้างต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของ Solar Energy ที่อยู่ใน Pipeline เหมือนกัน
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ในเนื้อหาที่สรุปมา
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ในเนื้อหาที่สรุปมา
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
- Construction Expansion: มี High Potential Project ที่มี New Business Investment Model
- Clean Energy: Green Field WTE Project และการก่อสร้าง Solar Energy
- Data Center: Project ที่บางนาใช้พื้นที่ของเรา JV กับ Strategic Partner คาดว่าจะผลิตกำลังไฟได้ 25-75 MW เราลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ใน Q4/2568 คาดว่าจะมี Revenue เข้ามาถึง 3 Stream ได้แก่ ค่าเช่าพื้นที่ Operator และ General Contractor DC ที่บางปะกงคาดว่าจะเซ็นได้ภายใน Q4/2568 ผลิตได้ 50-100 MW ลงทุนประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท คาดว่าจะ COD ได้ภายในปลาย Q1 หรือต้น Q2 ปีหน้า
- Next Gen Water Management: Fully COD ไปแล้ว 3 โรงงาน และ Potential New Water Infrastructure
- Logistics: Operate ภายในสิ้นปีนี้คือ M81
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้นที่ นาทีที่ 26.47
- Data Center: ลงทุนเองผ่าน Stec Ventures ทั้ง 2 ที่ (บางนาและบางปะกง) คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ใน Q4/2568 ตัวที่บางปะกงคาดว่าจะ COD ได้ภายใน Q1 หรือ Q2 ปีหน้า (2569) ผลิตได้ 50-100 MW เงินลงทุน 2,000-3,000 ล้านบาท ส่วนบางนาคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ใน Q4/2568 เงินลงทุนของเรา 4,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 25-75 MW รายได้จะมาจากค่าเช่าพื้นที่ Operator และ General Contractor ส่วนบางปะกงรายได้หลักจะมาจาก Dividend Income
- แนวโน้มครึ่งปีหลัง: ยึดเป้า 32,000 ล้านบาท มีงานในมือที่จะ Ramp Up หลายงานต้องส่งมอบ เช่น ไทยออยล์, Solar คาดว่า Construction Progress จะไปในมุม S Curve Ramp Up ช่วงสิ้นปีหลัง
- ค่าใช้จ่าย SNA: ไตรมาสนี้สูงกว่าครั้งก่อนๆ 4% หลักๆ คือค่าบริหารโครงการ, ค่าพนักงาน โครงการสีส้มตะวันตกที่เพิ่งเริ่ม อีกมุมคือค่า Diligence คาดว่าSNA จะอยู่ใน Range 2.8-3%
- Backlog ปัจจุบัน: 126,890 ล้านบาท Starting Backlog ประมาณ 100,000 ล้าน
- รายได้ก่อสร้างไตรมาสนี้: 8,700 ล้านบาท เพิ่มจากโรงโซลาร์ 7 โรง MRT Orange Line (ตะวันตก)
- การรับรู้รายได้ Data Center: จะ Follow S Curve จะเริ่มเห็นชัดเจนช่วงสิ้นปี ต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือนในการ Complete Project
- อุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน: ค่าเคลมประกัน 400 ล้านบาท ไม่ได้หนีห่างจากที่คาดการณ์ไว้ ก่อนหน้านี้มี 3rd party 100 ล้านบาท
- UTA: ได้ยื่นหนังสือไปแล้วว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง จะ Exercise ตามสิทธิของเรา ผลจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม
- เป้าหมาย Backlog 50,000 ล้านบาท: ไม่เปลี่ยน จะ Manage Portfolio ให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป ไม่พึ่งพิงภาคใดภาคหนึ่ง ธีม Data Center เข้ามา เราเองก็มุ่งไปสู่ธีมนั้น
- ผลกระทบจากรัฐดีเลย์เปิด Bid: อาจมีผลกระทบ แต่งานภาคต่ำกว่า 5,000 ล้านเรายังได้อยู่ ถ้ามีงานใหญ่ๆ 1-2 งาน เราอาจจะได้สักงาน
- เงินลงทุน 4,000 ล้านบาท: คือเงินลงทุนใน NBM และ EBM (ชมพู-เหลือง) ดูได้ใน Financial Note ที่ประกาศในงบ
- แรงงานต่างชาติกระทบไหม (กัมพูชา): กว่าครึ่งเป็นแรงงานไทย (Skill) แรงงาน Unskill ส่วนใหญ่ (95%) เป็นพม่า กัมพูชาน้อยมาก (5%) ตอนนี้ Demand ผ่าน Agency ยังไม่ได้รับผลกระทบ
- แบ่งขาดทุน UTA ไตรมาสละเท่าไหร่: ไตรมาสนี้ขาดทุนไป 22 ล้าน มาจาก UTA แต่เป็นการ Book ผิดไตรมาส แต่โดยปกติจะไม่สูงขนาดนี้ เราถืออยู่ 20% เอา 20% ไปคูณ 20-30 ล้าน
- New Business: คาดว่าจะได้ผลกำไรแน่นอน แต่ Startup ยังอยู่ใน Initial Stage Series A/B ส่วนใหญ่ Cash ที่ได้มาจะ Reinvest เข้าไป เราจะใช้ Startup ในมุมที่สามารถเอาผลิตภัณฑ์มาเสริมศักยภาพของเราได้ เช่น AI Platform, Data Center
- Solar (7 โรง): จะรับรู้รายได้เต็มที่ในปีนี้ ต้องส่งมอบงาน
โดยสรุป STECON Group ยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2568 แม้จะมีความท้าทายและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการปรับตัว การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป- Data Center: ลงทุนเองผ่าน Stec Ventures ทั้ง 2 ที่ (บางนาและบางปะกง) คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้เมื่อไหร่
- แนวโน้มครึ่งปีหลัง: จะเป็นอย่างไร
- ค่าใช้จ่าย SNA: ขึ้นมาเยอะ มาจากอะไร
- Backlog ปัจจุบัน: มีเท่าไหร่
- รายได้ก่อสร้างไตรมาสนี้: เพิ่มขึ้นมาจากอะไร
- การรับรู้รายได้ Data Center: จะเริ่มเมื่อไหร่
- อุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน: ค่าเคลมประกันเป็นอย่างไร
- UTA: มีความคืบหน้าอย่างไร
- เป้าหมาย Backlog 50,000 ล้านบาท: จะเปลี่ยนไหม
- เงินลงทุน 4,000 ล้านบาท: คืออะไร
- แรงงานต่างชาติกระทบไหม (กัมพูชา): เป็นอย่างไร
- แบ่งขาดทุน UTA ไตรมาสละเท่าไหร่: เป็นอย่างไร
- New Business: ตั้งเป้าอย่างไร
- Solar (7 โรง): จะเสร็จเมื่อไหร่
- มี Project อะไรไหมที่จะฉุด Margin: เป็นอย่างไร