PQS
บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

```html

PQS ฝ่าวิกฤต Q3/68 ปรับกลยุทธ์ สู่ผู้นำ Low Carbon Starch ปี 2573

การประชุม Oppday ในวันนี้เป็นการแถลงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 โดยมีผู้บริหารเข้าร่วมนำเสนอคือ คุณรัฐวิรุฬห์ ชัยจินดาวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณประวินท์ เรืองวรบูรณ์ CFO

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ไตรมาสที่ 3 เป็นไตรมาสที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มบริษัท PQS และอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโดยรวม

  • ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ:
    • ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศชะลอตัว
    • สภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง
    • วัตถุดิบมันสำปะหลังมีความผันผวนทั้งในด้านราคาและปริมาณ
    • การลงทุนในธุรกิจใหม่ยังไม่ให้ผลตอบแทนเต็มที่
  • ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญ:
    • รายได้รวมไตรมาส 3 อยู่ที่ 476.5 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วและไตรมาสก่อนหน้า
    • ปริมาณการผลิตแป้งรวมลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
    • อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 37%
    • ขาดทุนสุทธิ 46.9 ล้านบาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต

  • การลงทุนใน Low Carbon Starch: บริษัทมีเป้าหมายเป็นผู้นำในการผลิตแป้งมันสำปะหลังคาร์บอนต่ำภายในปี 2573 โดยร่วมมือกับบริษัทระดับโลกอย่าง Sojitz Corporation
  • ตลาดแป้งดัดแปร: บริษัทมีโรงงานผลิตแป้งดัดแปรแห่งใหม่และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า มีแผนจะทดสอบตลาดในปีหน้า
  • การสนับสนุนจากภาครัฐ: มาตรการของภาครัฐในการพยุงราคาและควบคุมโรคใบด่างจะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคา
  • ความต้องการสินค้าแป้งที่มีคุณภาพ: ตลาดมีความต้องการแป้งที่มีคุณภาพ, ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการ

  • การแข่งขัน: คู่แข่งในภูมิภาคมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
  • ราคาวัตถุดิบ: ราคาวัตถุดิบยังมีความผันผวนและมีแนวโน้มลดลง
  • โรคใบด่าง: โรคใบด่างยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิต
  • การลงทุนใหม่: ธุรกิจใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่สามารถสร้างรายได้เต็มที่

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบ

  • ควบคุมต้นทุน: กำหนดมาตรการควบคุมต้นทุนและพิจารณาการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างรัดกุม
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: พัฒนาสินค้าแป้งที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น แป้งดัดแปร
  • ขยายตลาด: ขยายตลาดไปยังต่างประเทศและกลุ่มลูกค้าใหม่
  • บริหารจัดการความเสี่ยง: บริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบและโรคใบด่าง

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังอย่างยั่งยืน

  • เป้าหมาย: ผลิตแป้งมันสำปะหลังคาร์บอนต่ำและสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วน
  • กลยุทธ์:
  • ลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด
  • แนวโน้ม: อุตสาหกรรมอาหารยังคงเติบโตและมีความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 52:52]

  1. สาเหตุหลักที่บริษัทขาดทุนในไตรมาส 3 และแผนการจัดการ:

    สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลง ซึ่งมีผลจากปริมาณขายที่ลดลง, การชะลอการผลิตของโรงงานกาฬสินธุ์เนื่องจากการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำและอากาศ, และต้นทุนจากธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น บริษัทมีแผนควบคุมต้นทุน, พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, ขยายตลาด, และบริหารความเสี่ยง

  2. แนวทางการเปิดตลาดสินค้าใหม่ที่เป็นแป้งมันสำปะหลังดัดแปร:

    บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและจัดจำหน่ายในกลุ่มต่างๆ เช่น thickener, stabilizer และ food coating additive นอกจากนี้บริษัทก็กำลังลงทุนพัฒนาสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีขึ้นในระยะยาว

  3. การเปิดดำเนินงานโรงงานใหม่มีผลอย่างไรต่อค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพ:

    การเปิดดำเนินงานโรงงานใหม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่และต้นทุนแปรผัน แต่ก็เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นจากสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง

  4. Low Carbon Starch จะทำให้มาร์คอัพราคาได้มากขึ้นหรือไม่:

    ปัจจุบันตลาดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งระบุว่าจะพิจารณาเพิ่มพรีเมียม หากผลิตได้ อีกส่วนหนึ่งให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนและผลดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกและผลิตมันสำปะหลัง

โดยสรุป PQS เผชิญความท้าทายใน Q3/68 แต่ยังคงมีโอกาสเติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่และการสนับสนุนจากภาครัฐ บริษัทมุ่งเน้นควบคุมต้นทุนและขยายตลาดเพื่อฟื้นฟูผลประกอบการ และเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนด้วย Low Carbon Starch ภายในปี 2573

```