เจาะลึก Oppday TKN: เถ้าแก่น้อยฟื้นกลยุทธ์ พิชิตตลาด Q2/2568 พร้อมแผนบุกปีหน้า!

P/E 12.71 YIELD 12.57 ราคา 4.06 (0.00%)

เจาะลึก Oppday TKN: เถ้าแก่น้อยฟื้นกลยุทธ์ พิชิตตลาด Q2/2568 พร้อมแผนบุกปีหน้า!

สรุปผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2568 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 ของบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN โดยทีมผู้บริหารได้นำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยอดขาย, ต้นทุน, กำไร, และแนวโน้มธุรกิจในอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

รายได้รวมในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 1,302 ล้านบาท และ 6 เดือนแรกทำยอดขายได้ 2,640 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) 5.2% กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกอยู่ที่ 185 ล้านบาท หรือ 7% ของยอดขาย สัดส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 44% และส่งออก 56% ประเทศหลักยังคงเป็นไทย, จีน, สหรัฐฯ, อินโดนีเซีย, และมาเลเซีย

  • **ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ:**
    • ต้นทุนสาหร่ายในปี 2567 ที่นำมาใช้ในครึ่งปีแรกของปี 2568 มีราคาสูงกว่าปีก่อน
    • การเปลี่ยนแปลงในช่องทางการขายหลักในตลาดจีน
  • **ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญ:**
    • ยอดขายไตรมาส 2/2568: 1,302 ล้านบาท (ลดลง 8% YoY)
    • Gross Margin ไตรมาส 2/2568: 27.2%
    • Net Profit ไตรมาส 2/2568: 86.4 ล้านบาท (Net Profit Margin 6.6%)
    • ยอดขาย 6 เดือนแรก: 2,640 ล้านบาท (ลดลง 5.2% YoY)
    • Gross Profit Margin เฉลี่ย 6 เดือนแรก: 27.1%
    • Net Profit 6 เดือนแรก: 185 ล้านบาท (7% ของยอดขาย)

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการขยายสินค้าใหม่ๆ และกิจกรรมทางการตลาดที่มุ่งเน้นการขยายสินค้าในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership) และ OEM เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

  • **กลยุทธ์ในการคว้าโอกาส:**
    • เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่สำหรับสินค้า topping (สาหร่ายโรยข้าว)
    • ร่วมทุนกับ Major Popcorn เพื่อผลิตและจำหน่าย popcorn ในประเทศและต่างประเทศ
    • ออกสินค้า OEM ภายใต้แบรนด์ใหม่ "Super Grub"
    • ร่วมมือกับเจ้าสัวในการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า
    • ร่วมมือกับ Premium Marketing ในการพัฒนาสินค้าใหม่

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน, การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น, ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น, และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

  • **ความเสี่ยงที่สำคัญ:**
    • การแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
    • ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในบางประเทศ
    • ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
    • ผลกระทบจากภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ โดยเน้นการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละตลาด, การควบคุมต้นทุน, การพัฒนาสินค้าใหม่, และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

  • **แผนการดำเนินการและกลยุทธ์:**
    • ปรับปรุงกลยุทธ์ Go-to-Market ในแต่ละประเทศ
    • เน้นการตลาดออนไลน์ในจีน
    • พัฒนาสินค้าใหม่และขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภค
    • ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
    • ควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค, และการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร

  • **เป้าหมายและแผนการเติบโตในระยะยาว:**
    • รักษาความเป็นผู้นำในตลาดสาหร่าย
    • ขยายสู่สินค้า snack ประเภทอื่นๆ
    • เพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศ
    • สร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ในระดับโลก

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้น นาทีที่ 46:55

Q&A Session มีผู้สนใจสอบถามเกี่ยวกับกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงานของ TKN ในหลากหลายประเด็น โดยผู้บริหารได้ตอบคำถามอย่างละเอียดและครอบคลุม ดังนี้:

  1. Q: สัดส่วนรายได้จากจีนเป็นอย่างไร และมีแผนรับมือความผันผวนอย่างไร?

    A: สัดส่วนรายได้จากจีนค่อนข้างสูง ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ บริษัทจึงเน้นการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นๆ และปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

  2. Q: แผนการลงทุนในตลาด emerging markets เป็นอย่างไร?

    A: บริษัทให้ความสนใจตลาด emerging markets และมองว่าเป็นโอกาสในการเติบโตในระยะยาว แต่จะพิจารณาลงทุนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและศักยภาพในการทำกำไร

  3. Q: มองเทรนด์ Plant-Based Food อย่างไร และมีแผนพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้หรือไม่?

    A: บริษัทมองว่า Plant-Based Food เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการเติบโต จึงมีแผนพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้ โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านสาหร่ายเป็นพื้นฐาน

  4. Q: กลยุทธ์การรักษา gross margin ในภาวะต้นทุนวัตถุดิบผันผวนเป็นอย่างไร?

    A: บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยลดต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ ยังมีการปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป

  5. Q: มีการ Rebrand หรือสร้าง Brand Loyalty อย่างไร?

    A: บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้าง Brand Awareness อย่างต่อเนื่อง

  6. Q: Update ตลาดอเมริกา หลังจากโดน Tariff?

    A: บริษัทปรับกลยุทธ์โดยเน้นขยายช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก Tariff และพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอเมริกา

ชื่อหัวข้อคำถามและคำตอบ (Q&A Session)

  • จีน: รับมือความผันผวน
  • Emerging Markets: โอกาสและการลงทุน
  • Plant-Based: เทรนด์และการพัฒนา
  • Gross Margin: บริหารต้นทุน
  • Brand Loyalty: สร้างความสัมพันธ์
  • USA: ผลกระทบ Tariff

โดยสรุป TKN ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุน, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด, และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

โพสต์ล่าสุด