บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KCG กำไร Q4/25 พุ่ง! หยวนต้าชี้เป้า 12.20 บาท มองข้ามช็อตสะสมรอ
P/E 9.22 YIELD 5.13 ราคา 8.00 (0.00%)
KCG Corporation (KCG) เตรียมกลับมาสร้างสถิติกำไรสูงสุดใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2568 หนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season และกำลังการผลิตใหม่สำหรับเนย
ประเด็นสำคัญ KCG ที่ต้องจับตา
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ KCG โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 12.20 บาท อิงจาก PER ที่ 14.9 เท่า แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะซื้อขายบน PER25 เพียง 9.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มขนมขบเคี้ยวอื่นๆ และคาดหวังเงินปันผลได้ที่ 5.5% อย่างไรก็ตาม หยวนต้าแนะนำให้พิจารณาเข้าสะสมหุ้นหลังงบไตรมาส 3/2568 เพื่อเก็งกำไรผลประกอบการในไตรมาส 4/2568 ที่คาดว่าจะกลับมาทำ New High
หยวนต้าวิเคราะห์ KCG อย่างไร?
หยวนต้าคาดการณ์ยอดขายในไตรมาส 3/2568 จะยังคงเติบโต 7-10% YoY จากธุรกิจ B2B ที่ขยายตัวต่อเนื่องและ B2C ที่เติบโตได้ดีในกลุ่มเนยและชีส อย่างไรก็ตาม รายได้อาจทรงตัว QoQ เนื่องจากการปิดปรับปรุงโรงงานเทพารักษ์ในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่สำหรับการผลิตเนย นอกจากนี้ GPM ในไตรมาส 3/2568 อาจลดลงต่อเนื่อง QoQ และ YoY ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 29.5% เนื่องจากการปิดซ่อมโรงงานทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง
สำหรับไตรมาส 4/2568 หยวนต้าประเมินว่ากำไรปกติจะกลับมาทำ New High ได้อีกครั้ง หนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season และการรับรู้กำลังการผลิตใหม่สำหรับการผลิตเนยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 (+25% YoY) ทำให้บริษัทสามารถรองรับออเดอร์ลูกค้าได้เพิ่มขึ้น
บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2568 ที่ 7-9% YoY แม้รายได้ในครึ่งปีแรกจะเติบโตถึง 22.9% YoY เนื่องจากบริษัทมองเห็นถึงความเสี่ยงจากกำลังซื้อและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง
ข้อสังเกตและประเด็นที่ต้องระวัง
หยวนต้าระบุถึงความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตา ได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรง, ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และความผันผวนของค่าเงินบาทเทียบ USD
นอกจากนี้ ธุรกิจบิสกิตยังคงหดตัวหลังจาก Makro ยกเลิกสินค้าบางรายการของบริษัทในไตรมาส 2/2568 ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังพัฒนาสูตรใหม่และคาดว่าจะสามารถนำกลับเข้าไปจำหน่ายได้ในช่วงต้นปี 2569
สรุปและคำแนะนำ
หยวนต้ายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ KCG โดยคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2568 และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมราคาเป้าหมาย 12.20 บาท อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบ และอาจพิจารณาเข้าสะสมหุ้นหลังงบไตรมาส 3/2568 เพื่อเก็งกำไรผลประกอบการในไตรมาส 4/2568