https://aio.panphol.com/assets/images/community/848_NUH923.png

MTC กำไรปี 67 ทุบสถิติ! INVX มองสินเชื่อโตต่อเนื่อง คงคำแนะนำ

P/E 14.45 YIELD 0.63 ราคา 40.00 (3.90%)


ไฮไลท์สำคัญ: INVX คาด MTC กำไรนิวไฮต่อเนื่อง

INVX (InnovestX) คาดการณ์ว่า MTC (เมืองไทย แคปปิตอล) จะรายงานกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในปี 2567-2569 โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุนและ credit cost ที่ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 2% QoQ (+12% YoY) ใน 4Q67 และ 17% ต่อปีในปี 2568 และปี 2569 คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ MTC โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงเล็กน้อยจาก 54 บาท มาอยู่ที่ 53 บาท (อ้างอิง PER 16.5 เท่า สำหรับปี 2568)

รายละเอียดการวิเคราะห์และประมาณการ

INVX คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q67 จะเพิ่มขึ้น 2% QoQ และ 12% YoY มาอยู่ที่ 1.52 พันล้านบาท ยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตดีต่อเนื่องที่ 3.4% QoQ (เทียบกับ 3.1% QoQ ใน 3Q67) และ 15% YoY ในขณะที่คาดว่า NIM จะลดลง 19 bps QoQ (-68 bps YoY) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้น 36 bps หลังจาก MTC ออกหุ้นกู้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูง มูลค่า 3,835 ล้านบาท และการรีไฟแนนซ์ด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC จะได้รับประโยชน์เล็กน้อยจากการแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล ดังนั้นจึงคาดว่า credit cost จะลดลง 5 bps QoQ (-56 bps YoY)

แม้ว่าการเติบโตของสินเชื่อจะชะลอตัวลง แต่ INVX คาดว่า MTC จะยังคงมีการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมมากที่สุด (8,031 สาขา ณ 3Q67) คาดว่า NIM จะถึงจุดต่ำสุดในปี 2568 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินจะทำจุดสูงสุดใน 2Q68 และจะลดลงในปี 2569 คาดว่าผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อจะอยู่ในระดับทรงตัวในปี 2568-2569 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านราคา ดังนั้น INVX คาดว่า NIM จะค่อนข้างทรงตัว (-3 bps) ในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 11 bps ในปี 2569

คำแนะนำและปัจจัยเสี่ยง

INVX ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ MTC เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเติบโตดีที่ 17% ต่อปี ในปี 2568 (ได้แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ดีและ credit cost ที่ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป) และปี 2569 (การเติบโตของสินเชื่อที่ดี, credit cost ที่ลดลง, และ NIM ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง) ปรับราคาเป้าหมายลดลงเล็กน้อยจาก 54 บาท มาอยู่ที่ 53 บาท (อ้างอิง PER 16.5 เท่า สำหรับปี 2568) เนื่องจากปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลดลง 2%

ปัจจัยเสี่ยง:

  1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึงและช้ากว่าคาด
  2. ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง
  3. การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคาร
  4. ความเสี่ยงด้านกฎหมาย
  5. ความเสี่ยง ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (fair conduct)



โพสต์ล่าสุด