บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
DITTO สรุป Oppday Q1/2568: โตต่อเนื่อง เน้น Data, Engineering, ESG พร้อมลุย Carbon Credit
P/E 13.36 YIELD 2.23 ราคา 11.20 (0.00%)
DITTO สรุป Oppday Q1/2568: โตต่อเนื่อง เน้น Data, Engineering, ESG พร้อมลุย Carbon Credit
สวัสดีครับ ผมทกร รัตนกมลพร ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Oppday ของบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และคุณชัยทัศน์ กุลโชควณิช มาร่วมเล่าถึงผลประกอบการ Q1 ปี 2568 ที่ผ่านมาครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
บริษัท ดิทโต้ ดำเนินธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม:
- Data and Document Management Solution
- Innovation Technology and Engineering Project
- Green and Climate Tech
- Printer, Dythrough, POS System
กลุ่ม Data and Document Management Solution เป็นธุรกิจหลักที่ Synergy กับพาร์ทเนอร์ เช่น Netbay, T-Group ในการทำ Business และโครงการต่างๆ
กลุ่ม Innovation Technology and Engineering Project ทำโครงการขนาดใหญ่ โดยมีบริษัทลูกคือ สยาม T.C. Technology ทำท้องฟ้าจำลอง, พิพิธภัณฑ์, ระบบโทรมาตร, เตือนภัยน้ำท่วม/ดินถล่ม ดูแลลุ่มน้ำทั่วประเทศ, สวนสัตว์แห่งใหม่, โครงการไม้มีค่า
กลุ่ม Green and Climate Tech พัฒนาและขยาย Service ปลูกป่าชายเลน, ทำ CFO, CFP, CMS, Carbon Emission, PDD, Verification
กลุ่ม Printer, Dythrough, POS System ยังมีทีม Service ทั่วประเทศดูแลลูกค้า
Digital Twin เป็นบริษัทลูกร่วมกับ T-Group นำ BIM Model + Engineering + Platform มา Monitoring, Command Center, ควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ (เช่น นิคมอุตสาหกรรม)
Carbon Credit Tokenization (ICO) ยังอยู่ใน Process
Q1 ที่ผ่านมา ได้รับงาน Award เพิ่ม 800 กว่าล้านบาท แบ่งเป็น Engineering 700 ล้านบาท และ Data 100 ล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นสุด มีนาคม 2568) และมีงาน Award เพิ่มขึ้นอีกใน เมษายน-พฤษภาคม
ปัจจุบัน สิ้นสุด Q1 มี Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 807 ล้านบาท
สวนสัตว์แห่งใหม่คืบหน้า 50% แต่มีการปรับแบบสุโซน ทำให้ต้องรออนุมัติแบบก่อน
โครงการไม้มีค่า (เฟส 2 มูลค่า 2,000 ล้านบาท) ดำเนินการอยู่ที่ถนนรามอินทรา
ธุรกิจ Galala Lending (ร่วมกับ Netbay, Blue Venture, Cytime) อยู่ในช่วงศึกษา Journey และข้อมูล
การปลูกป่าชายเลนเพื่อ Carbon Credit ยังคงพัฒนาอยู่ และ Mangrove ให้มูลค่า Carbon ที่สูงที่สุด
พื้นที่ปลูกป่าใหม่ 20,000 ไร่ ขึ้นมาตรฐาน Premium T-VER กับ T-VER Standard แล้ว ส่วนป่าชุมชน 150,000 ไร่ กำลังเริ่มต้นศึกษา PDD
Green Token แรก อยู่ใน Process กับ กลต. เพื่อ Review เอกสาร
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในธุรกิจ Data, Engineering, Green Tech โดยเฉพาะ Carbon Credit
เน้น Synergy กับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายฐานลูกค้าและ Service
การนำเทคโนโลยี Digital มาประยุกต์ใช้กับโครงการ Engineering จะช่วยให้รับงานขนาดใหญ่และซับซ้อนได้มากขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
มีการปรับแบบสวนสัตว์สุโซน ทำให้ต้องรออนุมัติแบบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระยะเวลาการก่อสร้าง
กฎหมาย Carbon Credit ในไทยยังเป็นภาคสมัครใจ ซึ่งอาจทำให้ราคาไม่สูงเท่าต่างประเทศ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
เร่งดำเนินการปรับแบบสวนสัตว์สุโซนและขออนุมัติโดยเร็ว
ศึกษาและพัฒนา Carbon Credit ให้ได้มาตรฐานสากล (Verra, Gold Standard) เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
บริหารความเสี่ยงโดยการกระจายฐานลูกค้าและ Synergy กับพาร์ทเนอร์
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
คาดการณ์ Q2/2568 จะเติบโตต่อเนื่องจาก Q1 เนื่องจากมี Backlog และโอกาสทางธุรกิจอีกมาก
มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี, บุคลากร, และ Carbon Credit ให้ได้มาตรฐานสากล
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้นในนาทีที่ 50:57
-
ความร่วมมือ DITTO กับ NETBAY ในอนาคต
คำถาม: หลังจากที่ Netbay ได้ส่งมอบโครงการระบบ Digital Sู่ และโครงการจัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกให้ DITTO ไปแล้วนั้น ปัจจุบันยังมีโครงการอะไรบ้างที่ DITTO ทำกับ Netbay ในอนาคต
คำตอบ: โครงการสวนสัตว์เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาในการส่งมอบถึงสิ้นปีหน้า และ Next Step อยู่ในช่วงของการอนุมัติงบประมาณในการทำเฟส 2 แล้ว นอกจากนี้ยังมีหลายโครงการที่เราทำการบ้านด้วยกัน แต่ระยะเวลาปัจจุบันนี้มีอยู่ใน Process ในการเปิด Billing หรือว่าเปิดให้เข้าทำ งาน Engine หลักของเราในประเทศเราเนี่ยเป็นภาครัฐเป็นหลัก แล้วก็ภาคเอกชนการลงทุนค่อนข้างน้อยลงพอสมควรแต่เนื่องจากว่าภาครัฐเป็นหลักเนี่ยก็ยังมีหลาย Benefit ที่เราทำร่วมกันเนี่ยแต่ว่าอยู่ในช่วงการทำแผน ผมคิดว่าช่วงปลายปีเนี่ยจะเห็นอีกหลายโครงการที่เราทำร่วมกัน แล้วจะเป็นโครงการที่มีนัยยะสำคัญด้วย
-
รูปแบบ Synergy กับ Partner
คำถาม: ขอทราบรูปแบบ Model การ Synergy กับ Partner ของบริษัทว่ามีรูปแบบใดบ้าง
คำตอบ: เรามีทั้ง Consortium มีทั้ง Sub แต่ Joint Venture เราไม่มี Joint Venture อาจจะเป็นบริษัทใหม่ที่ทำร่วมกันอาจจะเป็น Joint Venture Consortium เนี่ยก็คือว่าเข้าไปงานคู่กันแล้วก็แบ่งความรับผิดชอบกันเลยขึ้นอยู่กับประเภทของงาน ว่างานประเภทนี้เนี่ยแบบไหนถึงจะ Utilise ความเชี่ยวชาญแต่ละบริษัทมากที่สุด พอแต่ละโครงการเนี่ยความ อาจจะเป็น ศัพท์ อีก บางครั้งเนี่ย Ditto อาจจะเป็นคนเข้า งานแล้วทำ Netbay เนี่ยเป็น ศัพท์ ของเราออกไปหรือบางครั้งเองเนี่ยโครงการที่เป็นโครงการเฉพาะทางของทาง Netbay เนี่ยก็อาจจะเป็นคน Netbay ต้องเป็นคนเข้า งานแล้วก็ Ditto เนี่ยอาจจะต้องคน ศัพท์ ของทาง Netbay ออกมาก็ได้ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนั้นเนี่ยเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตอบ โจทย์ Service แบบไหนตอบโจทย์ความเชี่ยวชาญแบบไหน
-
แพลตฟอร์มกลาง จัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก
คำถาม: แพลตฟอร์มกลางเนี่ย การจัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกเนี่ย สามารถนำไปปรับใช้กับหน่วยงานอื่น หรือบริษัทอื่นได้ไหม อย่างไร แล้วสามารถทำให้เป็น Recurring Income อย่างไรได้บ้าง
คำตอบ: แพลตฟอร์มกลางเป็นโครงการที่ทาง Netbay กับทาง ทีม G นะครับ ซึ่งตัวแพลตฟอร์มกลางเนี่ยทางเรายังไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย
-
Recurring Revenue หลักของ DITTO
คำถาม: ในปัจจุบันเนี่ยรายได้แบบ Recurring Revenue ของเราเนี่ยขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าประเภทใดมากที่สุดและหากลูกค้ากลุ่มนั้นยุติการใช้บริการเนี่ยจะส่งผลต่อภาพรวมรายได้ของบริษัทมากน้อยเพียงใด
คำตอบ: กลุ่มลูกค้าของทาง Ditto เนี่ยเราแบ่งเป็นทั้งภาคราชการนะครับรัฐวิสาหกิจแบงค์นะครับแล้วก็ยังภาคที่เป็นลูกค้าเอกชนนะครับงานของภาคราชการเนี่ยจะเป็นงานลักษณะที่เรียกว่าเบื้องต้นเนี่ยทำการเป็นโครงการก่อนนะครับโครงการก็คือเปิดโครงการแล้วก็พัฒนาระบบขึ้นมาเพื่อให้ทางหน่วยงานนั้นนั้นได้ใช้ หลังจากพัฒนาระบบขึ้นมาเสร็จแล้วส่งมอบเสร็จแล้วเนี่ยก็จะเป็นการ MA เพื่อให้ระบบใช้ งานได้อย่างต่อเนื่องนะครับแล้วก็ดูแลไปใช้งานได้ระยะยาวพอถึงเวลา MA เนี่ย5 ปีหรือว่าประมาณ 5 ปีเนี่ยก็จะมีการ ปรับ เค้าเรียกว่าพัฒนาระบบขึ้นมาอีกครั้งนึงเพราะว่าอุปกรณ์ต่างๆเนี่ยก็อาจจะเสื่อมนะครับอันนี้ภาคราชการก็จะเป็นลักษณะแบบนี้ นะ ส่วนภาคเอกชนเนี่ยก็จะเป็นรายได้อย่างของกลุ่มที่เป็นรีเทลกลุ่มลูกค้าที่เป็น BPO ของเราเนี่ยรายได้ก็จะเป็น monthly อยู่แล้วเป็น recurring ทุกเดือนอยู่แล้วแล้วสัญญายาวนะครับแล้วก็ต้องเรียนว่ากลุ่มแบงค์เองนะครับก็เป็นระบบงานโครงการแล้วก็ MA เหมือนกันนะครับแต่ว่าจะมีงานโครงการที่เราทำกับทาง KTB เนี่ยก็เป็นงานที่ทั้ง ทีเดียวเป็นโครงการขนาดใหญ่เลย 5 ปีนะครับในการทำ พัฒนาระบบเสร็จปุ๊บก็จะมีการดูแลต่อหลังจากนั้น คือผมให้คำตอบแบบนี้ว่าเนื่องจากว่าลูกค้าเนี่ยเรากระจายไปหลายกลุ่มแล้วค่อนข้างที่จะแตกต่างไปในแง่ของ Service ของเราเนี่ยไม่ได้เป็นเฉพาะเฉพาะลูกค้าหน่วยเดียวที่เดียวนะครับ งั้นโอกาสที่บอกว่าจะทำให้เราสูญเสียลูกค้าไม่ใช้บริการเราต่อจะกระทบต่อรายได้ของเราในระยะยาวมั้ย ต้องบอกว่าตอนนี้เราขยายกลุ่มลูกค้าไปทั้งหลายหลายที่แล้วแม้กระทั่งเนี่ยการมีพาร์ทเนอร์หรือว่าการที่เรา synergy อย่างมีทั้ง Netbay ทีมกรุ๊ปเข้ามาเนี่ยเปิดโอกาสให้เราเปิดโครงการใหม่ใหม่กับหน่วยงานที่เราไม่เคยเข้าไปอีกด้วยเหมือนกันนะครับอันนี้เนี่ยก็คือเป็น Service ที่เราทำอยู่แล้วเข้าไปทำให้กับอีกหน่วยงานต่างๆ ก็ต้องเรียนว่านั่นคือการแตกแล้วก็เพิ่มช่องทางเพิ่ม diversify รายได้ให้เราเพิ่มขึ้นมานะครับแล้วก็ความชำนาญก็จะ มีทั้ง Engineering บวกกับ Digital ของเราเนี่ยค่อนข้างจะเป็น Special ที่เวลาเข้าไปทำงานแล้ว ค่อนข้างที่จะไม่เหมือนใครนะครับ
-
แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2568
คำถาม: แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2568 จะดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกไหม เพราะอะไร
คำตอบ: ในปี 68 เนี่ยแค่ครึ่งปีแรกเนี่ยเรา เอ่อใน Q1 ที่ผ่านมาแล้วก็ตอนเนี้ยเราก็มีงานที่เราได้เข้ามาเอามาก็ 800 กว่าล้านแล้วนะครับแล้วก็ผมคิดว่า อ่าณ ถึงประมาณถึง Q1 มา 800 ล้านแล้วถึงปัจจุบันเนี่ยก็จะเพิ่มขึ้นอีกนะครับแล้ว Backlog ที่เข้ามาเนี่ยต้องเรียนว่าแม้กระทั่ง Q1 เรา รับรู้รายได้ไป 700 กว่าล้านนะครับแต่พอเรามีงานใหม่เข้ามา Backlog เราก็เพิ่มขึ้นนะครับแล้ว opportunity ในโครงการที่เราวางไว้เนี่ยไม่ว่าจะเป็นภายใน 4-5 ปี 2 ปีเนี้ยที่โอกาสที่เราจะทำงานมากขึ้นนะครับแล้วก็พัฒนาทีมงานให้มีงานเข้ามาอยู่ในมือมากขึ้นไปอีกนะครับแล้วก็เติบโตเนี่ยเราค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะมีงานเข้ามาอีกมากพอสมควรเลยนะครับแล้วก็ Q2 เนี่ยจากที่เห็น Q1 เนี่ยที่เราเติบโตเนี่ยก็คิดว่าจริงๆแล้วเนี่ยเราก็เรารู้ว่าเราโตนะครับแต่ว่าก็คิดว่า Q1 เนี่ยก็เกิด expect มานิดหน่อยนะครับอืมส่วน Q2 เนี่ย 2 เดือนที่ผ่านมาเนี่ยก็รายได้แล้วก็การคืบหน้าของงานเนี่ยก็ต้องบอกว่าค่อนข้างเป็นไปตามแผนนะครับเป็นตอบแบบนี้แล้วกันนะครับ
-
งานที่ประมูลและทราบผลในเร็วๆ นี้
คำถาม: มีงานเพิ่มเติมไหม ที่ประมูลแล้วและทราบผลในเร็วๆ นี้
คำตอบ: คืออันนี้อาจจะเป็นคำถาม Sensitive นิดนึงเพราะว่าบางงานที่อยู่ในช่วงการประมูลถ้ายังไม่ได้อ่า Award เป็น Official ครับ บางทีเราอาจจะไม่สามารถแจ้งทางนักลงทุนได้ยังไงเดี๋ยวถ้าเกิดสมมุติว่ามีตัวไหนที่ Official ครับเราก็จะแจ้งผลให้ทราบอีกทีนะครับ
-
ความคืบหน้า Token ป่าชายเลน
คำถาม: Token ป่าชายเลนที่อยู่ใน Process เนี่ยเป็นขั้นตอนใดนะครับ ความคืบหน้าเป็นอย่างไรครับ
คำตอบ: โทเคนของคาร์บอนเครดิตเนี่ยก็ถือว่าเป็นความภูมิใจของบริษัทนะครับแล้วก็ทางตลาดทรัพย์กลต เองเนี่ยก็ให้ความสำคัญกับ Token นี้เพราะว่าเป็น Digital Token ที่เกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมนะครับเรื่องคาร์บอนเครดิตเนี่ยเป็น Token แรกในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำนะครับแต่ความยากอย่างงี้มันอยู่ที่มันเอาสองเรื่องยากเนี่ยมาบวกกันนะครับเรื่องแรกก็คือเรื่อง Tokenization เนี่ยจริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องยากและเรื่องใหม่เรื่องนึงใน ในตลาดเลยนะครับ กับเรื่องที่สองเรื่องคาร์บอนเครดิตนะครับทีนี้การที่เราใช้เวลานานขึ้นอีกสักเล็กน้อยนะครับแต่ข้อดีก็คือว่าทำให้เรากับทั้งตลาดทรัพย์และ กลต เนี่ยได้หารือร่วมกันในแนวทางของการทำทั้ง วางแผนในอนาคตว่าเราเนี่ยมีการวางแผนที่ปลอดภัยกับนักลงทุนกับสองก็คือเรื่องการบันทึกบัญชีนะครับเพื่อให้ถูกต้องกับ เกณฑ์ของการบันทึกบัญชีที่ถูกต้องจริงๆนะครับอันนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องใหม่และเป็นเรื่องยาก วันนี้เองเนี่ยอยู่ในขั้นตอนการ Submit final เอกสารคิดว่าน่าจะไม่ได้มีติดขัดอะไรนะครับ แต่ให้เวลาแล้วก็ให้ความสำคัญเพื่อให้ความถูกต้องและรายละเอียดเนี่ยดีที่สุดเท่าที่เราจะทำร่วมกันได้ครับ
-
กระแส AI กับโอกาสใหม่ของ DITTO
คำถาม: กระแสคนใช้ AI มากขึ้นนะครับเป็นโอกาสต่องานใหม่ใหม่ของเราอย่างไรบ้างครับ
คำตอบ: เรียนว่าเป็นโอกาสของเราเลยนะโรงเรียนว่าเป็นเรื่อง AI ในปัจจุบันเนี้ยเอ่อของ เราเองทั้ง Ditto Netbay และแม้กระทั่งทีมเนี่ยเราศึกษาเรื่อง AI เนี่ยแล้วก็พัฒนาเคสต่างๆมารองเทสใช้เนี่ยค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยนะครับ แล้ว ในระยะ ผมคิดว่า ในระยะเวลาไม่นานเนี่ย น่าจะเข้าไปอยู่ในโครงการแล้วเข้าไปอยู่ในพาร์ทนึงของบรรดา user ที่เราไป Service ให้กับลูกค้าได้ด้วยนะครับ มเป็นโอกาสมากกว่าครับ
-
มาตรฐานคาร์บอนเครดิตไทยกับยุโรป
คำถาม: ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐานคาร์บอนเครดิต เข้าใจว่าของไทยเราเนี่ยจะไม่ได้รับความนิยมและราคาจะน้อยกว่ามาตรฐานทางยุโรป จึงขอทราบว่าแนวโน้มอนาคตของคาร์บอนเครดิตที่บริษัททำเนี่ยเป็นยังไง
คำตอบ: คืออย่างงี้ครับปัจจุบันกฎหมายของประเทศไทยเนี่ยยังเป็นภาคสมัครใจนะครับมาตรฐาน T เวอร์ที่ประเทศไทยมีเนี่ยเป็นมาตรฐานแบบ VCS ก็คือ voluntary นะครับก็คือเป็นภาคสมัครใจนะ ภาคบังคับของประเทศไทยเนี่ยอยู่ในกระบวนการเรียกว่า ล่างประชาพิจารณ์แล้วก็เสนอเข้า พรบ นะ แล้วคงอีกไม่นานอ่าภายในปี 2 ปีนี้ น่าจะเห็นภาคบังคับของประเทศไทยขึ้นมาได้นะครับ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ทราบปัจจัยเรื่องนี้ว่าในนานาชาติเนี่ยก็ อาจจะต้องใช้เวลาในการยอมรับ T เวอร์นะครับ เพราะกฎหมายจะต้องผ่านก่อนหรืออะไรต่างๆ นะครับเราเนี่ยก็ศึกษาแล้วก็ได้มีการทำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง Verra หรือ Gold Standard มาตรฐานอื่นๆ เนี่ยอยู่ด้วยนะครับเพื่อที่จะเอ่อเอาสิ่งที่เรามีเนี่ยสามารถไปขึ้นทะเบียน Verra Gold Standard ได้หรือไมนะครับแล้วก็ต้องเรียนว่าจากที่ศึกษาในทิศทางเนี่ยค่อนข้างไปได้ดีนะครับแล้วสิ่งที่เรามีค่อนข้างที่จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่ออ่ามี Value นะครับนานาชาติให้ Value กับโครงการMangrove มากอ่ะนะครับแล้วก็เอ่อคิดว่าราคาของตัวคาร์บอนจาก Mangrove เนี่ยน่าจะสูงกว่าคาร์บอนจากป่าทั่วๆไปนะครับแล้วค่อนข้างจะเป็นที่ๆมีน้อยนะครับแต่ว่าต้องกันเรื่องปลูกป่าแล้วก็การทำแบบชุมชนเนี่ยจะต้องมีความเกี่ยวพันแบบชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับเราด้วยนะ อันเนี้ย จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในแง่ของตัวในพื้นที่เองนะครับชุมชนเอยได้มีการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนะครับมีอาชีพมีรายได้นะครับเป็นเอ่อคิดว่า benefit ที่เกิดขึ้นมาได้นะครับอย่างงั้นเอ่อตอบโดยภาพรวมว่าทั้ง T เวอร์ทั้ง Verra เนี่ยยังอยู่ในเรดาร์ที่เรากำลังดำเนินการนะครับ
-
สรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต
คำตอบ: (ผู้บริหารท่านที่สองกล่าวเสริม) อาจจะขอเสริมนิดนึงก็คือว่าถ้ามองภาพรวมของเรื่องคาร์บอนเครดิตนะครับประเทศไทยเองนะครับก็ไปเซ็น MOU ใน คอป ต่างๆ มาทุกครั้งนะครับ ฉะนั้นเนี่ยตัวประเทศเองก็ต้องมีเป้าหมายในการลดคาร์บอนเครดิต วันนี้เนี่ยประเทศไทยเราเองเนี่ยเราปล่อยก๊าซ ถึงประมาณซัก 380 ล้านตันต่อปีนะครับคือแน่นอนล่ะเราคงไม่สามารถที่จะเอาคาร์บอนเครดิตเนี่ยมาชดเชยได้หมดนะครับในแง่ของประเทศงั้นภาคอุตสาหกรรมหรือภาคผลิตภาคบริการก็ตามที่ปล่อยคาร์บอนเครดิตเยอะๆกฎหมายใหม่ที่ภาครัฐจะออกมาควบคุมก็คือทำยังไงให้แต่ละส่วนนะฮะลดการปล่อยก๊าซออกไปให้ได้เยอะที่สุด Let say ว่าทำยังไงให้ อ่า 380 เนี่ยมันลงเยอะมากที่สุด แล้วหลังจากที่ process มันลงไม่ได้แล้วเนี่ยนะครับค่อยไปดูกันว่าเอ๊ยมันมีคาร์บอนเครดิตที่เกิดจาก section ไหนที่ทำได้บ้างนะครับ ป่าไม้เราเองเนี่ยสิ่งที่เป็นข้อดีก็คือเราเป็นภาคคาร์บอนเครดิตที่ดูดซับคาร์บอนเนี่ยกลับมาจากชั้นบรรยากาศนะครับคาร์บอนเครดิตที่เกิดจาก process อื่นอื่นเนี่ยอาจจะเป็นการลดการปล่อยนะครับงั้นคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากภาคป่าเนี่ยก็จะ มีราคานะครับสูงกว่าราคาคาร์บอนเครดิตจากประเภทอื่นอื่นทีนี้ถามว่าวันเนี้ยราคาในไทยเนี่ยยังน้อยกว่า Standard ต่างประเทศมั้ย เราก็มองอย่างงี้ครับว่าถ้าวันนึงกฎหมายออกมาบังคับใช้นะครับทุกประเทศก็ต้อง อ่าใช้คาร์บอนเครดิตฉะนั้นเนี่ยเมื่อมันเกิด demand เนี่ย แล้วซัพพลายยังน้อยอยู่เนี่ยผมเชื่อว่าราคาเนี่ยจะน้อยกว่าหรือใกล้เคียงเนี่ยอันนี้อาจจะต้องคอยดูแต่คิดว่าไม่น่าจะต่างกันจนทำให้ราคาเราเนี่ยต่างจากต่างประเทศเยอะนักนะครับเพราะมันก็มีเรื่องของต้นทุนของมันอยู่กับอีกส่วนนึง CBAM เองเนี่ยเค้าก็คอนโทรลไว้ในระดับนึงเค้าก็กังวลเหมือนกันว่าถ้าอ่าภาคผลิตที่ผลิตอยู่ใน EU เนี่ยต้องจ่ายค่าคาร์บอนเครดิตสูงกว่าอ่าภาคผลิตที่ผลิตนอก EU เนี่ยครับก็จะทำให้ผู้ผลิตที่ผลิตใน EU เสียเสียเปรียบงั้นกฎหมายเองเค้าก็มีการกันเรื่องพวกนี้อยู่แล้วว่าไม่ให้ราคาคาร์บอนเครดิตเนี่ยมันดิฟกันจนจนต่างกันเยอะมากนะครับแล้วก็เราเองเราก็ยังไม่ทิ้งนะครับยังไม่ทิ้งของเรื่อง Standard อย่างที่เรียนก็คือวันเนี้ยเราอาจจะมองเรื่องของ T เวอร์ Standard หรือ Premium T เวอร์นะครับแต่เราเองก็ยังไม่ทิ้งของ Verra และ Gold Standard แล้วก็พร้อมที่จะ manage หรือว่าอาจจะแบ่งสัดส่วนหรือว่า เอ่อ Switch ไปที่ Verra ถ้าในกรณีที่ demand เนี่ยมันมาทางนั้นอย่างชัดเจนนะครับ ฉะนั้นเนี่ยต้องบอกว่าเราก็พยายามบริหารความเสี่ยงตรงนี้อย่าง อย่างสุดความสามารถครับ
-
มาตรฐานคาร์บอนเครดิตไทยกับยุโรป (เพิ่มเติม)
คำถาม: มาตรฐานคาร์บอนเครดิตของไทยสามารถใช้สำหรับผู้ส่งออกที่ส่งออกไปทางยุโรปได้หรือไม่ ทางยุโรปยอมรับมาตรฐานของไทยหรือไม่ อย่างไร
คำตอบ: ทางยุโรปตอนนี้มีมาตรฐานภาษี CBAM ขึ้นมานะครับสำหรับสินค้าประมาณ 5 อย่าง 5 อย่างนะครับที่จะเข้ามาใช้สำหรับผู้ที่จะส่งสินค้าประเภทนี้เข้าไปทางยุโรปนะ ต้องเรียนว่าอย่างงี้ครับ เอ่อเรื่องของคาร์บอนเครดิตเนี่ยตอนนี้ทางยุโรปท่านที่ผมทราบเนี่ยเค้าได้อัปเดตเกี่ยวกับเรื่องการใช้เรื่องคาร์บอนเครดิตต่างๆที่เกิดขึ้นน่ะนะครับเอ่อปัจจุบันเนี้ยนะครับน่าจะประกาศใช้ในปีสองปีนี้ก็คือว่าเค้าอาจจะไม่ได้เอ่อกระบวนการในการทำเรื่องคาร์บอนเครดิตเนี่ยอาจจะมีความซับซ้อนมากขึ้นนะครับเพราะว่าอาจจะไม่ใช่แค่คุณทำปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอน Emission เกินแล้ว อ่าสามารถซื้อคาร์บอนเครดิตมา Offset ได้แบบนั้น แต่มันอาจจะเป็นกระบวนการที่เรียกว่า คุณจะต้องมี process ในเรื่องของการลดคาร์บอน Emission ที่อยู่ใน process ในกระบวนการการผลิตเลยนะครับ แล้วอันนี้เนี่ยต้องบอกว่าสิ่งที่เราทำอยู่เนี่ยก็จะเป็นพาร์ทที่จะสามารถตอบโจทย์ในแง่ของการลด process เรื่องคาร์บอน Emission ต่างๆให้กับบริษัทที่จะนำเข้าไปส่งสินค้าไปทางยุโรปได้ด้วยนะครับ ต้องต้องเรียนอย่างงี้ครับว่ากระบวนการที่เราทำเนี่ยเรื่องการปลูกป่าหรือการทำกระบวนการเอ่อเรียกว่า ร่วมในการสร้างธรรมชาติเนี่ยมันมีระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องถูกไหมครับสำหรับผู้ที่โดยทั่วๆไปก็คิดว่า ถึงเวลาเนี้ยเราก็มาซื้อคาร์บอนเครดิตไป Offset ได้เลยนะครับเดี๋ยวต่อไปมันจะมีความซับซ้อนมากขึ้น มากกว่านี้อีกนะครับมาตรฐานต่างๆเนี่ยอาจจะไม่ใช่แค่การซื้อมาแล้ว Offset ได้เลยแต่อาจจะเป็นเรื่องของในระหว่างทางเนี่ยคุณมีกระบวนการในการลดคาร์บอน Emission ลงอย่างไรเพื่อให้สินค้าและ product material ต่างๆที่คุณจะส่งไปทางยุโรปเนี่ยได้รับการยืนยันว่าเอ๊ยมีการมีการควบคุมเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วนะนะครับ
โดยสรุป DITTO ยังคงเติบโตได้ดีใน Q1/2568 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากธุรกิจ Data และ Engineering พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับ ESG และ Carbon Credit ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต