SFT Oppday Q2/2568: เจาะลึกกลยุทธ์เติบโต สู่เป้าหมาย 1 พันล้าน

P/E 15.43 YIELD 1.54 ราคา 2.22 (0.00%)

SFT Oppday Q2/2568: เจาะลึกกลยุทธ์เติบโต สู่เป้าหมาย 1 พันล้าน

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

บริษัท ชิงเฟ็กซ์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) นำเสนอภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

  • กำลังการผลิต: ระบบการพิมพ์แบบกราเวียร์มีกำลังการผลิต 1.5 ล้านเมตรต่อปี และระบบการพิมพ์ดิจิทัลมีกำลังการผลิต 4.517 ล้านเมตรต่อปี
  • การขยายฐานลูกค้า: รองรับการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องดื่ม, ของใช้ในครัวเรือน, อาหาร, และเครื่องสำอาง
  • การยกระดับมาตรฐาน: บริษัทได้ยกระดับมาตรฐานต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก:

  • รายได้รวม: เติบโต 6.8% year-on-year
  • กำไรสุทธิ: เติบโต 90.3% year-on-year

ปัจจัยสำคัญ:

  • การออกงานแสดงสินค้า: เข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ เช่น Thaifex และ Cosmoprof เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า SME มากขึ้น
  • การขยายผลิตภัณฑ์: ขยายผลิตภัณฑ์ในส่วนของ Flexible Packaging เช่น Paper Pouch และ Die-Cut Pouch
  • การได้รับการรับรอง CAC: ได้รับการรับรองเป็น Member จาก CAC ซึ่งมีระยะเวลาการรับรอง 3 ปี
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการเติบโตในด้านต่างๆ ดังนี้:

  • ตลาด Flexible Packaging: ตลาดบรรจุภัณฑ์อ่อนตัวมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
  • กลุ่มลูกค้า SME: ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม SME ผ่านการออก Roadshow และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ
  • สินค้าพรีเมียมและ Green Packaging: พัฒนาสินค้าพรีเมียมและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

กลยุทธ์:

  • มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth)
  • ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
  • สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและคู่ค้า
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น:

  • การแข่งขันในตลาด: การแข่งขันที่สูงในตลาดบรรจุภัณฑ์
  • ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ: ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยน
  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:

  • การบริหารจัดการต้นทุน: ควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์: พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในตลาดบรรจุภัณฑ์และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายดังนี้:

  • เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Flexible Packaging
  • ขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ๆ
  • พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

บริษัทคาดการณ์ว่าแนวโน้มของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่:

  • บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Packaging)
  • บรรจุภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized Packaging)
  • บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reusable Packaging)
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** [เริ่ม Q&A นาทีที่ 52:17]
  1. **Customer Portfolio**
    • คำถาม: การที่สัดส่วนลูกค้า Top 10 ลดลง มีผลต่อกำไรหรือ Margin อย่างไร?
    • คำตอบ: บริษัทพยายามกระจาย Portfolio ในทุก Segment อยู่แล้ว แม้น้ำดื่มจะเป็นตลาดที่มี Volume มากสุด แต่ก็มีการแข่งขันสูงสุด บริษัทจึงต้องกระจายความเสี่ยงและหาลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทนเสมอ
  2. **Household Product**
    • คำถาม: Household Product มีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาจากกลุ่มสินค้าอะไร?
    • คำตอบ: มาจากพวกแป้ง, ครีมอาบน้ำ จากลูกค้า Multinational และ SME ที่ทำ OEM ส่วนใหญ่เป็นพวกครีมอาบน้ำ, มาส์กหน้า
  3. **Flexible Packaging**
    • คำถาม: Flexible Packaging มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะสามารถรักษา Momentum ได้หรือไม่?
    • คำตอบ: ถ้ามีกำลังการผลิตเหลืออยู่ ต้องหา Order ให้เต็มอยู่แล้ว มีลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ Momentum ยังต่อเนื่อง เพราะต้องการเอาตัว Premium เข้ามาแทนตัว Shrink Label ที่ตลาดล่าง
  4. **US Tariff**
    • คำถาม: US Tariff มีผลต่อคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ส่งออกไป US บ้างหรือไม่?
    • คำตอบ: Q3 น่าจะมีผลกระทบ แต่ Q4 ไม่น่ามี เพราะทุกคนยังชะลอดูอยู่ ตลาดอาหารและน้ำดื่มของบริษัทใหญ่มาก กระทบน้อยมากเพราะส่งทั่วโลก ตลาดในจีนก็ใหญ่มาก
  5. **High/Low Season**
    • คำถาม: High Season ของบริษัทตอนนี้คาดว่าน่าจะเป็นอย่างไร?
    • คำตอบ: High Season ยังเป็น Q2 อยู่ แต่พยายามมอง Q3 และ Q4 จะเอาตัว Flexible มาช่วย
  6. **ค่าใช้จ่าย**
    • คำถาม: ภาพรวมของปีนี้ จะสามารถรักษาระดับค่าใช้จ่ายได้หรือไม่?
    • คำตอบ: ค่าใช้จ่ายไม่น่ามีปัญหา ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 4 เดือน ต้นทุนของ Romat ไม่ว่าจะขึ้นหรืออัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ก็ใช้ Average อยู่แล้ว
  7. **SME Focus**
    • คำถาม: กลยุทธ์การเข้าหาลูกค้า SME โฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์ไหน และจะ Maintain Order ระยะกลาง-ยาว อย่างไร?
    • คำตอบ: ตลาด SME เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ลูกค้าบริษัทใหญ่ก็เป็น OEM ของ SME อยู่ดี ไม่ว่าจะ Deal ตรงกับ SME กลุ่มเล็ก หรือ Deal กับบริษัทใหญ่ที่ OEM ให้บริษัท SME ก็ตาม มันมีหลากหลายช่องทาง
  8. **การเติบโตปีหน้า**
    • คำถาม: ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตปีหน้าไว้อย่างไร?
    • คำตอบ: ตั้งเป้าไว้ 10% ทุกปี อย่างน้อย 10% อยู่แล้ว ปีนี้ ณ ปัจจุบันน่าจะ 6-7% ปีหน้าก็ตั้งเป้าไว้ 10%
**หัวข้อคำถามเพิ่มเติม:**
  • Customer Portfolio
  • Household Product
  • Flexible Packaging
  • US Tariff
  • High/Low Season
  • ค่าใช้จ่าย
  • SME Focus
  • การเติบโตปีหน้า

สรุป: ชิงเฟ็กซ์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยมีการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้า, พัฒนาผลิตภัณฑ์, และควบคุมต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน

โพสต์ล่าสุด