TASCO อัปเดตผลประกอบการ Q2/2568: ยอดขายยางมะตอยพุ่ง, กำไรสุทธิโต 305%

P/E 13.81 YIELD 6.43 ราคา 14.00 (0.00%)

TASCO อัปเดตผลประกอบการ Q2/2568: ยอดขายยางมะตอยพุ่ง, กำไรสุทธิโต 305%

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ปริมาณการขายยางมะตอยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 280,000 ตัน เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาส 2 ของปีก่อน
  • ปริมาณการขายยางมะตอย 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 570,000 ตัน เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้จากการขายยางมะตอยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 6,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%
  • รายได้จากการขายยางมะตอย 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 12,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%
  • รายได้รวมของบริษัทในไตรมาส 2 อยู่ที่ 6,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%
  • รายได้รวม 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 13,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%
  • รายได้ของกลุ่มก่อสร้างในไตรมาส 2 อยู่ที่ 395 ล้านบาท ลดลง 15%
  • รายได้ของกลุ่มก่อสร้าง 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 722 ล้านบาท ลดลง 32%
  • กำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน (Operating Gross Profit) ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47%
  • กำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74%
  • ราคาขายยางมะตอยเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 91.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีนี้
  • ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย (Average Brent Price) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 66.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีนี้
  • ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสนี้อยู่ที่ 306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3%
  • กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77%
  • กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111%
  • กำไรสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305%
  • กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 690%
  • อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) อยู่ที่ 0.56
  • อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) อยู่ที่ 14.2%
  • อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Assets) อยู่ที่ 12.1%
  • บริษัทจ่ายเงินปันผล 0.9 บาทต่อหุ้นในเดือนพฤษภาคม

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:

  • การอนุมัติงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า
  • ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น
  • ราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น
  • ราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวน
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตจาก:

  • การฟื้นตัวของตลาดในประเทศเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อน
  • งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับงานถนนประมาณ 50,000 ล้านบาท
  • ความต้องการยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นจากกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท
  • การเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย และกัมพูชา
  • การติดตั้ง Asphalt Enhance Production Unit ในโรงกลั่นที่มาเลเซียเพื่อปรับปรุงคุณภาพยางมะตอย

กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในการคว้าโอกาส:

  • การเข้าร่วมประมูลงานซ่อมบำรุงทางจากภาครัฐ
  • การขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางมะตอยเกรดพิเศษ
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

บริษัทเผชิญความเสี่ยงจาก:

  • ยอดขายในตลาดต่างประเทศที่ลดลงเนื่องจากฤดูหนาวในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
  • ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ
  • ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+
  • ข้อจำกัดในการซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทมีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:

  • การชดเชยยอดขายที่ลดลงในบางตลาดด้วยการเติบโตในตลาดอื่น ๆ
  • การบริหารจัดการต้นทุนและราคาขายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ
  • การจัดหาแหล่งน้ำมันดิบจากประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากเวเนซุเอลา
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

แนวโน้มของธุรกิจในอนาคต:

  • คาดว่าความต้องการยางมะตอยในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
  • ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต
  • บริษัทตั้งเป้าที่จะขายยางมะตอยให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1.15 ล้านตันในปีนี้

วิสัยทัศน์และเป้าหมาย:

  • การเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ยางมะตอยและบริการที่เกี่ยวข้อง
  • การเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม

การพัฒนาด้านความยั่งยืน:

  • บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน Top 100 บริษัทที่มีผลงานด้าน ESG ที่โดดเด่น
  • บริษัทได้รับคะแนน 100% เต็มจากการประเมิน AGM Checklist
  • บริษัทเข้าร่วมการประเมิน ESG Rating และ CG Rating ประจำปี
  • บริษัทเริ่มใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในโรงงานที่สุราษฎร์ธานี
  • บริษัทตั้งเป้าที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 3.5% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศไทย
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A Session ที่ นาทีที่ 40:43]** * **คำถาม 1:** เหตุใดรายได้จากการขายยางมะตอยจึงลดลงในขณะที่ปริมาณการขายดีกว่าปี 2567 และราคาเฉลี่ยของยางมะตอยที่สูงขึ้น Year on Year? * **คำตอบ:** ปริมาณการขายดีกว่าปี 2567 แน่นอนหากเปรียบเทียบครึ่งปีต่อครึ่งปี แต่ยอดขายยางมะตอยไม่ได้ลดลง ครึ่งปีแรกขายได้ 570,000 ตัน ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนราคาขายยางมะตอยขึ้นอยู่กับ Demand Supply ในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศไทย ครึ่งปีแรกราคาจะสูง แต่ไตรมาส 3 ราคาจะลดลงพอสมควร และเชื่อว่าเดือนกันยายนความต้องการยางมะตอยจะขึ้นมาสูงอีก ราคาก็จะขึ้นตามมาด้วย * **คำถาม 2:** สถานการณ์น้ำมันดิบในครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร และมีแผนการจัดหาน้ำมันดิบอย่างไร? * **คำตอบ:** ในครึ่งปีหลังตั้งใจว่าจะซื้อน้ำมันดิบได้อีก 1 ลำเรือ ประมาณ 900,000 ตัน สถานการณ์ในเวเนซุเอลายังเหมือนเดิม คือยังถูกแซงก์ชั่นโดยสหรัฐฯ จึงยังไม่สามารถซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาได้ แต่พยายามซื้อจากแหล่งอื่น ๆ เช่น ในสัปดาห์หน้าจะมีการไปประกวดราคาเสนอราคาซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเอกวาดอร์ มี 2 ลำเรือ เป็นลำเรือเล็ก ๆ ก็ได้ประมาณ 900,000 แบเรล * **คำถาม 3:** กลุ่มบริษัทมีกองเรือกี่ลำ และปัจจุบันใช้ Utilization Rate อยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์? * **คำตอบ:** ปัจจุบันมีเรือเดินทะเลเพื่อขนส่งยางมะตอยส่งให้ลูกค้าหรือซื้อเข้าคลังยางมะตอยที่ไทยหรือประเทศอื่น ๆ 8 ลำ และมีเรือลำหนึ่งกำลังสั่งสร้างอยู่ที่ญี่ปุ่นขนาด 7,000 ตัน Utilization Rate ค่อนข้างจะสูง ตั้งเป้าว่าจะใช้ได้ไม่ต่ำกว่า 95% ปัจจุบันนี้ใช้อยู่ประมาณ 90-96% แล้วแต่ลำเรือ เป็นการใช้ที่ค่อนข้างจะสูง นอกจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วการประชุมคณะกรรมการของบริษัทเองก็มีความตั้งใจหรืออนุมัติให้ลงทุนซื้อสั่งเรืออีก 1 ลำที่ประเทศจีน กำลังการขนส่งอยู่ที่ 2,700 ตัน

โพสต์ล่าสุด