บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday หุ้น KCC ปี 2568 ไตรมาส 1: วิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสทางธุรกิจ
P/E 9.55 YIELD 1.16 ราคา 2.40 (0.00%)
สรุป Oppday หุ้น KCC ปี 2568 ไตรมาส 1: วิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสทางธุรกิจ
- ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
- โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
- ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
ผลการดำเนินงานของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวม 1,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ Corporate ที่เพิ่มขึ้น 55 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนใน KCC AMC (บริษัทบริหารสินทรัพย์) จำนวน 66 ล้านบาท และ KCC AR จำนวน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในระหว่างไตรมาส ลูกหนี้ Corporate ได้มีการชำระหนี้เข้ามา ทำให้ยอดหนี้ลดลง ส่วนลูกหนี้ Housing คงเหลืออยู่ที่ 317 ล้านบาท
สัดส่วนของลูกหนี้ Corporate ยังคงอยู่ที่ 83% และลูกหนี้ Housing อยู่ที่ 17% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากสิ้นปี 2567 ลูกหนี้ Corporate ส่วนใหญ่ยังมีหลักประกัน โดยมีมูลค่าหลักประกันรวมกว่า 3,600 ล้านบาท มูลค่าหลักประกันของลูกหนี้ Corporate ลดลงเนื่องจากมีการจ่ายชำระและปิดบัญชีไป ลูกหนี้ Corporate ที่เป็น Clean Loan ปัจจุบันอยู่ที่ 153 ล้านบาท และยังคงจ่ายชำระได้ตามปกติ
ลูกหนี้ Housing ปัจจุบันอยู่ที่ 317 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีที่ผ่านมา (331 ล้านบาท) เนื่องจากการจ่ายชำระและรับโอนมาเป็นทรัพย์สินรอการขาย (NPA)
บริษัทเน้นการบริหารสินทรัพย์ NPL และ NPA แบบเชิงรุก โดยพัฒนาแนวทางการเร่งรัดการขาย NPA และเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทเร่งรัดกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้กระแสเงินสดกลับเข้าบริษัทเร็วที่สุด
บริษัทให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง และให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ
บริษัทมีการจัดตั้ง KCC AR ขึ้นมาเพื่อซื้อหนี้เสียจากส่วนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการขยายตลาดและขอบเขตในการซื้อหนี้
บริษัทมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และตลาดบ้าน ทำให้การขายและการโอน NPA ชะลอตัว
ความเสี่ยงในการระดมทุนในตลาดหุ้นกู้ เนื่องจากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก
การแข่งขันที่สูงในธุรกิจ AMC และการซื้อหนี้
บริษัทมุ่งเน้นการระบาย NPA ออกไปให้ได้มากที่สุด โดย NPA ส่วนใหญ่เป็นบ้านและที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีราคาไม่สูงมากนัก
บริษัทมีการทำวงเงินกับสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อเตรียมพร้อมรองรับความเสี่ยงด้านการระดมทุน
บริษัทให้ความสำคัญกับการคัดเลือกพอร์ตหนี้ที่จะซื้อ โดยดูถึงโอกาสในการจัดเก็บหนี้และความสามารถในการจ่ายหนี้ของลูกหนี้
บริษัทคาดการณ์ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง
บริษัทตั้งเป้าที่จะซื้อหนี้ให้ได้ 800 ล้านบาทในปีนี้ โดยจะมาจาก Operation และสถาบันการเงิน
บริษัทมองว่า Supply ในตลาดปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็น SME Corporate และ NPL ของสถาบันการเงินยังคงเพิ่มขึ้น
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 32:22]
- ความกังวลและแผนการรับมือใน 1-3 ปี:
- คำถาม: บริษัทมีความกังวลเรื่องอะไรบ้างใน 1-3 ปีนี้ และมีแผนการรับมืออย่างไร
- คำตอบ: กังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบธุรกิจอสังหาฯ และตลาดบ้าน
- แผนรับมือ: เน้นระบาย NPA ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาไม่สูงมาก
- การบริหาร NPA:
- คำถาม: บริษัทมีแนวทางการบริหารจัดการ NPA อย่างไร
- คำตอบ: โฟกัสการระบาย NPA, NPA ส่วนใหญ่เป็นบ้านและที่อยู่อาศัย, มีการทำวงเงินกับสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
- ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ:
- คำถาม: บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ
- คำตอบ: การเติบโตของธุรกิจ, การบริหารความเสี่ยง, ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
- ตัวเลข ROIC และ WACC:
- คำถาม: ตัวเลข ROIC เทียบกับ WACC ของบริษัทเป็นอย่างไร
- คำตอบ: WACC เฉลี่ยประมาณ 10%, ROIC ตั้งเป้า 15% ขึ้นไป, ปัจจุบันเฉลี่ย 20% ต้นๆ, ธุรกิจนี้ ROIC ดูยาก เพราะการรับรู้รายได้และ Cash Collection ไม่สอดคล้องกัน
- การดำเนินงานของ KCC AR:
- คำถาม: KCC AR ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง
- คำตอบ: ตั้งขึ้นเพื่อซื้อหนี้เสียที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน, ไตรมาส 1 ซื้อไป 1 ล้าน, ตั้งเป้าปีนี้ซื้อ 200 ล้าน, ครึ่งปีหลังน่าจะได้เกิน 50%
- รูปแบบพอร์ตของ KCC AR:
- คำถาม: นอกจากการซื้อจากที่ไม่ใช่สถาบันการเงินแล้ว รูปแบบของพอร์ตยังเหมือน KCC AMC ไหม
- คำตอบ: เหมือนกันทุกอย่าง แตกต่างแค่แหล่งที่มาที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
- เป้าหมายยอดจัดเก็บ:
- คำถาม: ยอดจัดเก็บของกลุ่มบริษัทปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่เท่าไร
- คำตอบ: ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว (600 ล้าน)
- การคืนหุ้นกู้:
- คำถาม: หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดตอนกรกฎาคมนี้ (400 ล้าน) บริษัทคาดว่าจะคืนโดยวิธีใด
- คำตอบ: มาจาก Operation และ Cash Collection ที่ตั้งเป้าไว้
- เป้าหมายการซื้อหนี้และแหล่งเงินทุน:
- คำถาม: ปีนี้บริษัทตั้งเป้าซื้อหนี้ไว้เท่าไร และเงินที่จะใช้มาจากแหล่งไหน
- คำตอบ: ตั้งเป้าโดยรวม 800 ล้านบาท มาจาก Operation, สถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้
- Supply ในตลาดปัจจุบัน:
- คำถาม: คุณทวีมองว่า Supply ในตลาดปัจจุบันเป็นอย่างไร
- คำตอบ: ปีนี้ส่วนใหญ่เป็น SME Corporate, ล่าสุดมีออกมา 40,000 ล้านบาท, บริษัทอยู่ระหว่างการประมูล 3-400 ล้านบาท
- การแข่งขันในธุรกิจ AMC:
- คำถาม: การแข่งขันในธุรกิจ AMC เป็นอย่างไร
- คำตอบ: ทุกคนระมัดระวังในการซื้อหนี้, คำนึงถึง Timing และราคา
- สถานการณ์ตลาดหุ้นกู้:
- คำถาม: ตลาดหุ้นกู้น่ากลัวมาก บริษัทมีวิธีการบริหารจัดการหุ้นกู้ที่ถืออยู่ปัจจุบันอย่างไร
- คำตอบ: คืนหุ้นกู้ตามกำหนด, ใช้แหล่งเงินทุนระยะสั้นลงทุนในสินทรัพย์ระยะสั้น, บริหารสภาพคล่องอย่างระมัดระวัง
- ต้นทุนหุ้นกู้และแนวโน้ม:
- คำถาม: หุ้นกู้ที่ออกมีต้นทุนเท่าไร และเทียบกับปีที่แล้วลดลงไหม แนวโน้มต้นทุนทางการเงินในอนาคตเป็นอย่างไร
- คำตอบ: ต้นทุนล่าสุด 6% ลดลงจากปีที่แล้ว (6.25%), คาดว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง
- ลักษณะการตั้ง Holding และ KCC AR:
- คำถาม: การตั้ง Holding และ KCC AR แล้วมาซื้อหนี้แบบนี้ มี AMC รายไหนในไทยทำบ้างหรือยัง
- คำตอบ: ในตลาดตอนนี้ยังไม่ค่อยเห็น
- เป้าหมายยอดจัดเก็บปีนี้:
- คำถาม: ปีนี้ดยอดจัดเก็บของ AMC แต่ละเจ้าเริ่มชะลอตัว ทำไมเรายังตั้งเป้าว่าปีนี้จะสูงเท่ากับปีก่อน
- คำตอบ: คัดเลือกหนี้ที่ซื้ออย่างดี, มีโอกาสจัดเก็บหนี้พอสมควร, สภาพคล่องและศักยภาพการจัดเก็บหนี้ค่อนข้างดี, ระยะเวลาจัดเก็บหนี้เฉลี่ย 3 ปี
- การโฟกัสลูกหนี้:
- คำถาม: สัดส่วนพอร์ต 80% เป็นลูกหนี้ Corporate บริษัทจะยังโฟกัสกับลูกหนี้ Corporate ไหม
- คำตอบ: ยังโฟกัสลูกหนี้ Corporate แต่จะโฟกัสลูกหนี้ขนาดใหญ่มากขึ้น
โดยสรุป KCC ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง โดยมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนในการจัดการ NPA, การระดมทุน และการขยายฐานธุรกิจผ่าน KCC AR นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหนี้ที่มีคุณภาพและการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น