บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
FTE ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ! ชู Data Center เป็นหัวหอกดันรายได้ปี 2568 ทะลุ 1,490 ล้านบาท
P/E 9.32 YIELD 9.04 ราคา 1.77 (0.00%)
FTE ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ! ชู Data Center เป็นหัวหอกดันรายได้ปี 2568 ทะลุ 1,490 ล้านบาท
สวัสดีครับ ผมปรินทร์ บุรีคำ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มหาชน วันนี้เป็นรอบครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่เราจะมาพบกันใน Opportunity Day ของไฟร์เทรด ขอสวัสดีผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้ที่สนใจรับฟัง Opportunity Day ของไฟร์เทรดในวันนี้
ขอแนะนำบริษัท เราเป็นผู้นำการจัดจำหน่ายระบบดับเพลิง ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ในประเทศไทย เรานำเข้าอุปกรณ์ชั้นนำของโลก เราออกแบบ เราทำเรื่องวิศวกรรมเกี่ยวกับงานดับเพลิง เราทำงานติดตั้ง งานประเมินความเสี่ยง และรวมไปถึงงานบริการหลังการขาย หรือ Preventative Maintenance
บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง มีทุนจดทะเบียน 330 ล้านบาท และมีบริษัทลูกที่เราถือหุ้นอยู่ 99.99% ชื่อว่าบริษัท ไฟร์อินสเปคเตอร์ ก็เป็นบริษัทลูกที่ทำเกี่ยวกับ Fire Protection เหมือนกัน แต่จะทำตลาดในตราสินค้าอีกตราสินค้าหนึ่งที่ไม่ซับซ้อนกับไฟร์เทรด
ประวัติความเป็นมาของบริษัท ก่อตั้งเมื่อปี 2542 และจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2560 ช่วงปี 2553 เราก็มีตราสินค้าที่เป็นแบรนด์ของเราภายใต้ตราสินค้า Total Fire ซึ่งเราผลิตถังดับเพลิง และสายดับเพลิงที่เป็นกงล้อ สำหรับอาคารและก็โรงงาน
ปัจจุบัน ไฟร์เทรดมีแบรนด์ระดับโลก หรือว่าสินค้า ระดับโลกอยู่ในมือของเรามากกว่า 35 ยี่ห้อ และก็มี SKU ใน Product Line ของเรามากกว่า 11,000 SKU ผลิตภัณฑ์ที่เรานำเข้ามาก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกยอมรับในระดับสากลและก็ได้มาตรฐาน ตอนนี้เรามีทีมที่เป็นวิศวกรและก็ทีมเทคนิคมากกว่า 80 คน ทีมก็จะถนัดทั้งงานดีไซน์ งาน Service งาน Project Management เรามีทีมที่ดูแลลูกค้าเป็น Sale Engineer กว่า 60 คน ก็จะดูแลลูกค้าทั้งกลุ่ม Commercial Residential กลุ่ม Industrial และก็เรามีเซลล์ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคนิค ในงานระบบดับเพลิง ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นอย่างดี
สำหรับแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของเรานี้เป็นตัวอย่างที่เราเอามาให้ดู หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินอย่าง Honeywell Notifier System Sensor หรือจะเป็นระบบตรวจจับควันแบบพิเศษของ Securitron ระบบวาล์วจาก Nippo Taiko ระบบดับเพลิงด้วยสารสะอาดจาก Kidde และก็ LPG ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิงยี่ห้อ SPP Pump ระบบโฟมดับเพลิงของ National Foam แล้วก็เรามี Product ใหม่ๆ เข้ามาเติมพอร์ตอยู่เรื่อยๆ อย่างล่าสุดเราก็มีสายทนไฟยี่ห้อ LS Cable ซึ่งเป็นแบรนด์ของเกาหลีที่นำเข้ามาทำตลาด
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ในช่วงครึ่งปีแรกในปี 2568 ส่วนของงบการเงิน มาพูดถึงเรื่อง Relative Market Share หรือว่า Market Share ของเราในตลาดเทียบกับคู่แข่งอันดับที่ 2 ก่อน เราตีคร่าวๆ ว่าตอนนี้เราเทียบจาก Revenue เนี่ย เรานำคู่แข่งในตลาดไป 241% ในตลาดก็ถือว่าเป็นความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นในบริษัทที่ทำรายได้เพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูสัดส่วนตัวเลข Revenue Structure ในปีนี้ จะเห็นได้ว่าเรามี Structure อยู่ 2 Structure หลักๆ ก็คือ Structure แรกเป็นงานขายของ Product Sale งานที่ 2 ก็เป็นงาน Project Solution Sale แล้วก็ Service ปีนี้เรามีสัดส่วนของงานขายของกับงานโครงการ อยู่ประมาณ 60 40 ซึ่งช่วงปีที่ผ่านๆ มา ส่วนใหญ่จะอยู่ในตัวเลขประมาณ 65 35 ปีนี้เรามีงานโครงการเยอะขึ้นพอสมควรเนื่องจากว่าเรารับงานจากหลายภาคส่วนเข้ามาในลักษณะเป็นงานโครงการ
ในส่วนของ Total Revenue ตอนนี้มีครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 600 รายได้รวมอยู่ที่ 658 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.9% หรือ 65 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรก มีรายได้จากงานขายและบริการ 652 ล้านบาท มี GPM Gross Profit Margin อยู่ที่ 165 ล้านบาท คิดเป็น 25.4% อัตรา GPM ก็เท่าๆ กับปีที่แล้วโดยภาพรวม
ในส่วนของ Product Sale จะเห็นว่า มีรายได้อยู่ 395 ล้านบาท มี Cost of Good Sale อยู่ 283 ล้านบาท มี GPM อยู่ 28.4% ซึ่งทำได้ดีกว่าช่วงปีที่แล้วเกือบๆ 1% ในส่วนของงานโครงการ เรามีรายได้อยู่ประมาณ 257 ล้านบาท และก็มีต้นทุนอยู่ประมาณ 203 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น Margin ประมาณ 20.8% กำไรในงานโครงการน้อยกว่าในปีที่แล้วเล็กน้อยเนื่องจากว่างานโครงการหลายๆ โครงการ วัตถุดิบ ในงานติดตั้งแล้วก็ค่าแรง มีการปรับตัวสูงขึ้นในตลาด ทำให้ต้นทุนเราเพิ่มขึ้นมาทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของงานโครงการอาจจะ Drop ไปเล็กน้อยประมาณ 1.2% ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว
ในส่วนของค่าใช้จ่ายบริหาร หรือว่า SG&A ก็มีช่วงครึ่งปีแรกมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มสูงขึ้นจาก 13.7% เป็น 14.6% หรือประมาณ 95 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็เป็นค่าใช้จ่ายในการขาย และสาเหตุที่สัดส่วนของเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรกก็มาจากเรื่องการทำ การตลาด และเงินเดือนของทีมพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีการเพิ่มของ SG&A ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก มันก็เป็น Growth Driven ที่เราเป็น Strategy ของเราที่อยากทำการตลาดในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างทรงตัวในช่วงนี้
ในส่วนของ ECL หรือว่า Expect Credit Loss จากปีที่แล้วเนี่ยเราตั้งค่าเผื่อไว้ 5.98 ล้านบาท ปีนี้เรามีกลับรายการ ก็เป็นเป็นติดลบ 7.43 ล้านบาท ก็คือมีตั้งค่าเผื่อน้อยลง และก็ลดลงประมาณ 224.25% และก็ภาพรวมของ ECL ตอนนี้ตัวเลขอยู่ที่ 34.4 ล้าน ซึ่งเราคิดว่าตัวเลขตรงนี้ไม่น่าเพิ่มขึ้น และก็เราพยายามเร่งรัดติดตามหนี้สิน แล้วก็ถ้าติดตามได้เราก็จะกลับรายการในงวดบัญชีถัดๆ ไป เรื่องการปล่อยเครดิตกับคู่ค้า หรือว่าลูกหนี้ เราก็มีการพิจารณาเรื่องความเสี่ยงตรงนี้อย่างถี่ถ้วน ในภาวะที่มีการแข่งขันในงานรับเหมาค่อนข้างเยอะ ก็มีการตรวจสอบเรื่องงบการเงินบริษัทของคู่ค้า อัตรากำไรของคู่ค้าที่ผ่านมา รวมไปถึงงานที่ได้รับ ว่ามีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร มีโอกาสที่จะเกิด Credit Loss ตรงนี้หรือเปล่า เราก็พยายาม ให้เครดิตกับคู่ค้าที่เราเคยทำงานร่วมกันมาแล้วก็มีความเสี่ยงต่ำ
ในส่วนของ Asset ในปี 2568 ช่วงครึ่งปีแรก มี Asset อยู่ที่ 1,203 ล้านบาท ลดลงจากเดิมเล็กน้อย มี Shareholder Equity อยู่ 859 ล้านบาท มี Liability อยู่ 345 ล้านบาท DE Ratio ก็ยังเท่าๆ เดิมที่ 0.4
ในส่วนของ Inventory หรือว่าสินค้าคงคลัง ตอนนี้เรามี Inventory อยู่ในคลังลดลงจากช่วง Q4 ในปี 2567 ประมาณ 20 ล้านบาท เหลือ 424 ล้านบาท แล้วก็เรายังคงมี Stock ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งปี และจากช่วง Covid ที่ผ่านมาที่ Supply จากโรงงาน มีความผันผวนเรื่องระยะเวลาการผลิตเนี่ย ช่วงนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วก็เราคาดหวังว่าเราจะสามารถ Manage Stock ได้ดีขึ้น อาจจะลดปริมาณ Stock จากตัวเลข 424 ล้านลง
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
Business Environment ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 อยากให้ดูภาพรวมของตลาดใหญ่ในปี 2568 นิดนึง ดูตัวเลขวันที่ 25 มิถุนายน 2568 จากแบงค์ชาติ ออกมา Forecast GDP Growth ในไทยอยู่ที่ 2.3% ซึ่งตัวเลขค่อนข้างตรงกับสภา พัฒน์ที่ออกตัวเลขมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เรื่องปรับเพิ่ม GDP ไทย ในปี 2568 แต่ว่าปรับเพิ่มเนี่ย เป็นการปรับเพิ่มค่า Minimum ก็คือ ตีความหมายจากรูปซ้ายมือด้านล่าง Maximum ยังเท่าเดิม 2.3 เท่ากับที่ BOT ให้ตัวเลขมา แต่ว่า ตัวเลขที่ปรับเพิ่มเป็นค่า Minimum จาก 1.3 เป็น 1.8 ค่าเฉลี่ยกลางๆ ก็อยู่ประมาณ 2% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดโลก เพราะว่า ในตลาดโลกคิดว่าจะขยายตัวประมาณ 2.7% ไม่ว่าจะเป็นค่า Max หรือว่าค่าไหนก็แล้วแต่ ในไทยเรายังถือว่าต่ำกว่ามีในตลาดโลกที่ควรจะเป็น สาเหตุคง มาจากเรื่อง ภาษีด้วยบางส่วน และก็เรื่องการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย แล้วก็คู่แข่ง ในอาเซียนที่มีแรงดึงดูด มากกว่าในประเทศไทย รวมไปถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยว จำนวนลดลงบ้าง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ สภาพัฒน์เผยตัวเลข ไตรมาส 1 กับไตรมาส 2 ของ GDP ไทย ไตรมาส 1 3.2% ไตรมาส 2 2.8% หมายความว่าถ้าค่าเฉลี่ยของเราทั้งปีจะเป็น 2.3% ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 เราจะมี GDP ต่ำกว่า ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจเราอาจจะอยู่ใน ภาวะหดถอย ในช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ที่ GDP ลดลง นั่นก็แสดงให้เห็นถึง ภาวะหดตัวของตลาดในไทย อย่างไรก็ดี อันนี้เป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างไรก็ดีเนี่ยถ้ามาดูตัวเลข Sale Budget ตามแต่ละ Segment เนี่ย จะเห็นว่า สัดส่วนที่เราทำได้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วก็คือ Power Generation หรืองานของ Substation แล้วก็โรงไฟฟ้า งาน General Industry ในปีนี้ก็ยังดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ว่าส่วนที่ ดีกว่ามากๆ เลยก็คือ Data Center แล้วก็ Telecomm ซึ่งเดี๋ยวผมจะขยายความต่อว่า Data Center ในไทยเนี่ย มีการลงทุนเยอะมากจริงๆ แล้วก็เป็น Potential เป็น Growth Driven ในปี 2568 ในช่วงครึ่งปีหลัง แล้วรวมไปถึงปี 2569 ด้วย
ในส่วนของงานภาครัฐ ก็มี คิดว่าจะมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากว่าเริ่มมีงบประมาณที่ถูกเบิกจ่าย ได้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว งาน Oil & Gas ในปี 2568 นี้ฝั่ง Oil & Gas ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โครงการขนาดใหญ่ อีก เราไม่ได้งานมาในปีที่แล้วแล้วก็ ถือว่าเราตัดสินใจถูกที่ไม่ลงไปเล่นในตลาดนั้นเพราะว่า งานที่ทำอยู่ก็ค่อนข้าง Delay ด้วย ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมปีนี้งาน Oil & Gas เราถึงตัวเลข Drop กว่าคาด ส่วนงาน Commercial Residential Building ก็ยัง มีทรงๆ อยู่ในใจกลางเมือง คอนโดยัง ยังโอเค แล้วก็ ตึกสูงบางตึกก็มีการ Renovation มีการปรับปรุง มีการสร้างใหม่บ้าง ก็ยังถือว่า Maintain ตัวเลขฝั่ง Commercial Residential ได้ดี ในส่วนของ Data Center นี่ดีมากเลยอย่างที่ผมบอก ส่วนของ Hospitality ก็อาจจะ Drop ลงไปบ้าง
ภาพรวมในปี 2568 เราก็ Forecast ตัวเลขคร่าวๆ ไว้จากปีที่แล้วยอดขาย 1,340 ก็เป็น 1,490 ล้านบาท กลมๆ ประมาณเกือบๆ 1,500 ล้านบาท ในส่วนแรกเลย Power Generation ที่เราเน้นเนี่ยเรามีงาน EGAT ที่เรารับมาหลายงาน เป็นงานที่เรา ประมูลตรงกับ EGAT แล้วก็เป็นงานปรับปรุงระบบดับเพลิง และในปีนี้กับปีหน้าก็จะ Bit ออกมาเรื่อยๆ แต่ละงานก็มีมูลค่างานตั้งแต่ 20 ล้าน งานใหญ่ๆ เลยก็ 40 ล้าน 30 ล้านก็มี แล้วก็เราก็ยังมี Market Share ที่ ค่อนข้างโอเคสำหรับงาน EGAT แต่ว่า ช่วงครึ่งปีหลังงานที่ได้รับมาอาจจะเหนื่อยนิดนึง งานที่ประมูลมาเราก็อาจจะ กำไรขั้นต้นไม่เยอะ แต่ว่าเราจะพยายาม Manage เรื่องระยะเวลางานให้สั้นลง เพื่อลด Overhead ในงาน เพื่อทำอัตรากำไรให้เพิ่มขึ้น
ในส่วนที่ 2 ที่อยากพูดแล้วก็อาจจะพูดเยอะหน่อยในวันนี้ก็คือส่วนของ Data Center ที่ มีการลงทุนจากต่างประเทศ แล้วก็บริษัทในประเทศเองก็ดี Data Center Data Center Value Chain เนี่ยมันมีทั้ง Upstream Midstream แล้วก็ Downstream ในส่วนของ Upstream เนี่ยเราเกี่ยวข้องเต็มๆ เพราะว่า มันคือการสร้าง Data Center ในส่วนของงานรับเหมาที่จะเข้าไปเริ่มออกแบบ เริ่มสร้าง ติดตั้งระบบดับเพลิง Provide ของ เข้าไปอยู่ใน Data Center ซึ่งเราก็มีความเชี่ยวชาญใน Data Center ที่เราทำในไทยเดี๋ยวผมก็มี Reference มาให้ดูด้วย แล้วก็งานออกแบบรวมไปถึงงาน Project Management เราก็สามารถทำได้เพราะเรามีประสบการณ์แล้ว ตรงนี้จะเป็น Growth Driven ให้เราอย่างดีเลย ที่ จะเป็น ข้อดีทางตรงที่เราได้รับสำหรับการลงทุน Data Center ในไทย ถามว่ามีทางอ้อมอย่างอื่นไหมจาก Data Center ในตลาดโลกที่มันบูมเรื่อง AI นะ ก็คืออย่าง IT Equipment Semiconductor อุปกรณ์พวกนี้ มีหลายๆ โรงงานที่มาตั้งโรงงานผลิตอยู่ในไทย นอกจาก Segment ที่เป็น Data Center โดยตรงเนี่ย โรงงาน Hardware Equipment ต่างๆ เหล่านี้ เราก็ ได้ประโยชน์ว่าถ้ามีโรงงานมาตั้ง เราก็ได้เข้าไป Support ไปติดตั้งระบบดับเพลิง ใน Data Center Facility ดัง กล่าว
คราวนี้ถามว่าเราเก่งยังไงใน Data Center เรื่อง Design เรื่อง Engineering เนี่ยเราเคยทำมาหลายงาน ทั้งระบบดับเพลิง ระบบ ตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ ตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น NFPA ก็ดี FM Global ก็ดี UL Listed ก็ดี หรือแม้แต่ กฎหมายของประเทศไทยเอง เราก็สามารถทำได้หมด ในเรื่องของงานติดตั้ง Commissioning เราก็มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเข้าไปคุมเรื่องผลงาน ใน Data Center ได้ เรื่อง Project Management ความรวดเร็ว Reliability ที่เกิดขึ้น แล้วก็ ส่งมอบงานได้ทันเวลา โดยเฉพาะ Data Center ที่เป็น Tier 3 Tier 4 ที่ หยุดการ Operate ได้น้อยเนี่ย เราก็สามารถดูแลได้ แล้วก็เรามีประสบการณ์จาก Data Center ขนาดใหญ่ เรื่อง Reliability ก็เรามี Reliability ค่อนข้างสูงเพราะว่าเรามีทีม Service ค่อนข้างครบ เราสามารถเข้าไป Service ในกรณีที่มีปัญหาได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ ให้กับระบบของลูกค้า ให้ลูกค้าไว้ใจ อันนี้เป็นจุดเด่นของเราที่ เรา ต้องเรียกว่าเรา มีข้อได้เปรียบกับ เจ้าอื่นในตลาด อันนี้เป็นลูกค้าของเรา ก็มี True IDC ที่เราเข้าไปทำงานให้ ก็มี Google ที่เป็นลูกค้าด้วย มีงาน Datac ที่มาจากตะวันออกกลาง มีงาน Amazon ที่เราเข้าไปทำ มี ผู้รับเหมาอย่าง Huawei ที่เราเข้าไปร่วมงานด้วย
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ในส่วนของ Industrial อย่างที่ผมบอก ก็คือฝั่ง EEC เนี่ยก็ยังมีการเติบโตเรื่องโรงงานอุตสาหกรรมที่ดี โดยเฉพาะเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าจะมีโรงงานผลิตรถยนต์จากจีนเข้ามา แต่ว่าตรงนั้นเราอาจจะไม่ได้เข้าไป เกาะติด หรือว่าติดตาม ฝั่งนั้นมากเพราะว่าจีนเอาของเขาเข้ามาในประเทศเราเองหมดเลย เรา เราเลยไม่ได้มีโอกาสเข้าไปตรงนั้น แต่ว่าก็มีโรงงานบางโรงงานบ้างที่เป็นของจีนที่เราเข้าไปขายของ รวมไปถึงเรื่อง Green Energy ที่มาในอนาคต และอย่างที่บอก Data Center แล้วก็ Digital Infrastructure ก่อน ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดัน เทรนด์ในปี 2568 แล้วก็ 2569 เรื่อง Renewable Energy เรื่อง ESG เราก็ เล็งเห็นความสำคัญเรื่องนี้ก็หาผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ESG ไม่ว่าจะเป็นโฟมดับเพลิงก็ดี หรือว่าสารสะอาดที่เอามาดับเพลิงก็ดี พวกนี้เป็นสิ่งที่เทรนด์ในอนาคตให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทก็ ตอบรับกับเรื่อง ESG รวมไปถึงตัวบริษัทเองก็ทำแผนเรื่อง ESG ด้วย สิ่งที่เป็นกังวลก็คือเรื่อง Labor Market แม้ว่าเราจะมี Conflict กับกัมพูชา ถามว่ากระทบกับบริษัทเรื่องแรงงานจากกัมพูชาไหม ของตัวบริษัทเองไม่ได้มีแรงงานจากกัมพูชา เยอะ แล้วก็เรียกว่าแทบจะไม่มีเลย เลยไม่ได้กระทบจากเรื่องนี้นะครับ แต่ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือเรื่องค่าครองชีพ แล้วก็ แรงงานที่หายากที่มีสกิลในตลาด ก็ทำให้ คอร์สเรื่อง Labor เนี่ย เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะงาน Data Center ที่ต้องเร่งเรื่องเวลาเนี่ย แต่ละบริษัทก็พยายามจะ Recruit คนเข้าไปทำในงาน Data Center พอทุกคน Recruit ก็หมายความว่า มันมี Demand เยอะ แต่ว่ามี Supply เรื่อง Labor ในตลาดที่มีฝีมือ มีความรวดเร็ว มีประสบการณ์ไม่เยอะ ก็เกิดการแข่งขันกันเรื่องการจ้างงาน เรื่องราคากันเกิดขึ้น แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งที่เรานั่น แต่เราก็มีพาร์ทเนอร์ที่ดีที่ร่วมเรา ร่วมงานกับเรามานาน แล้วเราก็เทรนนิ่งให้กับ Supp หรือว่าพาร์ทเนอร์รายใหม่ๆ ในงาน Data Center ด้วย และก็เรื่อง Global Economic ก็มีเรื่อง Tarif นะครับ ที่ ที่ อาจจะมีผลเรื่อง เรื่องการส่งออก ภาพรวมของธุรกิจภายในประเทศ พอมีผลเรื่องการส่งออกปุ๊บ การขยาย โรงงานเพิ่มเฟสต่างๆ ในโรงงานเดิมของไทย ในประเทศไทย หรือว่าการ ลงทุนอย่างต่างประเทศก็อาจจะชะลอตัว นี้เป็นเอฟเฟคที่เราเกิดขึ้น แต่เราไม่ได้เจอเอฟเฟคเรื่องภาษีตรงๆ เพราะว่าเราไม่ได้ทำเรื่องส่งออก นะครับ แล้วก็เรื่อง High Rise Building Construction ที่มันมี Supply ค่อนข้างเยอะอันนี้เราก็เป็นห่วงเหมือนกัน แต่ว่า ตอนนี้ High Rise Building ก็คืองาน Renovation งานโรงแรม หรือว่างานสร้างโรงแรมเนี่ยยังดีอยู่ รวมไปถึงคอนโดมิเนียม ในเมืองก็ยังโอเคอยู่ แต่ว่าในส่วนของ ออฟฟิศให้เช่า หรือว่า Department Store ใน กรุงเทพฯ เนี่ยก็ค่อนข้างเยอะ ก็จะมีงานที่เป็นไฮไลท์ที่รอเกาะติดอยู่ประมาณ 2-3 งานในกรุงเทพฯ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
ในส่วนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบนั้น บริษัทมีกลยุทธ์หลักดังนี้
- มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ
- บริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
- ติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
- ขยายตลาดและหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดระยะเวลางาน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
จากข้อมูลและสถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในอนาคตมีดังนี้
- Data Center ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
- Green Energy และ ESG จะเป็นเทรนด์สำคัญที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ
- การแข่งขันในตลาดจะยังคงสูง
- การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายจะมีผลต่อความสามารถในการทำกำไร
บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้และส่วนแบ่งการตลาด โดยมุ่งเน้นที่การเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:15]
-
Q: มองไปปีหน้าจะสามารถเติบโตได้อีกไหมครับ จากอุตสาหกรรมใด?
A: ภาพรวมตลาดในประเทศไทย Forecast ออกมาดูไม่ค่อยดี แต่ผมคิดว่าตลาดโรงงานอุตสาหกรรม และ Data Center ที่บริษัท Focus มากๆ และเรามีข้อได้เปรียบคือมีประสบการณ์ในงาน Data Center แล้ว เราเริ่มค่อนข้างไว และโชคดีที่เราได้งานมามีประสบการณ์ตรงนี้มา ก็เป็นเป็นที่ไว้ใจของลูกค้าหลายๆ ที่ให้เราทำงาน
-
Q: แนวโน้มของ ECL เป็นอย่างไรบ้างครับ?
A: Expect Credit Loss คิดว่าในช่วง Q3 Q4 ไม่น่าจะมีตรงไหนน่าเป็นห่วง เราก็เข้มงวดเรื่องการปล่อยเครดิตกับลูกค้า อาจจะมีผู้รับเหมาบางเจ้าบ้างที่กำลังคุยเจรจาเรื่อง Overdue Payment กันอยู่ แต่ก็คุยกันเนิ่นๆ และก็มีนิมิตหมายที่ดีที่จะมีการทยอยชำระเข้ามา
-
Q: Tarif นำเข้า 0% ในส่วนของการนำเข้า ถ้า 0% เราได้เปรียบ?
A: ใช่ เราได้เปรียบ เพราะสินค้าบางสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เราจะได้เปรียบเรื่องภาษีนำเข้า 0% แต่งานส่งออกเราไม่ได้ส่งออกไปอเมริกาอยู่แล้ว เรื่อง Tarif ก็อาจจะมีผลเรื่องนำเข้าอย่างเดิม เราเสียภาษี 5% 10% ถ้ามันเป็น 0% จริง ก็บริษัทก็จะมีต้นทุนถูกลง
-
Q: ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอตัวบ้างไหมครับ?
A: ถ้าภาพรวมเศรษฐกิจ ผมมองว่าใช่ แต่ของบริษัทเอง ถ้าดูจากตัวเลข Backlog แล้วก็งานที่ Follow Up อยู่ จากเทรนด์ของ Data Center คิดว่ายังเป็นไปตามแผน
-
Q: ธุรกิจมี Seasonal ไหมครับ ไตรมาสไหนสูงสุด ต่ำสุด?
A: ธุรกิจเราไม่ได้มี Seasonal แต่ช่วงปลายปี ทำไมจะสังเกตเห็นว่าช่วง Q3 Q4 งบของบริษัทมักจะมีตัวเลขค่อนข้างโอเค คือช่วง Q3 Q4 เนี่ยเป็นช่วงที่ทุกคนเร่งทำงานให้เสร็จภายใน Timeline ในปี จะบอกว่าเป็น Seasonal เลย ก็ไม่ใช่ Seasonal ซะทีเดียว แต่ว่าช่วง Q3 Q4 เนี่ยเป็นช่วงที่ผู้รับเหมาเร่งงาน มันก็เลยทำให้ช่วง Q3 Q4 มีการขายสินค้า ส่งสินค้าเข้าไปหน้างานเยอะ เพื่อให้งาน ปิดปี มีตัวเลขตามเป้า ตาม Progress งานก่อสร้างของผู้รับเหมา
-
Q: ตรง Market Share 240% แปลว่าตลาด 100% เป็นของเรากี่เปอร์เซ็นต์?
A: ตัว Relative Market Share เราเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในตลาด แต่ถามว่าในตลาด 100% Market Share ของ Fire Trade มีประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ผมว่ามีอยู่ประมาณ 20% แล้วก็อันดับ 2 ก็คงอยู่ประมาณซัก 8 9-10% ในตลาดก็มีผู้เล่นอยู่หลายรายมาก แต่ว่ากระจัดกระจายกันไป เลยทำให้ Market Share ในส่วนของ Business Unit ที่เป็นงานดับเพลิงเนี่ย ไม่ได้ถูกผูก ผูกขาดอยู่แค่ 2 เจ้า 3 เจ้า แต่ว่ามีผู้เล่นหลายสิบเจ้าอยู่
-
Q: ปีนี้อุตสาหกรรมใดดีกว่าคาด และแย่กว่าคาดบ้าง?
A: ที่ดีกว่าคาดเลยคงเป็น Data Center จริงๆ คาดว่าดีแล้ว แต่ดีเกินคาดอีก หมายถึงว่ามีนักลงทุนมาลงทุนได้เยอะ ก็ดีมากๆ ในส่วน Data Center แล้วก็งานโรงงาน ตอนแรกเราคิดว่าอาจจะชะลอตัว แต่ว่าก็ยังโอเคอยู่สำหรับงานโรงงาน ที่แย่กว่าคาดก็คงเป็นฝั่งปิโตรเคมี และ Hospitality
-
Q: แนวโน้ม 1,500 ล้าน ทำได้ไหม เพราะว่าครึ่งปีแรกเพิ่งได้ 4X%?
A: จริงๆ เราก็มั่นใจนะครับ ว่าครึ่งปีหลังเราจะทำได้แบบที่เราแจ้งไป ว่าเรามี Backlog อยู่พอสมควร ก็ถ้าง งานไม่ได้ Delay งานโครงการไม่ได้ Delay แล้วก็ถ้าง งานรับเหมา ผู้รับเหมาไม่ Delay เนี่ย ครึ่งปีหลังเราคิดว่าเราจะส่งมอบ ตาม Backlog ที่เรา Forecast ไว้ แล้วก็เติมพอร์ตเข้ามาจากงานที่เราติดตามอยู่
-
Q: FTE มีส่งออก หรือพึ่งพิง วัตถุดิบเทคโนโลยีจากสหรัฐ ที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้หรือไม่ เรื่อง Tarif?
A: เรื่องส่งออก เราไม่มีส่ง ส่งออกไปที่อเมริกา แต่ว่าประเทศเพื่อนบ้านเราค้าขายกับคู่ค้าประเทศเพื่อนบ้านเรามีบ้างแต่น้อย สัดส่วนน้อยมากๆ ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ ก็เรื่อง Tarif คงไม่ได้เป็นเอฟเฟค เรื่อง เรื่อง Tarif ถ้าภาษีนำเข้ารถ อันนั้นเป็นผลดีกับเรามากกว่า ต้นทุนเรา เราถูก แต่ว่าสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือโรงงานที่ทำส่งออก หรือว่าลงทุนในไทยเนี่ยมันจะชะลอตัว คือบริษัทเนี่ย ไม่ได้อยากให้โรงงานชะลอตัว อยากให้โรงงานสร้าง เสียภาษี ให้อเมริกา น้อย ดี เพราะว่า โรงงานจะได้ขยายตัวแล้วก็สร้างต่อเนื่อง แต่ถ้าอเมริกาเก็บภาษีเราเยอะ โรงงานที่สร้างในไทย ผมว่ามองว่ามัน มันเอฟเฟคเรื่องนี้มากกว่า คือไม่ได้ไม่ได้ตรงๆ กับบริษัท แต่ทางอ้อมเนี่ย บริษัทก็จะ ผูกชะลอโครงการ ในงานโรงงาน ที่จะผลิตสินค้าส่งออกไปอเมริกา
-
Q: FTE มีดำเนินธุรกิจพึ่งพิงแรงงานจากกัมพูชาหรือไม่?
A: แทบไม่มีผลเลย เรื่อง เรื่องกัมพูชา กับเรา
-
Q: เงินสดที่ถืออยู่ตอนนี้มีการบริหารจัดการอย่างไร มีการนำไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้เสริม หรือเตรียมไว้สำหรับโครงการใหม่ในอนาคตหรือไม่ เห็นว่าภาพรวมเงินสดในมือช่วยเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจ?
A: เงินสด ที่เราถืออยู่ในมือ คือเราวางแผนไว้ว่าเราอยากโตทุกปีแล้วก็ขยายงานโครงการเพิ่มมากขึ้น พอเราขยาย Market Value เพิ่มเนี่ย เราก็ต้องมี Cash Flow เพิ่ม ตรงนี้เราถือเงินสดไว้สำรองแล้วก็ Forecast ไว้สำหรับช่วง Q4 แล้วก็ช่วงปี 2569 ด้วย ว่าถ้าเรามีงานสมมุติโตจาก 1,300 ล้านเป็น 1,500 ล้าน 1,600 ล้านยังไงเราต้องมี Cash Flow เพิ่มอยู่แล้ว ตรงนั้นเราก็ เตรียมสัดส่วนบางนั้น ตรงนั้นทิ้งไว้นะครับว่าว่าให้ ให้ ให้มีเงินหมุนเวียนในงานของเรานะครับรวมไปถึง Stock เราด้วย เรื่องต่อไปก็คือเรื่องเติมพอร์ต นะครับ ก็เงินสดบางส่วนเราใช้ไม่เยอะนะครับมาซื้อสินค้า ใหม่ๆ ของเรามาเติมพอร์ต นะครับ เพื่อ ทำตลาดใหม่ๆ
-
Q: ในส่วน Revenue Target 1,490 มั่นใจมากน้อยแค่ไหน 90 100%?
A: ผม ผมคงไม่บอกว่าเรามั่นใจ 100% นะครับ แต่ว่าเราค่อนข้างมั่นใจว่า ว่า ว่าเราจะทำได้ มั่นใจ
-
Q: แนวโน้มผลการทำงานในช่วงปีครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกหรือไม่เพราะอะไร?
A: ถ้ามองในตัวรายได้เนี่ยผมคิดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง รายได้น่าจะดี แต่ว่าอาจจะ อัตรากำไร อาจจะมีงานรับเหมา งานบางงานบ้างที่เรากำไรน้อยอย่างที่ผมบอกไปช่วงแรก อาจจะมีผลเรื่อง GPM บ้างนะครับว่าช่วงครึ่งปีหลังอาจจะมี Revenue เข้ามาแต่ว่า NPM อาจจะ Drop ลงไป อะไรอย่าง เงี้ยครับ เพราะว่าช่วงครึ่งปีแรกมีเรื่อง ECL เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
-
Q: ปัจจัยบวกที่จะคอยสนับสนุนขับเคลื่อนตลาดหลังจากนี้มีอะไรบ้าง?
A: ปัจจัยบวกก็อย่างที่บอกนะครับ ก็เรื่อง Trend ของ AI นะครับ ทำให้มีการลงทุนใน Facility ของ โรงงานเรื่อง Chip เรื่อง Electronic Part เรื่อง Data Center อันนี้ก็จะเป็นปัจจัยที่คอยสนับสนุนแล้วก็ประสบการณ์ของเรา ความแข็งแกร่งทางวิศวกรรมเราก็จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทได้งาน
-
Q: ภาพรวมในปี 70 คาดว่ารายได้จะตก เท่าไหร่ หรือไม่ เพราะอะไร?
A: อันนี้แจ้งไปแล้วใน Present ว่า แผนเราเป็นยังไง ในปี 70
-
Q: กลยุทธ์หลักในการดำเนินงานจากนี้มีอะไรบ้าง?
A: กลยุทธ์จริงๆ เนี่ย ในช่วงที่ตลาดไม่ดี เราก็ตลาดหดตัว บริษัทก็ต้องบอกว่าเราพยายามจะแย่ง Market Share จากคู่แข่ง คือถ้าภาพรวมตลาดมันหดตัวแล้วบริษัทจะโตได้ ผมก็ต้องไปเอาตลาดส่วนอื่นที่คู่แข่งถืออยู่ ก็อันนี้เป็น Strategy ที่ คงต้องทำในช่วงตลาดที่มันอาจจะหดตัวนะครับ หรือว่าขยายตัวน้อย
-
Q: ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ทั้ง การเหมือนสั่นคลอนความขัดแย้งระหว่างสงครามการค้าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะส่งผลหรือไม่?
A: ส่งผลโดยตรงเนี่ย เรื่อง สงครามการค้าเนี่ย โดยตรงกับบริษัทตอนนี้ยังไม่ได้ส่งผลโดยตรงนะ แต่ว่าทางอ้อมเนี่ยมีนะครับเพราะว่า ก็มีลูกค้าหลายๆ รายที่ชะลอตัว การลงทุน อย่างลูกค้าเก่าผม กะว่าจะขยายโรงงานปีนี้ ก็บอกว่าเดี๋ยวเลื่อนไปปีหน้าดีไหมอะไรอย่างเงี้ย เพราะว่าเรื่องภาษีสูงขึ้นเขาอาจจะมีออเดอร์น้อยลง ก็ๆ แต่ผมคิดว่าเรื่อง เรื่อง ภาษีที่เกิดขึ้นเนี่ยมันอาจจะเป็นปัญหา ระยะสั้น ระยะกลาง ผมว่ามันมี Solution ที่จะแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้
-
Q: ในสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทมองว่าสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจคืออะไรและให้ความสำคัญเรื่องใดเป็นหลัก?
A: จริงๆ บริษัทมองเรื่อง การดำเนินธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาแล้วก็โปร่งใส รวมไปถึงเรื่อง ESG นะครับ ที่บริษัทมอง ไม่ใช่แค่ยอดขาย ที่แล้วก็กำไรที่บริษัทเน้น แต่ว่าบริษัทพยายามจะมองทุกมิติให้รอบด้านนะครับทั้งความยั่งยืน ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมเรื่องสังคม เรื่องหลักธรรมาภิบาลแล้วก็บริษัทเราเองเนี่ยถ้าสังเกตได้เรา เราไม่ถนัดอะไรเราไม่ค่อยจะไปเสี่ยง เราถนัดอะไรเราอยากทำแบบนั้น แล้วก็เราเชื่อมั่นในความถูกต้อง ความตรงไปตรงมาในการให้บริการกับลูกค้า
-
Q: ทิศทางดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกันกับช่วงปีเก่า?
A: ก็คิดว่าไตรมาส เราหวังว่าไตรมาส 3 4 จะดีเหมือนปีที่แล้ว
-
Q: สถานการณ์การรับงานในปีนี้สูงกว่าหรือลดลง เมื่อเทียบกับปีเก่า?
A: ต้องบอกว่างานเทรดดิ้งเราค่อนข้างทรงๆ ในปีนี้ แต่งาน โครงการ ที่เป็นรับเหมาเรา ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วนะครับ เราได้งานมาเยอะพอสมควร เพื่อจะต่อยอดในอนาคต
-
Q: บริษัทมีรายได้ประจำ เป็นกี่เปอร์เซ็นต์?
A: ถ้านับเป็น Recurring จริงๆ ที่นับเป็นสัญญางาน หรืองานบริการพวกนี้ เรา เรามีอยู่น้อยมากครับ ต้องบอกว่าดูเหมือนว่าเราจะเหนื่อย ทุกปี ผมว่าถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์อาจจะมีอยู่ประมาณซัก 5% แต่ว่า ของ ของบริษัทเนี่ย มี Entry Barrier พอสมควรแล้วของต้องใช้ในงานก่อสร้าง ของประเทศไทยทั้งหมด เพราะว่าถูกกฎหมายบังคับ แล้วก็มาตรฐานสากลก็ บังคับ เลยทำให้ ถ้าตี Recurring งานเทรดดิ้งนู่นนี่นั่นประจำเนี่ย ไม่รวมงานโครงการเนี่ย ผมว่าอาจจะมีสัดส่วนซัก 50% ที่ขายของได้แน่ๆ มีงานบริการแน่ๆ ประมาณ
-
Q: บริษัทมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์บ้างหรือไม่?
A: ผมตอบคำถามไปนะ มีการเพิ่มพอร์ตอยู่เรื่อยๆ อย่างสาย FRC ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มเข้าไป
-
Q: Backlog มีเท่าไหร่?
A: อันนี้แจ้งไปแล้ว
-
Q: ธุรกิจ DC ที่เข้ามาลงทุน ระบบความปลอดภัยระบบดับเพลิงมีมูลค่าเท่าไหร่?
A: จริงธุรกิจ Data Center เนี่ยมีระบบดับเพลิงที่ค่อนข้างพิเศษในโครงการ แล้วก็สเกลค่อนข้างใหญ่ ผมว่าปีๆ นึงมีหลายพันล้าน เฉพาะ Data Center นะครับรวมงานติดตั้ง แล้วก็บริษัท ร่วมประมูลแทบทุกโครงการ นั่นก็เลยเป็น Potential ที่ผมบอกว่าเป็น Potial ค่อนข้างดีในปี 2568 2569 2570 ที่จะถึง
-
Q: สถานการณ์แข่งขันในปีนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ มากขึ้น หรือเหมือนเดิม?
A: แน่นอนว่าพอตลาดหดตัวการแข่งขันก็เพิ่มมากขึ้น
-
Q: อนาคตมีโอกาสขยายสินค้า อื่นๆ เกี่ยวข้องกับ Data Center หรือไม่?
A: ก็ถ้าบอกว่าเราสนใจหรือว่ามีดูอยู่ไหมเรามีดูอยู่นะครับ แต่ยังขอ ยังไม่ Public บอกแล้วกันว่าเราดูสินค้าส่วนไหนนะ แต่เรามีมีเล็งมีดูอยู่ถึงการขยายพอร์ตแล้วก็สินค้าอื่นๆ ที่จะไป Supply ให้ลูกค้านะครับจากพอร์ตเดิมของ Supp ที่เรามี มีดูอยู่ครับ ในอนาคต
-
Q: แผนเรื่องคนของบริษัทเป็นยังไงบ้าง ยังขยายกำลังคนอยู่ไหม?
A: แน่นอนครับบริษัทอยากโตขึ้นก็ หลังบ้านเราต้องโตตามหน้าบ้านให้ทัน ก็รับคนอยู่นะครับทั้งเซลล์ ทั้งทีมโปรเจค ทั้งทีม Service ทั้งทีมออกแบบ
-
Q: ปัจจุบันติดตามงานอยู่กี่โครงการ มูลค่ารวมๆ เท่าไหร่?
A: ถ้าถามกี่โครงการต้องเรียกว่าเป็นหลักร้อยโครงการ แล้วก็มูลค่ารวมๆ ก็ ผมว่ามี 3,000 ล้านบาทมี
-
Q: สินค้าส่วนมากเราซื้อเป็น USD ใช่ไหมครับ?
A: ใช่ครับ ก็สินค้าที่เรานำเข้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่รับเงิน USD
-
Q: โครงการ Jump Plus ใช่ไหมครับ จะประหยัดภาษีได้ประมาณเท่าไหร่สำหรับปีนี้?
A: จริงๆ ตัวเลขผมยังไม่แน่ใจเรื่อง