https://aio.panphol.com/assets/images/community/8237_C02CAF.png

STANLY กำไร Q1/2568 โตเกินคาด! หยวนต้าชี้เป้า 207.70 บาท

P/E 8.19 YIELD 6.45 ราคา 186.00 (0.00%)

หยวนต้า วิเคราะห์ STANLY กำไร Q1/2568 โตกว่าที่คาดการณ์ไว้ คงคำแนะนำ "Trading" พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 207.70 บาท อิง PER เฉลี่ย 5 ปีที่ 10.5 เท่า

ไฮไลท์สำคัญ

  • กำไรสุทธิ Q1/2568 อยู่ที่ 370 ล้านบาท (+20%YoY) ดีกว่าที่หยวนต้าคาดการณ์ไว้ 12%
  • อัตรากำไรขั้นต้น ทำได้ดีกว่าคาด อยู่ที่ 20.9% จากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
  • คงประมาณการกำไรปี 2568/69 ที่ 1,515 ล้านบาท (-5%YoY)

ผลประกอบการ Q1/2568

STANLY รายงานกำไรสุทธิ Q1/2568 (สิ้นสุด มิ.ย. 2568) ที่ 370 ล้านบาท (-17%QoQ, +20%YoY) ดีกว่าประมาณการของหยวนต้า 12% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20.9% เทียบกับประมาณการที่ 18.8% เนื่องจากการควบคุมต้นทุนที่ดีกว่าที่คาดไว้

บริษัทมีรายได้จากการขาย Q1/2568 ที่ 2,923 ล้านบาท (-5%QoQ, -2%YoY) เทียบ QoQ ชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาลเนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจที่มีวันหยุดยาวหลายวัน เทียบ YoY แม้ยอดผลิตรถยนต์ของประเทศจะพลิกฟื้นเติบโต 8%YoY แต่ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากตลาด EV ซึ่งส่วนใหญ่จากค่ายจีนที่ STANLY ได้คำสั่งซื้อที่น้อยมาก ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์นั่ง (สันดาป) ลดลง YoY จากกำลังซื้อลดลง รวมถึงการเติบโตของตลาด EV ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจึงถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดเป็นผลให้ยอดขายของ STANLY ลดลง

รายได้อื่นๆ เพิ่ม 157%QoQ เป็น 45 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทร่วมสแตนเลย์ เวียดนามที่มีการเลื่อนจ่ายปันผลมาเร็วกว่าปกติที่จะจ่ายในไตรมาสที่ 2 แต่ -7%YoY จากฐานสูง ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น YoY โดยมี EBITDA Margin ใน Q1/2568 ที่ 21.9% เพิ่มจาก Q1/2567 ที่ 20.3% เนื่องจากเริ่มรับผลบวกจากนโยบายควบคุมต้นทุนจากการควบรวมโรงงานผลิตโคมไฟ

ข้อสังเกตและแนวโน้ม

แนวโน้ม Q2/2568 คาดผลประกอบการมีโอกาสชะลอตัว YoY เนื่องจากรายได้จากการขายชิ้นส่วนคาดปรับลดลงตามยอดผลิตรถยนต์นั่งประเภทสันดาป และรายได้อื่นคาดปรับลดลงเนื่องจากเงินปันผลจากบริษัทร่วมที่ปีนี้ที่เลื่อนมาจ่ายเร็วในไตรมาสแรก สำหรับครึ่งปีหลังคาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโต YoY อีกครั้ง ผลบวกจากนโยบายการควบคุมต้นทุนทั้งการควบรวมโรงงาน การปรับลดคน การปรับลดสายการผลิต การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงในช่วงแรก แต่จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในปีนี้

ในปี 2568/69 อุตสาหกรรมยานยนต์เผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามการค้า และการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ สำหรับประเด็นที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นที่ 15% ต่ำกว่าตลาดคาด มองเป็นบวกในระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ไทยหากญี่ปุ่นส่งสินค้าไปสหรัฐมากขึ้น แต่ระยะกลาง-ยาวหากญี่ปุ่นไปลงทุนเพื่อขายรถในสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยง นอกจากนี้ยังต้องรอผลเจรจาภาษีของประเทศไทยกับสหรัฐฯ ที่คาดทราบผลในวันที่ 1 ส.ค. 2568 ซึ่งหากผลสรุปภาษีของประเทศไทยไม่ได้ห่างจากประเทศเพื่อนบ้านมาก (19-25%) มองเป็นกลาง-บวก แต่หากสูงกว่านี้มองเป็นลบจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง

สรุปและคำแนะนำ

หยวนต้าแนะนำ “Trading” คาดผลประกอบการจะแผ่วใน Q2/2568 แต่จะฟื้นตัวอีกครั้งในครึ่งปีหลัง จากนโยบายในการควบคุมต้นทุน คงมูลค่าพื้นฐานปี Q2/2568 ที่ 207.70 บาท อิง PER เฉลี่ย 5 ปีที่ 10.5 เท่า และคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปีนี้ 9.3% จากราคาปัจจุบัน

โพสต์ล่าสุด