บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
ZEN Group ชู Sustainable Model ดันธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ปี 2568
P/E 32.33 YIELD 2.98 ราคา 5.70 (0.00%)
ZEN Group ชู Sustainable Model ดันธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ปี 2568
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**ZEN Group นำเสนอ Opportunity Day สำหรับไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน ปี 2568 โดยมีผู้บริหารนำเสนอคือ คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบัญชีและการเงิน และคุณสตีเวน เดวิด ฮอลิเดย์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานกลยุทธ์องค์กร
กลุ่มเซ็นยึดมั่นในกลยุทธ์ความยั่งยืน โดยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านอาหารและบริการแก่ผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและครอบคลุม โดยคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้รากฐานแนวคิด ZEN Model "Goodness to Growth"
ด้านสิ่งแวดล้อม เน้นการจัดการขยะและของเสีย, ก๊าซเรือนกระจก, และการประหยัดพลังงาน มีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกมาเป็นกระดาษ ด้านสังคม ดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน, บริหารทรัพยากรบุคคล, จ้างผู้พิการ, และมีส่วนร่วมกับชุมชน ด้านเศรษฐกิจ พัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง, สรรหาวัตถุดิบอย่างดี, บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า, และกำกับดูแลแบบธรรมาภิบาลและปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการทำงาน
ในไตรมาสที่ 3 มีการร่วมมือกับไทยน้ำทิพย์ในการทำ Pilot Project สำหรับร้านอาหาร 80 ล้านร้าน เพื่อนำ packaging ที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล
ทางด้านสังคม ดำเนินโครงการ "เซ็น ปันอิ่ม ปันสุข" อย่างต่อเนื่อง โดยนำอาหารไปที่สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีและบ้านพักฉุกเฉิน เพื่อสนับสนุนเด็ก, สตรี, และเจ้าหน้าที่
มีการเดินทางไปเยี่ยมเยียนโรงเรียน 2 แห่งในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นโครงการที่เซ็นร่วมสนับสนุนกับ Project Food for Good
ในด้าน Governance กลุ่มเซ็นและบริษัทในเครือ 7 แห่ง ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CAC (แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย) ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจของ ZEN Group ปัจจุบันมี 3 pillars หลัก: Restaurant Business (ร้านอาหารที่เป็นเจ้าของเอง), Franchise Business (ร้านอาหารที่เจ้าของเป็น partner), และ Manufacturing and Trading Business (บริษัทลูก ZKC และ KMF)
Restaurant Business ยัง contribute ประมาณ 70% เป็นธุรกิจหลักของ ZEN Group ในไตรมาส 3 ปัจจัยภายนอกยังไม่ค่อยดีขึ้น GDP growth ในไตรมาส 3 ของประเทศไทยยังติดลบ เทียบกับไตรมาส 2 และ year-on-year GDP โตแค่ 1% กว่าๆ การแข่งขันยังสูง Spending power ของผู้บริโภคยังไม่กลับมาเท่าไร Tourism จำนวนนักท่องเที่ยวเทียบกับปีก่อนลดลง
รายได้ของกลุ่ม Restaurant ใน 9 เดือนปีนี้ลดลง 9% Same store sales growth เทียบกับปีที่แล้วลดลงประมาณ 6% ในไตรมาส 3 เดือน 7 และ 8 same store sales growth พอๆ กับปีที่แล้ว ติดลบประมาณ 1-2% แต่ในเดือน 9 ยอดขาย same store ตกค่อนข้างมาก ประมาณ 10%
ใน 9 เดือนปีนี้ได้เปิด 2 สาขาใหม่: On the Table แบรนด์ใหม่ เปิดที่ One Bangkok และ Central Pinklao ที่เป็น flagship
ในไตรมาส 3 ได้พัฒนาแบรนด์ใหม่ Shu Shabuu ซึ่งเป็น product เกี่ยวกับ Shabuu
Franchise Business contribute แค่ประมาณ 5% Generate รายได้ไม่เยอะ แต่กำไร margin ค่อนข้างดี Same store sales growth ของ Franchise Business ก็ติดลบเหมือน Restaurant Business บริษัท take action ช่วย franchisee โดยเจรจาเรื่องค่าฟรี
ใน 9 เดือนปีนี้ ได้เปิดสาขาใหม่ 11 ที่ เป็น 7 สาขาในประเทศไทย และ 4 สาขาในต่างประเทศ (ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย) แต่ในไตรมาส 3 มีสถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชามีปัญหา Franchisee ในกัมพูชาแจ้งว่าจะหยุดสัญญากับ ZEN ซึ่งจะ impact 5 สาขา Total revenue ของธุรกิจ Franchise ใน 9 เดือนปีนี้ลดลงประมาณ 2% ไม่มาก
Manufacturing and Trading Business เป็น segment ที่มี growth ค่อนข้างดี เติบโตประมาณเกือบ 30% ในปีนี้ มีบริษัท Zen Global (ZKC) ที่ผลิตซอสต่างๆ และ King Marine ที่นำเข้า product seafood และเนื้อสัตว์
ณ สิ้นเดือนกันยายน มีทั้งหมด 300 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 50% และ franchise 50% ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ส่วน overseas และต่างจังหวัดส่วนใหญ่เป็น franchise model
ZEN และ AKA เป็น 2 แบรนด์หลัก ปีนี้ AKA มี recovery ได้ดี Same store sales เป็นบวก Share ของ AKA เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 28% เป็น 31% Thai brands อยู่ที่ประมาณ 14% Specialty หรือ premium brands อยู่ที่ประมาณ 4%
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**- การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศลาว: ZEN Group ได้เซ็นสัญญากับบริษัทโกลาว ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว เพื่อขยายธุรกิจแฟรนไชส์ โดยเริ่มต้นที่ Shopping Mall ใหม่ในเวียงจันทน์ ชื่อ Megamall โดยมี 4 แบรนด์ คือ ตำมั่ว, เขียง, On the Table, และ ZEN
- การพัฒนาแบรนด์ใหม่: การเปิดตัวแบรนด์ Shu Shabuu เป็นโอกาสในการเข้าสู่ตลาดชาบูระดับพรีเมียม
- การขยายตลาดในต่างประเทศ: การเข้าร่วมงาน Franchise Expo ในมาเลเซียและจาการ์ตา เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในภูมิภาคเอเชีย
- สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา: Franchisee ในกัมพูชาแจ้งว่าจะหยุดสัญญากับ ZEN ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ 5 สาขา
- การแข่งขันที่สูง: การแข่งขันในตลาดร้านอาหารยังคงสูง ทำให้ ZEN ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด
- กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่: Spending power ของผู้บริโภคยังไม่กลับมาเท่าไร ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของร้านอาหาร
- การช่วยเหลือ Franchisee: บริษัทได้ take action ช่วย franchisee โดยเจรจาเรื่องค่าฟรี เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
- การควบคุมค่าใช้จ่าย: บริษัทได้ควบคุมและลดค่าใช้จ่ายลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
- การกระตุ้นยอดขาย: บริษัทได้ออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค
บริษัทมีแผนที่จะ Renovate สาขาใน Prime Area ของกรุงเทพฯ เช่น Central Pinklao, CentralWorld, และ Central Ladprao นอกจากนี้ยังมีการใช้ระบบ POS ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดปัญหาในการคีย์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะ Release ระบบ CRM ใหม่ เพื่อติดต่อและ interact กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ในไตรมาสที่ 4 บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มยอดขายผ่านช่องทาง Modern Trade และเพิ่ม Synergy ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูก นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่ม Profit Margin ของบริษัทลูก โดยเพิ่มประสิทธิภาพและ support Business Growth ของบริษัทใน Pillar 3 ที่กำลังเติบโตประมาณปีละ 20-30%
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** ยังไม่มีช่วงถามตอบในคลิปนี้ **สรุป:** ZEN Group ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่บริษัทก็มีแผนที่จะรับมือและใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว