CHAYO Oppday Q2/2568: โอกาสและการเติบโตในตลาดบริหารหนี้เสีย

P/E 5.97 YIELD 2.63 ราคา 1.35 (0.00%)

CHAYO Oppday Q2/2568: โอกาสและการเติบโตในตลาดบริหารหนี้เสีย

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากไตรมาสที่แล้ว ธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงคล้ายเดิม โดยมีการเติบโตของธุรกิจจัดหาคนเข้าโรงงานอย่างต่อเนื่อง มีการขยายไปยังนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ

รายได้ครึ่งปีแรกของปี 2568 โครงสร้างค่อนข้างคล้ายเดิม โดย 90% มาจากการซื้อหนี้, 6.25% จากตัวปล่อยสินเชื่อ, 1.6% จากเล่งรัดหนี้สิน และ 1.6% จากจัดหาคนเข้าโรงงาน

รายได้รวมครึ่งปีนี้อยู่ที่ 1,077 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 105 ล้านบาท หรือ 10.84% หลักๆ มาจากการซื้อหนี้เสียมาบริหาร โตจาก 874 ล้านบาท เป็น 975 ล้านบาท หรือโตขึ้น 11.59% ในส่วนของปล่อยสินเชื่อลดลงเล็กน้อยประมาณ 8 ล้านบาท หรือ 10.65% จาก 75 ล้านบาท เหลือ 67 ล้านบาท ส่วนการตามหนี้โตประมาณ 20% จาก 13.88 ล้านบาท เป็น 17.65 ล้านบาท โตประมาณ 27.16% จัดหาคนเข้าโรงงานโตค่อนข้างเยอะ จาก 8.89 ล้านบาท เป็น 17.23 ล้านบาท โตประมาณ 93.81%

ส่วนแบ่งทางการตลาดหนี้เสีย (Market Share) ในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วจาก 2.68% เป็น 2.83% โตขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 521,665 ล้านบาท

หนี้สินในเรื่องของการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลอยู่ที่ประมาณ 177,000 ล้านบาท โตขึ้นมาจากปลายปีที่แล้วเล็กน้อย (174,000 ล้านบาท) โตประมาณ 1.5% โดยอันดับ 1 คือ Home Loan (62% หรือ 111,000 ล้านบาท), Car Loan (11% หรือ 20,600 ล้านบาท), Personal Loan (8,300 ล้านบาท), และ Credit Card (36,900 ล้านบาท)

สัดส่วนการซื้อหนี้ รายได้จากการซื้อหนี้ 30% มาจากหนี้ไม่มีหลักประกัน 70% มาจากมีหลักประกัน คล้ายกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว (34% กับ 65%)

Gross Profit Margin ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 88% ไตรมาส 2 อยู่ที่ 90% เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีที่แล้วและไตรมาส 2 ปีที่แล้ว หลักๆ มาจากการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีลงไป และคัดสรรการฟ้องให้มากขึ้น

ปัจจุบันบริหารพอร์ตซื้อหนี้ทั้งหมด 105,765 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน 19,000 ล้านบาท (18%) และมีหลักประกัน 86,000 ล้านบาท (82%) โดยในส่วนของหนี้ไม่มีหลักประกัน 34,000 ล้านบาท (39%) ตัดต้นทุนหมดแล้ว

ครึ่งปีแรกซื้อหนี้ไปแล้ว 1,879 ล้านบาท ใช้เงินไปประมาณ 105 ล้านบาท หากมองเป็นเงินลงทุนอย่างเดียว จะอยู่ที่ 5,655 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน 2,835 ล้านบาท และหนี้มีหลักประกัน 2,820 ล้านบาท

ธุรกิจให้บริการเล่งรัดหนี้สิน ครึ่งปีแรกเก็บเงินให้ลูกค้าได้ 229 ล้านบาท อัตราคอมมิชชั่นเฉลี่ย 7.7% เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีของปีที่แล้ว (200 ล้านบาท รายได้ 13.87 ล้านบาท) หากลงลึกในเรื่องสื่อสาร เก็บได้ 68 ล้านบาท คอมมิชชั่นเฉลี่ย 5% กว่าๆ รายได้ 3.42 ล้านบาท ลดลงจากครึ่งปีที่แล้ว เน้นงานสถาบันการเงินมากขึ้น

งานสถาบันการเงิน เก็บให้ลูกค้า 161 ล้านบาท คอมเฉลี่ย 8.82% รายได้ 14.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 5-6 ล้านบาท (ปีที่แล้ว 8.84 ล้านบาท) Gross Profit Margin ทำได้ดีขึ้นเนื่องจากรายได้มากขึ้น Fixed Cost เท่าเดิม

Gross Profit Margin ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 44% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว (21%) ปล่อยสินเชื่อไปประมาณ 880 ล้านบาท มียอดคงค้าง 865 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้มีหลักประกัน (96%) หนี้ไม่มีหลักประกัน Welfare 4% ที่เหลือเป็น P-Loan และ Advance Payro

ธุรกิจติดตามทวงถามหนี้มี Gross Profit Margin 88% ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ 97% Recruitment 60% ทำให้มีกำไรขั้นต้น 940 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 53 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5% เหลือกำไรจากการดำเนินงาน 886 ล้านบาท บวกรายได้อื่น 4 ล้านบาท กำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขาย 6 ล้านบาท หัก ECL 427 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงิน 147 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรก่อนภาษี 322 ล้านบาท เสียภาษี 85 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 237 ล้านบาท

สรุปงบการเงิน ไตรมาส 2 โตทั้งหมด 105 ล้านบาท รายได้รวม 1,077 ล้านบาท โตหลักๆ มาจากธุรกิจซื้อหนี้ (100 ล้านบาท) และธุรกิจจัดหาคนงาน (8 ล้านบาท) ต้นทุนทางการเงินครึ่งปีนี้ 130 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 53 ล้านบาท หลักๆ มาจาก Legal Cost ที่ลดลง ต้นทุนจากการให้บริการจัดหาคนเฉลี่ย 39-40% ครึ่งปีแรกของปีนี้ 39% (ปีที่แล้ว 15%) ไตรมาส 2 อยู่ที่ 41% ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 940 ล้านบาท มีรายได้อื่น 4.2 ล้านบาท (ค่าเช่า, ดอกเบี้ยรับ) สินทรัพย์รอการขายขายลดลง (6 ล้านบาท) ค่าใช้จ่ายการบริหารลดลงต่อเนื่อง ลดลงจากครึ่งปีที่แล้ว 4.41 ล้านบาท อยู่ที่ 53.81 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายในการเข้าตลาดลดลง) ECL ใกล้เคียงกับครึ่งปีที่แล้ว (427 ล้านบาท) เพิ่มมาประมาณ 5 ล้านบาท เพิ่มจากพอร์ต Secure ที่เราเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง 9 ล้านบาท (147 ล้านบาท) เนื่องจากมีการจ่ายหนี้คืนไปบางส่วน ส่งผลให้มีกำไรก่อนภาษี 322 ล้านบาท เสียภาษี 85 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากกำไรที่เพิ่มขึ้น) ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 237.44 ล้านบาท (ของบริษัทแม่ 174.72 ล้านบาท)

ยอดจัดเก็บเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไตรมาสที่แล้ว 175-176 ล้านบาท ไตรมาสนี้ 178 ล้านบาท แนวโน้มดี

Net Profit Margin ขยับขึ้นมาจาก 18% (ปลายปีที่แล้ว) เป็น 22% มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

สินทรัพย์ ณ 30 มิถุนายน มีอยู่ประมาณ 9,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 120 ล้านบาท การเพิ่มส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มของเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 256 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของเงินประกันซื้อสินเชื่อ 32 ล้านบาท การเพิ่มของลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นๆ 16 ล้านบาท การลดลงของเงินให้กู้ยืมสุทธิ 94 ล้านบาท และการลดลงของกระแสเงินสด 94 ล้านบาท

หนี้สิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน มีอยู่ประมาณ 5,038 ล้านบาท ลดลงจากปลายปีที่แล้ว 93.73 ล้านบาท (1.83%) โดยการลดลงส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจากสถาบันการเงิน 144 ล้านบาท และการลดลงของเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นๆ 16.5 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาษีรายได้รอตัดบัญชี 63 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ 30 มิถุนายน มีจำนวนประมาณ 4,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อน 214 ล้านบาท สาเหตุของการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คือการเพิ่มขึ้นจากกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร 159 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 41 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้ว 14.21 ล้านบาท (จากการจ่ายปันผลเป็นหุ้น)

D/E Ratio ณ วันที่ 30 มิถุนายน อยู่ที่ประมาณ 1.05 บาท ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเป็น Interest Bearing Depth จะอยู่ที่ 0.95 ROE เพิ่มขึ้นจาก 8.24 เป็น 9.71

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

โอกาสในการซื้อหนี้ยังคงมีอยู่ แต่ความสามารถในการซื้ออาจจะลดลงเล็กน้อย หากภาครัฐซื้อหนี้จากแบงค์มา และให้บริษัทเข้าไปช่วยบริหารหนี้เสีย 100,000 บาท จำนวน 3 ล้านกว่าราย จะมีรายได้เพิ่มเข้ามา

ธุรกิจเล่งรัดหนี้สินปกติ คือรับให้กับสถาบันการเงินกับสื่อสาร คาดว่าจะโต 20% ได้ไม่ยาก

ธุรกิจจัดหาคน ก็เติบโตได้ประมาณ 20%

    Ecosystem ของบริษัทจะเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
  • อยู่ในระหว่างการติดตั้ง Solar Rooftop ในการช่วยใช้พลังงานสะอาด และลดพลังงานจากการไฟฟ้า เป็นการช่วยในเรื่องของ ESG อีกทางหนึ่ง กลางวันลดการเปิดไฟ และปิดแอร์ รวมถึงจัดถังขยะแยกประเภท

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทมีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 5 รุ่น ยอดคงค้าง 3,933 ล้านบาท เพื่อขอขยายการจ่ายคืนออกไปอีก 2 ปี แต่ผู้ถือหุ้นยังไม่อนุมัติ จึงต้องมีการจัดประชุมใหม่อีกครั้ง

สถานการณ์หนี้เสียโดยรวมในตลาดยังคงสูง และอาจส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บหนี้

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

ธุรกิจปล่อยสินเชื่อคงปล่อยลดลง และไปโฟกัสหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และจะไปปล่อยพวกสวัสดิการกับ Advance Payro

บริษัทพยายามทำความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นกู้ส่วนใหญ่ และอธิบายเหตุผลความจำเป็น คาดว่าจะมีการจัดประชุมอีกครั้งในเดือนตุลาคม และคิดว่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี

    บริษัทมีการทำความเข้าใจกับทางผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่แล้ว
  • 2 รุ่นหลังขาดประมาณ 1% กว่าๆ
  • 2 รุ่นแรก มีท่านผู้ถือหุ้นไม่เข้าใจ เราก็อธิบายให้ท่านเข้าใจ ถ้าทำอะไรให้ท่านได้ เราก็จะทำให้ท่านอยู่แล้ว

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทตั้งเป้าเติบโต 20% โดยพยายามทำตามเป้าหมาย แม้ว่าครึ่งปีแรกจะทำได้ 10.84% แล้ว

แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์จะยังมีความท้าทาย แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารจัดการและเติบโตได้ตามเป้าหมาย

บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 41:01]

  1. การชำระคืนหนี้หุ้นกู้
      คำถาม: สงสัยเรื่องการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ 1,500 ล้านในเดือนพฤศจิกายน และอีกชุด 1,000 ล้านในช่วงมีนาคม 2569 บริษัทมีแผนรับมืออย่างไร หากขอมติผู้ถือหุ้นกู้ไม่ผ่าน? คำตอบ: ขอให้ผ่าน ครั้งแรกที่ประชุมไปเมื่อ 29 กรกฎาคม กับ 8 สิงหาคม สิ่งที่ต้องได้คือต้องได้รับมติในการผ่านการอนุมัติ ต้องอย่าง ผู้ที่เข้าร่วมประชุมอย่างน้อย 75% 3 รุ่นแรก ผ่านอยู่ประมาณ 60, 60 และ 71 ยังไม่ถึง 75 มติก็ยังไม่ผ่าน 2 รุ่นหลัง 8 สิงหาคม มีรุ่นนึง 73.8 อีกรุ่นนึง 74.5 หรือ .6 ซึ่งอีกนิดเดียวก็จะผ่านแล้ว การจัดประชุมนี้ เราจะมีการจัดประชุมอีกครั้ง โดยที่ว่า เราได้มีการ ทำความเข้าใจหรือพูดคุยกับทาง ผู้ถือหุ้นกลุ่มนึงที่ ที่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรา เราก็อธิบายเหตุผลและความจำเป็นให้ท่านฟัง แล้วก็ คิดว่าท่านคง คงเข้าใจมากขึ้น แล้วก็เดี๋ยวเราก็คาดว่าคงจะมีการจัดประชุมอีกที อาจจะเป็น ในเดือนตุลาคม แล้วก็คิดว่า คิดว่าก็เป็นแนวโน้มที่ดี
  2. แผนสำรองกรณีไม่สามารถขยายหุ้นกู้ได้
      คำถาม: อยากให้ผู้บริหารกล่าวถึงแผนสำรองกรณีไม่สามารถขยายหุ้นกู้ได้ เพราะขาดแผนสำรองที่ชัดเจนจะทำความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น คำตอบ: อย่างที่บอกว่าอย่าง 2 รุ่นหลังขาดประมาณแค่ 1% กว่าๆ แล้วก็ 2 รุ่นแรก มี มี มีทั้ง มีไม่ มีทั้งทูล ท่อมไม่เข้าใจ เราก็อธิบายให้ท่านเข้าใจ แล้วก็ ถ้าทำอะไรให้ ท่านได้เดี๋ยวเราก็จะทำให้ท่านอยู่แล้ว คิดว่าคงผ่าน แล้วก็ ผมว่าบริษัท ยังมั่นคงอยู่ไม่มีอะไรเพียงแต่ว่า เรา เราออกไม่ได้ด้วย สถานการณ์ ด้วยภาวะตลาด ก็เลยทำให้จำเป็นต้องขอขยายออกไป 2 ปี
  3. ดอกเบี้ยค้างรับสูง
      คำถาม: ตอนนี้ดอกเบี้ยค้างรับสูงมาก 3,900 เพราะอะไรถึงสูงมาก เมื่อเทียบกับ AMC อื่นๆ เพราะมีการรับรู้รายได้ไปก่อน แต่เก็บเงินสดไม่ได้ใช่หรือไม่ คำตอบ: มันเป็นเรื่องของตัว ตั้ง ตั้ง ค้างรับตาม ตาม ตามมาตรฐานการบัญชี แต่ว่า ถ้าจะเห็นว่าถ้ามองว่า ไอ้ 3,900 เนี่ย จะมีตัว ECL มา มาตัดออกไปประมาณซัก 2,000 กว่าล้าน จริงๆเนี่ยก็เหลือประมาณสัก 1,000 กว่าล้าน ซึ่ง ซึ่งก็ กับตัวเงินลงทุนที่เป็นตัวหนี้มีหลักประกันของเราเนี่ย คิดว่าเป็นเรื่อง เรื่อง ปกติ ไม่ได้เยอะอะไร
  4. ต้นทุนการให้บริการ
      คำถาม: ต้นทุนให้บริการและบริหารสินทรัพย์ลดลง 30 ล้านบาท จากภาวะปกติอยู่ที่ 80 ล้านบาท เกิดจากค่าใช้จ่ายในฟ้องเท่าไหร่ หรือมีหลายรายการ? คำตอบ: ส่วนใหญ่เกิดจากตัวค่าใช้จ่ายงานคดี เป็นหลัก ซึ่งปี ปีที่แล้วเนี่ยเราไล่ฟ้องค่อนข้างเยอะ แล้วก็ปี เนี้ยเรา เราก็มีการบริหารจัดการโดยที่ว่า คุยกับลูกค้าก่อน ก็ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไป แล้วก็มีแนวทางในการที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายพวกนี้มันลดลง
  5. แนวโน้มต้นทุนการให้บริการ
      คำถาม: ในไตรมาสต่อๆไปต้นทุนการให้บริการบริหารสินทรัพย์จะยังอยู่ในระดับเท่ากับไตรมาสนี้ หรือจะ...? อันนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายการขายบริหารเหมือนเดิมใช่มั้ย? คำตอบ: ก็คิดว่า คง คง คงไม่หนีกว่านี้นะครับ เพราะว่า ก็ดูจากแล้วเราไม่มี ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเซลล์ลิ่งแอด แอดแอดมินตัวนี้
  6. แนวโน้ม ECL
      คำถาม: แนวโน้ม ECL ควรจะคงอยู่ระดับ 200 ล้านขึ้นไปเช่นนี้ ใช่ไหมครับ? คำตอบ: ไตรมาส นี้เราอยู่ประมาณสัก 215 ก็ ก็ น่าจะอยู่แถวๆนี้ คงไม่ได้หนีกันมาก
  7. ความคืบหน้าการขยายหุ้นกู้
      คำถาม: รบกวนผู้ถือหุ้นเล่าความคืบหน้าเรื่องการขยายหุ้นกู้ออก? คำตอบ: (อธิบายไปแล้ว)
  8. เหตุผลในการขอขยายหุ้นกู้
      คำถาม: บริษัทมีกำไรเยอะ แต่ไม่ต้อง ขอขยาย แต่ทำไมต้องขอขยาย โฟประมาณนี้ฮะ? คำตอบ: กำไรกับตัว Cash Flow คนละเรื่องกัน จากที่เรา รายงานไปเนี่ย เรามี Cash Flow ครึ่งปีอยู่ประมาณสัก 400 408 ล้านสำหรับตัว ตัวที่รายงานไปในตัวสำหรับหนี้ ไม่มีหลักประกันกับตัวเงินรับจาก บังคับคดีบางส่วน อย่างงั้นคือเนื่องจากว่า เรา เราจะมีการพยายามออกหุ้นกู้ตั้งแต่ปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่า เรา เดือนกันยายนปีที่แล้วเราต้องจ่ายออก 1,000 นึง เราขายได้แค่ 200 แล้วเราเอาเงิน 200 บวกกับเงินอีก 7 ล้าน ก็ไปคืนหุ้นกู้ทั้งหมด แล้วก็เดือนเมษายนเองก็ตาม เราก็ ซาวด์ เสียงกับทาง อันเดอร์ไรเตอร์ว่า เฮ้ยจะขอออกอีกเนี่ย ทาง ใครเตอร์ อันเดอร์ไรเตอร์มั่นใจไหม ก็รวบรวมมาแต่ละท่านก็บอกว่าอย่างมากก็ได้แค่ 200 300 แล้วมิถุนายนเราก็ พันอีกรอบนึง จัดประชุม 20 30 เจ้าเลย ก็คำตอบเหมือนเดิมจากภาวะของเนื่องจากมีคน Default เยอะ การขายอะไรต่างๆเนี่ย ก็ทำให้นักลงทุนเนี่ย ค่อนข้าง ระมัดระวัง ไม่มั่นใจ ก็เลยว่า ท้ายที่สุดว่าอย่างงั้นเรา เราขอขยายออกดีกว่า เพื่อเป็นการ จัดการเตรียมล่วงหน้าเนี่ย เราเคยเรียกประชุมก่อนเลย เพื่อที่จะว่า ไอ้ ถึงแม้ว่าจะอาจจะถูก ทักท้วงว่าหน่อยเราก็โอเครับฟัง ก็พยายามอธิบายเหตุผลให้ท่าน ท่านเข้าใจว่า เฮ้ยเราเหตุผลความจำเป็นแบบนี้นะ แต่ว่า ในเรื่องของ Operation ในเรื่องของจ่ายคืนหุ้นกู้เนี่ยเรามั่นใจเราก็จ่ายคืนได้แน่นอน เพียงแต่ขอระยะเวลาเราหน่อยเนื่องจากเพราะว่า ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นแบบนี้ ภาวะอสังหาที่ Over Supply และแบงค์ไม่ปล่อยกู้ ไม่ปล่อยกู้ใน ในแง่ของตัว ตัว ตัว Ending ด้วยตัวของ ไอ้ ธุรกิจด้วยนะ มันก็เลย ก็ ก็ ก็ทำให้เรามีความจำเป็นต้องขอขยายออกไป
  9. มูลค่าหลักประกันหนี้เสีย
      คำถาม: หนี้ Secure Loan มูลค่า อะมูลหนี้ นะฮะ 19,000 มีมูลค่าหลักประกัน ถ้ามูลค่าหลักประกันของเรา 2,000 2,900 2,800 กว่าล้านเนี่ย เราซื้อหนี้มาที่ประมาณ เฉลี่ยนะฮะ เอ่อ 47 45% เพราะฉะนั้นถ้า ถ้าคํานวณจริงๆก็คือ สักประมาณ 6,000 กว่าล้าน ครับ 6,200 6,300 ครับ ประมาณนี้ครับถ้า 40 45% อยู่ประมาณสัก 6,200 นะฮะ ถ้า 40% ก็อาจจะเป็นสัก ก็ก็ ครับผม 6,6200 ล้าน
  10. อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ
      คำถาม: แล้วก็การปล่อยสินเชื่อ อัน secure Loan อัตราดอกเบี้ยที่แสดง 33% เป็นหนี้ที่เกิน? คำตอบ: อันนี้เป็น License นะครับ แต่ว่าเราใช้ไม่ถึงฮะ License มี Maximum ได้ 33% ครับ แต่ว่าส่วนใหญ่ที่เราปล่อยคือปล่อยในเรื่องของตัว Welfare นะฮะ อยู่ประมาณ 15%
  11. สถานะเกาะยาวใหญ่
      คำถาม: สถานะของเกาะยาวใหญ่เป็นอย่างไร หลัก หลักเราซื้อ NPL มาแล้ว? คำตอบ: เกาะยาวใหญ่ก็คือเราซื้อเป็น NPA แล้ว แล้วก็ ผู้ซื้อเดิม ที่ เขาจ่ายตังค์ไว้ 45 ล้านบาท แล้วเราก็ ก็ขอยึดเงินท่านมาเนี่ยนะฮะ ท่านก็มาร้องว่า เอ่อ การขายเนี่ยของกรมบังคับคดีไม่ชอบ แล้วเราก็ ได้ ได้ ได้ ได้แสดงเหตุผลไปที่ ที่ กรม เอ ที่ศาลแล้วนะครับ ก็คงภายในซัก กันยายนเนี่ยคงจะทราบผล และถ้าทราบผลเรียบร้อย เอ่อ ภายในธันวาเนี่ยเราคงได้เอกสารสิทธิ์ที่เป็น นส 3 มาดําเนินการ แล้วก็ทำอะไรต่อได้ครับ
  12. สัดส่วน NPL
      คำถาม: พอร์ตการปล่อยกู้มีสัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นไหม เพราะสภาพ เศรษฐกิจ แย่แบบนี้? คำตอบ: ก็ ก็มี มีบ้างนะฮะ มีบ้างแต่ก็ ก็เพราะ ไม่ได้เยอะ เพราะว่าเราไม่ได้ปล่อยใหม่แล้วในเรื่องของตัวหนี้มีหลักประกัน ก็เพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยที่ที่เพิ่มขึ้น
  13. ที่ดินพังงา
      คำถาม: ที่ดินพังงา มีแผนจะทําอะไร ยังไง เมื่อไหร่ ครับ? ตอนนี้เรื่องคดีสิ้นสุด คำตอบ: ก็เมื่อกี้เล่าให้ฟังแล้วนะครับเรื่อง เรื่อง คดีนะครับ ส่วนแผนเนี่ย มันก็ยัง เราก็ ถ้าเราได้เอกสารสิทธิ์มาเนี่ยเราก็จะไปคุยกับ กับ กลุ่มเป้าหมายเรา ทั้ง Developer ใน 241 ไร่เนี้ยเราก็คุยกับ Developer แล้วก็คุยกับ เอ่ออาจจะคุยกับโรงแรมบ้างนะครับ แต่ส่วน 19 ไร่ที่ติดกับโรงแรมดังเนี่ยนะฮะ เราอาจจะไปคุยกับท่านเผื่อท่าน อยากได้ที่ดินเราไปทํา ภูวิล่าเพิ่มเติมครับ

โดยสรุป, CHAYO ยังคงมีการเติบโตที่แข็งแกร่งจากการบริหารหนี้เสีย และการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายจากภายนอก แต่บริษัทก็มีแผนการรับมือที่ชัดเจน และยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

โพสต์ล่าสุด