IRPC: สรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 – ฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทาย

P/E -100.00 YIELD 0.99 ราคา 1.01 (0.00%)

IRPC: สรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 – ฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทาย

สวัสดีท่านนักลงทุนทุกท่าน กลับมาพบกับ Opportunity Day ของ IRPC กันอีกครั้ง สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2568 และงวด 6 เดือนปี 2568

วันนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารมาร่วมแถลงผลประกอบการ ได้แก่ คุณเอธิตา อนันตทุรกานต์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ และคุณมนทกานต์ นาราช ผู้จัดการอาวุโสนักลงทุนสัมพันธ์

วันนี้จะขอเสนอ 3 หัวข้อด้วยกัน ได้แก่ Key Highlights, Business at a Glance และ Financial Performance

เริ่มดูกันในพาร์ทแรก Financial Performance Highlights ของไตรมาส 2 ปี 2568 IRPC มี Refinery Utilization Rate อยู่ที่ 99% หรือ 205 KBD เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

Market GIM อยู่ที่ 8.41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ 5,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อน หรือคิดเป็น 2.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ 1,333 ล้านบาท โดยหลักเพิ่มขึ้นจากการที่ Gross Refining Margin หรือ GRM ปรับเพิ่มขึ้น

จากการที่ปิโตรเลียมสเปรดปรับตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาล

นอกจากนี้ Product to Feed Margin หรือ P2F เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการที่โอเลฟินสเปรดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนราคาวัตถุดิบที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบจากต้นทุน Crude Premium ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เมื่อสุทธิแล้วส่งผลให้ Market GIM เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

EBITDA อยู่ที่ 223 ล้านบาท ลดลง 86% หรือ 1,373 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน โดยหลักจากการรับรู้ Stock Loss ในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เนื่องด้วยมาตรการภาษีของสหรัฐและการปรับเพิ่มการผลิตของ OPEC+

Net Income เป็นติดลบอยู่ที่ 2,132 ล้านบาท ลดลง 77% หรือ 926 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน ซึ่งโดยหลักมาจากการบันทึก Stock Loss ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ และมีผลขาดทุนจาก Unrealized Oil Hedging และขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกคือกำไรจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้ในไตรมาส 2 ปี 2568 บันทึกขาดทุนสุทธิ 2,132 ล้านบาท

สไลด์ถัดไปแสดงเกี่ยวกับกิจกรรมที่ IRPC ได้เข้าร่วมในไตรมาส 2 ปี 2568 จัดหมวดหมู่กิจกรรมให้เข้ากับ ESG

  1. Environment:
    • 30 เมษายน: IRPC เข้ารับโล่แสดงความขอบคุณและร่วมประกาศเจตนารมณ์เครือข่ายอนุรักษ์พลังงานปี 2568 จัดโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน
    • 24 มิถุนายน: IRPC ได้รับประกาศผลการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอน ประเภท Carbon Neutral Event จากงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก องค์การมหาชน
  2. Social:
    • 4 เมษายน: IRPC ส่งมอบผ้าพลาสติกสานเคลือบสารกันน้ำให้แก่กองทัพไทย เพื่อนำไปสร้างเป็นเต็นท์ที่พักพิงชั่วคราวให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เมียนมาร์
    • 1 เมษายน: IRPC ส่งมอบถุงใส่ขยะติดเชื้อให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่ตึกถล่ม สตง.
  3. Governance:
    • 8 พฤษภาคม: IRPC ร่วมเปิดตัวโครงการ "แรกรัก(ษ์) เรา(เรา) ร้อง เสริมพลัง แจ้งเบาะแส ต้านคอร์รัปชัน อย่างเป็นรูปธรรม" เพื่อประเทศไทยโปร่งใสไร้คอร์รัปชัน จัดโดยแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช.
    • 27 มิถุนายน: IRPC รับรางวัลจากงาน Asian Excellence Awards 2025 จัดโดยนิตยสาร Corporate Governance Asia ที่ฮ่องกง โดย IRPC ได้รับ 5 รางวัล ได้แก่ รางวัล CEO ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย, รางวัล CFO ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย, รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม, รางวัลบริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม และรางวัลความยั่งยืนแห่งเอเชีย

Business at a Glance: Corporate Strategy

IRPC มีการทำ Strategy ออกมาในรูปแบบของ 4R กับ 3S โดยวางแผนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวไปจนถึงปี 2573 กลยุทธ์ที่สำคัญในส่วนของ 4R ได้แก่

  1. Recapitalize: Align กับแผนทั้งกลุ่ม ปตท. โดยกำลังทำในส่วนของ Asset Monetization ทั้งในส่วนที่เป็น Intangible Asset กับ Tangible Asset ซึ่ง Asset เหล่านี้จะไม่ใช่ธุรกิจหลัก กำลังศึกษาและเริ่มดำเนินการเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจ เพื่อให้เงินสดเข้ามาในช่วงปลายปี 2568 ถึงไตรมาส 1 ปีหน้า และจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ามาช่วยในส่วนของผลการดำเนินงานของปีนี้ด้วย
  2. Revitalize: เป็นเรื่องของ Internal Process พยายามสร้างให้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของ IRPC เอง โดยผ่านธีมที่เป็นเรื่อง Sprint ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง เน้นหนักในเรื่อง Commercial Excellence และ Synergy ภายใน Plant ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงระยะยาว
  3. Reinvent: หลังจากการ Recapitalize แล้ว จะได้เงินสดเข้ามา นอกจากการนำไปช่วยชำระหนี้ในบางส่วนแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการลงทุนในธุรกิจใหม่ตาม Strategy ที่ตั้งเอาไว้ โดยตัวเดิมจะเป็นในส่วนของ 5 Area ของธุรกิจใหม่ จะมีในเรื่องของ Health and Life Science ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล มีการทำ JV ร่วมกับกลุ่มโรงพยาบาลปิยะเวชช์ บางปะกอก ในการสร้างโรงพยาบาลที่ระยอง และในส่วนของ Advanced Material จะมีการทำ JV ร่วมกับ Player ในการทำสีและสารเคลือบต่างๆ ในส่วนที่เป็น Green and Circular จะเป็นในส่วนที่ทำในเรื่องของ Solar Farm นอกจากนี้ก็จะมีการนำไปปรับปรุง Asset เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปัจจุบันให้ดีขึ้น
  4. Reframe: มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาทั้งในเรื่องบุคลากร Upskill Reskill ต่างๆ ในเรื่องของ Finance และในส่วนของ Digital มีการนำ IT เข้ามาใช้ในระบบ ทั้งระบบการผลิตและระบบการทำงานหลังบ้าน

ส่วนในเรื่องของตัว 3S จะมีในส่วนที่เป็น Strive the Target, Strength the Core และ Sustain Long-Term Growth ซึ่งตรงนี้ก็ทำควบคู่ประกอบกันไปกับตัว 4R ด้วย

Financial Strategy: ถึงแม้ว่าผลประกอบการอาจจะยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมากนัก IRPC ก็มีกลยุทธ์ทางการเงินเพื่อรักษาสเถียรภาพของบริษัทให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

  1. พยายาม Reserve Cash ให้เพียงพอมากที่สุด มีขั้นต่ำของการกำหนด Minimum Cash Flow เอาไว้ อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 - 3,000 ล้านบาท
  2. ในส่วนของ Performance ซึ่งจะเป็นตัวที่นำตัว EBITDA เข้ามาในบริษัท ก็มีการทำ Commercial Excellence และ Performance Uplift โดยผ่านตัวของ Sprint มีการทำทั้งในตัวของ Plant เพื่อลดการผลิต ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ และมีการหากำไรส่วนเพิ่มเนื่องจากตัวของธีม Sprint นี้ด้วย
  3. มีการดูแลและ Monitor การใช้ OPEC อย่างต่อเนื่อง ได้เริ่มเข้าไปดูในส่วนที่เป็น Cost Structure ในส่วนที่เป็นตัว Overhead ของ Plant เพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันกับ Peers ในธุรกิจเดียวกันได้
  4. มีการขอขยายเวลาการชำระค่าวัตถุดิบ ในส่วนที่เรียกว่า Extend Trade Credit มีเริ่มมีการขอเจรจาจากทางบริษัทแม่ เพื่อที่จะขอเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาไป ซึ่งจะทำให้ตัวของบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นเพิ่มขึ้น สามารถนำมาใช้ประกอบกิจการและใช้ในการที่ไม่ต้องไปกู้เงินในส่วนของ PN ระยะสั้นได้

นอกจากนี้ก็ในส่วนของเรื่องของการเงินก็เป็นเรื่องของ Discipline กับเรื่องของ Financial Health จะมีการ Monitor ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับพวกสัญญากู้เงิน เช่น พวก DSCR และพวก Net Interest Bearing Debt per Equity จะต้อง Monitor เป็นประจำทุกๆ เดือนเพื่อไม่ให้เกินตัว Threshold ที่กำหนดไว้ และดูในส่วนของ Threshold ที่ Credit Rating กำหนดไว้ด้วย เพราะขณะนี้ IRPC เอง อยู่ Credit Rating อยู่ในระดับ A- นอกจากนี้ IRPC เองมีบริษัทในเครืออยู่ประมาณ 10 กว่าบริษัท ก็เข้าไปดูแลและกำหนดนโยบายทางการเงินให้กับทุกบริษัทเพื่อให้ปฏิบัติตามไปในทิศทางเดียวกัน ทุกบริษัทก็มีเงินสภาพคล่องเพียงพอและมี Ratio ที่อยู่ใน Threshold ที่กำหนด

Financial Performance Key Drivers

  • Dubai Crude Oil Price: ไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 66.91 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงประมาณ 10 เหรียญ มาจากผลกระทบของความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีของ US ที่มีต่อประเทศคู่ค้า และ OPEC+ ปรับเพิ่มการผลิต
  • FX (Foreign Exchange): Ending ของไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 34.09 และ Ending ของไตรมาส 2 อยู่ที่ 32.72 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 40 สตางค์ ทำให้ IRPC มี FX Gain จาก Financial Derivative อยู่ที่ 167 ล้านบาท
  • Gross Refining Margin (GRM): กำไรขั้นต้นของธุรกิจปิโตรเลียม ไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 5.37 เหรียญ ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 50 สตางค์ มาจากการที่ปิโตรเลียมสเปรดส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาล

ครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 4.65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 30 สตางค์ มาจากการที่ Loop Base Spread ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคา Feed Stock (น้ำมันเตา) ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ในขณะที่ Refinery Spread ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง และ Crude Premium ก็เพิ่มขึ้น

  • Product to Feed Margin (P2F): อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจปิโตรเคมี ไตรมาสเทียบไตรมาส ไตรมาส 2 ปี 2568 P2F อยู่ที่ 2.05 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณเกือบๆ 70 สตางค์ มาจากสาเหตุที่โอเลฟินสเปรดปรับตัวเพิ่มขึ้น

ครึ่งปี 2568 เทียบกับครึ่งปี 2567 ครึ่งปีแรก P2F อยู่ที่ 1.74 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยหรือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม โดยหลักมาจากการที่ HDPE Spread ปรับตัวลดลง ซึ่งก็เป็นผลจากการที่ทั้งราคา HDPE และราคา Feed Stock (แนฟทา) ปรับตัวลดลง

Financial Highlights

  • ไตรมาส 2 ปี 2568 มีผลขาดทุนสุทธิ 2,132 ล้านบาท เป็นขาดทุนเพิ่มขึ้น 926 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
  • Sales Volume: ปิโตรเลียมอยู่ที่ 15.8 ล้าน เพิ่มขึ้น 2% ในขณะที่ปิโตรเคมีคอลอยู่ที่ 367 ลดลง 1%
  • Net Sales: อยู่ที่ 57,000 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9% ซึ่งก็เป็นผลมาจากการลดลงในมุมของราคา (ลดลง 10% ตามราคาน้ำมันดิบ) ในขณะที่ตัวปริมาณก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1%
  • Market GIM: อยู่ที่ 8.41 เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เหรียญนิดๆ เป็นผลมาจากการที่แก๊สโซลีนสเปรดปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก และ HDPE Spread เองก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
  • ไตรมาส 2 บริษัทมี Net Inventory Loss อยู่ที่ 3.25 เหรียญ เมื่อเทียบกับในไตรมาสที่แล้วที่มี Net Inventory Gain อยู่ที่ 1.03
  • EBITDA ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 223 ล้านบาท ปรับตัวลดลงประมาณ 1,400 ล้านบาท
  • ไตรมาส 2 IRPC มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 21,132 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 900 ล้านบาทเมื่อเทียบกับในไตรมาสที่แล้ว

Financial Position

  • ณ สิ้นไตรมาส 2 IRPC มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 177,609 ล้านบาท ปรับตัวลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 โดยหลักมาจากการที่เงินสดลดลงประมาณ 2,300 ล้านบาท (เป็นการชำระ Short-Term Loan)
  • Current Asset ก็ปรับตัวลดลงประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็เป็นการปรับตัวลดลงจาก Inventory
  • Liability ลดลงประมาณ 3,300 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของหนี้สินหมุนเวียนอื่น (Short-Term Loan ลดลง)
  • Shareholder Equity ลดลงประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยหลักมาจากการดำเนินงานที่ขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568

Cash Flow

  • ในไตรมาส 2 ลดลงประมาณ 2,300 ล้านบาท ทำให้ Cash on Hand ในสิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 7,600
  • Cash Flow From Operation: เป็น Cash Outflow ไป 665 ส่วนใหญ่มาจากเจ้าหนี้ที่ลดลง, ลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้น และเจ้าหนี้การค้าอื่นลดลง ในขณะที่กระแสเงินสดมาจาก EBITDA เป็นบวกอยู่ที่ประมาณ 1,900 ล้านบาท
  • Cash Flow From Investment: เป็นกระแสเงินสดจ่ายออกไป 622 ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
  • Cash Flow From Financing: เป็น Cash Outflow ออกไปประมาณ 1,000 ล้านบาท เป็นการจ่ายชำระ Short-Term และ Long-Term Loan จ่ายดอกเบี้ย ประกอบกับการที่บริษัทมีการออกหุ้นกู้ด้วย

Financial Ratio

  • ไตรมาส 2 ปี 2568 Net Interest Bearing Debt ต่อ Equity อยู่ที่ 0.97
  • DSCR ของปี 2567 อยู่ที่ 1.55 เท่า อยู่ใน Covenant Ratio ทั้งคู่
  • Credit Rating: IRPC ได้รับการจัดอันดับ Credit Rating ที่ระดับ A- Stable Outlook

Maintenance Shutdown

  • บริษัทได้วางแผน Maintenance Shutdown โดยพิจารณาสถานการณ์การตลาดและ Condition ของโรงงานอย่างถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุดในระยะยาว
  • ในช่วงครึ่งปีหลัง ในส่วนของธุรกิจหลักของธุรกิจปิโตรเลียม จะไม่มีแผนที่จะมี Maintenance Shutdown
  • ในส่วนของธุรกิจหลักอีกส่วนหนึ่งคือปิโตรเคมีคอล มีการวางแผนว่าจะซ่อมบำรุงเครื่องจักร โดยมีในส่วนของ Product HDPE Shutdown เฉลี่ยประมาณ 8 วัน (สิงหาคม-กันยายน)
  • PP ประมาณ 2 วัน (พฤศจิกายน)
  • PS คาดการณ์ว่าจะ Shutdown ประมาณ 3 วัน (พฤศจิกายน) เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ให้ความร้อนตามกฎหมาย

Q&A Session (เริ่ม 00:22:15)

  1. แผน Maintenance Shutdown ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 เป็นอย่างไร?
  2. แนวโน้ม Outlook ของปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร? แนวโน้มสถานการณ์ตลาดน้ำมันดิบและตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 3 มองไว้อย่างไรบ้าง?
  3. คาดว่าไตรมาส 3 ปี 2568 IRPC จะมีผลขาดทุนต่ออีกหรือไม่ และถ้ายังมีผลขาดทุนสาเหตุมาจากอะไร?
  4. ขอทราบภาพรวมครึ่งปีหลัง ประเมินสถานการณ์ธุรกิจไว้อย่างไรบ้าง? แผนธุรกิจของปีนี้จะยังคงเป้าหมายเดิมหรือไม่?
  5. ช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีผลขาดทุนจาก Stock น้ำมันก้อนใหญ่อีกหรือไม่?
  6. คาดการณ์ปริมาณขายในปีนี้ไว้อย่างไรบ้าง? ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นอย่างไร?
  7. ปัจจุบันการเก็บ Stock น้ำมันของบริษัทถือว่าเหมาะสมแล้วหรือยัง? มีแผนการลด Stock น้ำมันอีกหรือไม่?
  8. ปัจจุบันต้นทุนการเงินของบริษัทอยู่ที่เท่าไร? กี่เปอร์เซ็นต์? สัดส่วนเงินบาทและ USD เป็นอย่างไรบ้าง? มีแนวโน้มลดลงตามนโยบายการเงินหรือไม่?
  9. แผนการหาพันธมิตรคืบหน้าถึงไหนแล้ว และจะมาเสริมในส่วนไหนให้กับ IRPC เพื่อความแข็งแกร่ง?

IRPC วางแผนที่จะ Maintenances Shutdown โดยพิจารณาสถานการณ์ตลาดและสภาพของโรงงาน บริษัทคาดว่า Spread จะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย แต่มีปัจจัยบวกจากความต้องการตามฤดูกาล และมีปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนของนโยบายของสหรัฐฯ และ OPEC อาจกลับมาลดกำลังการผลิต IRPC พยายามที่จะบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและรักษาความสามารถในการแข่งขัน

โพสต์ล่าสุด