TOG Opportunity Day Q2/2568: ฝ่าวิกฤตภาษี สู่โอกาสเติบโตในตลาดเลนส์แว่นตา

P/E 9.71 YIELD 6.57 ราคา 6.85 (0.00%)

ได้เลยครับ นี่คือสรุปผลการประชุม Oppday หุ้น TOG ประจำไตรมาส 2 ปี 2568 ครับ

TOG Opportunity Day Q2/2568: ฝ่าวิกฤตภาษี สู่โอกาสเติบโตในตลาดเลนส์แว่นตา

สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน พบกับการรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2568 ของบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด มหาชน (TOG) โดยมีผู้บริหารระดับสูงมาร่วมให้ข้อมูลและตอบข้อซักถาม

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ 1,751 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.79% กำไรขั้นต้น 353 ล้านบาท ลดลง 10.80% และกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท ลดลง 39.32% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของ Gross Profit ซึ่งมีปัจจัยดังนี้:

  1. อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้รายได้เมื่อแปลงเป็นเงินบาทลดลง
  2. สถานการณ์ความผันผวนในตลาดสหรัฐอเมริกา จากมาตรการ Reciprocal Tariff ของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ Volume การขาย RX Lens ยังคงเติบโตได้ดี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาด North America โดยเฉพาะในแคนาดา ซึ่งมี Partner หลักคือ Specsavers ที่มีแผนการขยายร้านค้าปลีกแว่นตาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มอำนาจในการแข่งขันของเลนส์ RX โดยการปรับราคาให้เหมาะสม

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ความเสี่ยงหลักที่ TOG เผชิญอยู่คือ สถานการณ์ความไม่แน่นอนในตลาดสหรัฐอเมริกาจากมาตรการ Reciprocal Tariff ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของลูกค้าและการตั้งราคาขาย นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการแข่งขันด้านราคาจากผู้ผลิตในจีนในตลาดเอเชียแปซิฟิก

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีแนวทางการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:

  1. เจรจาต่อรองเงื่อนไขทางการค้ากับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา
  2. ศึกษาข้อกฎหมายและกฎระเบียบทางการค้าของสหรัฐอเมริกา เพื่อหาแนวทางในการลดผลกระทบจากมาตรการ Reciprocal Tariff
  3. ขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป
  4. ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

ผู้บริหาร TOG ยังคงมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาด North America และตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและแอฟริกา บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม นาทีที่ 23:36]

  • Q: Strategy Outlook สำหรับครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร หลังจาก Tariff ค่อนข้างชัดเจนมากขึ้น สภาพความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ จะเปลี่ยนไปอย่างไร?
  • A: Tariff ยังเป็น Volatility อยู่ ทางการเมืองสหรัฐฯ อาจปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่เราจะทำงานบน Basis ของ 20% บวก/ลบ ทำให้ Lens ที่ผลิตในไทยดีกว่าเมืองจีน และ Growth Opportunity ของเรายังคงอยู่ที่อเมริกา

  • Q: ไม่ทราบว่าตลาดแคนาดาคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของ First Half 2025 Operation ที่ผ่านมา?
  • A: ตลาดแคนาดามี Growth Opportunity สูงมากจากการ Acquisition 111 ล้านร้านค้า และเป็นตลาดที่สำคัญกับบริษัทในอนาคต

  • Q: เรายังพักแผนตั้งโรงงานใหม่ในเวียดนามอยู่ใช่ไหม?
  • A: โรงงานใหม่ยังอยู่ในแผน เพียงแต่เงื่อนไขในการตั้งโรงงานจะไม่ได้มาจากข้อกำหนดทางด้าน Tariff Rate อีกต่อไป สหรัฐฯ Treat ภูมิภาค Southeast Asia ใกล้เคียงกัน การตั้งโรงงานใหม่จะมองในภาพของกลยุทธ์มากกว่า

  • Q: ขอสรุป Capacity Utilization Product ตอนนี้ Average Utilization Rate เป็นอย่างไร และคาดว่า Second Half จะเป็นอย่างไร?
  • A: RX อยู่ที่ประมาณ 80-85% ช่วงไตรมาส 1 คือ 85% เศษ ๆ ช่วงไตรมาส 2 คือ 80% เศษ ๆ คาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 90% ใน Second Half

  • Q: สภาวะสหรัฐฯ เป็นอย่างไร มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งจากจีนไหม?
  • A: ตลาดสหรัฐฯ เป็น Opportunity แต่ต้องมีวิธีบริหารจัดการ เพื่อ Fully Maximize ตัว Net Profit ซึ่งต้องอาศัยความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

  • Q: ยอดขายครึ่งปีหลังแนวโน้มเป็นอย่างไร ทั้งปีจะโตกว่าปีที่แล้วไหม?
  • A: จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพราะครึ่งปีแรกมีความท้าทายจาก Exchange Rate และราคาที่ปรับลดลง แต่เชื่อว่า Opportunity ที่ Outline เอาไว้จะเอื้ออำนวยให้บริษัทรักษาผลประกอบการให้ใกล้เคียงกับปีก่อนได้

  • Q: กำลังการผลิต RX ที่เพิ่มขึ้นตอนนี้ใช้ไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์?
  • A: ถูก Wrap Up ไว้ใน Capacity Utilization ข้อเมื่อกี้แล้ว

  • Q: ตลาดตะวันออกกลาง และแอฟริกามียอดขายแล้ว ตามที่ได้รายงานใน Geography Business?
  • A: สิ่งที่ดำเนินการตอนนี้คือพยายาม Mitigate ยอดขายไปยังพื้นที่ตะวันออกกลางและแอฟริกามากขึ้น เพื่อ De-risk ความพึ่งพิงตลาดในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งมากเกินไป

  • Q: ขอข้อมูลแบบที่นำเสนอในหน้า 19 ใส่ Volume รายไตรมาส ของแต่ละไตรมาสย้อนหลัง ไม่ใช่แค่ Second Quarter?
  • A: เดี๋ยวทำให้ครับ

  • Q: แผนขยาย RX Automation เพิ่มไหมครับ เพื่อรองรับ Demand ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเห็น Utilization Rate ใกล้เต็มแล้ว?
  • A: RX Capacity มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิต ส่วนหนึ่งคือมีการจัดซื้อเครื่องจักรจากบริษัทที่ตัดสินใจว่าจะไม่ผลิตเอง และโยน Order ไปที่ Authorized Dealer ข้างนอก ในราคาที่ไม่แพงมากนัก คาดว่าจะเริ่มเข้ามาทอยใช้ในไตรมาสที่ 4 และ CapEx ในปีนี้คงไม่มีเพิ่มแล้ว

  • Q: ค่า CAPEX ในปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
  • A: คงใช้ตามงบที่ตั้งไว้ ส่วน 5 ปีข้างหน้าจะเป็นเรื่องของการ Replace เครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ และ Capacity Expansion จะถูกขมวดรวมไปกับพื้นที่การผลิตที่ประเทศที่สอง

  • Q: มี Product Mix นอกเหนือจาก Lens แว่นตาไหม เช่น Contact Lens?
  • A: ณ ตอนนี้ยังไม่มี เพียงแต่จะมี Variation ต่าง ๆ ที่อยู่บน Lens แว่นตาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพยายาม Engage กับธุรกิจที่คล้าย ๆ แว่นตา เช่น Smart Eyewear เป็นต้น

  • Q: วันนี้ผู้บริหารและทีมงานมาพร้อมมากเลยครับ
  • A: เป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่ได้ถูกบริหารจากคน ๆ เดียว มีทีมงาน และทีมงานก็แข็งแรงด้วย

  • Q: ขอทราบแนวนโยบายการเติบโตระยะยาวของ TOG?
  • A: การเติบโตของ TOG อยู่ที่ประมาณ 8% ซึ่งเป็นแผน 5 ปีที่นำเสนอต่อกรรมการบริษัทไป และเชื่อมั่นว่าถ้า Foundation ถูก Build อย่างถูกต้อง ธุรกิจที่ Engage กับ Partner หลักคือ Specsavers จะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

  • Q: ธุรกิจเวียดนามตอนนี้เป็นอย่างไร?
  • A: มีการร่วมทุนในเวียดนามอยู่ แต่เป็นการร่วมทุนผลิตเพื่อจัดจำหน่ายขายในเวียดนาม แต่แผนการลงทุนในเวียดนามของเราเป็นการตั้งฐานการผลิตเพื่อการส่งออกในอนาคต ซึ่งจะไม่เป็นส่วนที่เกี่ยวโยงกับการลงทุนปัจจุบันของ TOG พื้นที่ใหม่ที่เราจะไป เราจะไปเพื่อผลิตและส่งออกไปยังต่างประเทศเท่านั้น

  • Q: ตอนนี้ Local Content ของเรากี่เปอร์เซ็นต์?
  • A: ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ Product Mix เริ่มตั้งแต่ 40% จนถึง 10%

  • Q: ตอนนี้ต้นทุนการผลิตของเรากับประเทศอื่นแตกต่างกันอย่างไร เช่นจีน ถ้าหากรวมผลกระทบภาษีจีนที่มากกว่าเรา และมีประเทศอื่นที่ต้นทุนถูกกว่าเราอีกไหม เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์?
  • A: เริ่มมีการ Movement ของผู้ผลิตที่เริ่มไปตั้งฐานที่ฟิลิปปินส์มากขึ้น แต่อินเดียยังไม่เห็น ต้นทุนที่ฟิลิปปินส์ยังใกล้เคียงกับประเทศไทย ยังไม่เป็น Threat ของเรา

  • Q: ภาษี 20% สามารถ Push ไปที่ลูกค้าได้กี่เปอร์เซ็นต์?
  • A: สิ่งที่วางไว้เป็นเกณฑ์ของบริษัทคือคนละครึ่ง 10/10 และจะ Push ไปได้ทั้งหมดหรือไม่นั้น จะต้องถูกแลกด้วย Commitment กับระหว่างเรากับลูกค้า หรือแลกมาด้วย Volume เราอาจจะใช้ Incentive อะไรต่าง ๆ

  • Q: การที่จีนและเม็กซิโกเสียเปรียบในตลาดอเมริกาทำให้การแข่งขันด้านราคาอื่น ๆ รุนแรงขึ้นไหม?
  • A: ก็ได้รับผลกระทบอยู่เหมือนกัน

  • Q: ตลาดใหม่ที่ผู้บริหารมองไว้มีที่ใดบ้าง เพราะอะไร?
  • A: ตอนนี้มองแอฟริกา เพราะเริ่ม Start ไปแล้ว และมีโอกาสที่จะเกิด Conversion สูงมาก และลุ้นว่า Execution Plan จะเป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง และหวังว่าจะรายงานข่าวดีได้ในไตรมาสที่ 4

โดยสรุป TOG เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ยังคงมีโอกาสในการเติบโต โดยบริษัทมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้

โพสต์ล่าสุด