บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CK ลุ้นงบ Q2/68 สวย! เอเซีย พลัส ชี้เป้า 21 บาท รับอานิสงส์ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม
P/E 7.68 YIELD 2.43 ราคา 12.40 (0.00%)
บล.เอเซีย พลัส (ASPS) คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/68 ของ CK ที่ 698 ล้านบาท โต 43% YoY หนุนจากรายได้ธุรกิจก่อสร้างและส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม พร้อมคงคำแนะนำ "Outperform" ราคาเป้าหมาย 21 บาท
ไฮไลท์สำคัญ
- คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/68 ที่ 698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% YoY จากรายได้ธุรกิจก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่ดี รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมอย่าง หลวงพระบางพาวเวอร์ และ CKP ที่มี FX Gain
- Backlog หนาแน่น 1.9 แสนล้านบาท รองรับรายได้หลักหมื่นล้านบาท/ไตรมาสต่อเนื่องอีกหลายปี
- ลุ้นประมูล 3 งานใหญ่ Double Deck, รถไฟไทย-จีน เฟส 2 และอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ
- ขายหุ้น LPCL หนุนสภาพคล่อง แม้ไม่มีกำไรพิเศษ แต่ได้เงินสด 2,765 ล้านบาท และลดความผันผวนจาก LPCL
ผลการดำเนินงาน Q2/68 ที่คาดการณ์
ASPS คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/68 ของ CK จะอยู่ที่ 698 ล้านบาท (+147%QoQ, +43%YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจาก:
- รายได้ธุรกิจก่อสร้าง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 12%YoY อยู่ที่ 10,300 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม และ M&E รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
- อัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.8% จาก Product Mixed ที่มี margin สูงจากงานก่อสร้างรถไฟฟ้ามากขึ้น
- ส่วนแบ่งกำไรตามส่วนได้เสีย คาดว่าจะรับรู้สูงถึง 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 342.5 ล้านบาทใน Q2/67 หลักๆ จาก CKP และ LPCL ที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจาก BEM อาจลดลงเล็กน้อย แม้ CK จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 40% แต่มีการหักกำไรจากงานก่อสร้างที่รับจาก BEM ตามสัดส่วนการถือหุ้น
ข้อสังเกตและแนวโน้ม
CK ยังมีมูลค่างานในมือคงเหลือ (Backlog) อีกราว 1.9 แสนล้านบาท และมีโอกาสได้รับงานใหม่เพิ่มเติม โดยมี 3 โครงการใหญ่ที่น่าจะเปิดประมูลภายในปีนี้:
- งานก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) มูลค่างานโยธา 3.5 หมื่นล้านบาท
- งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร (ตะวันออก) สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท
- โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 2 ช่วงโคราช-หนองคาย มูลค่า 2.35 แสนล้านบาท
การขายหุ้น LPCL ให้กับ TTW จะทำให้ CK ได้รับเงินสด 2,765 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่อง และลดความผันผวนจากส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนของ LPCL
สรุปและคำแนะนำ
ASPS คงคำแนะนำ "Outperform" สำหรับ CK แม้จะมีการปรับลดราคาเหมาะสมของ BEM ลง ทำให้ราคาเหมาะสมของ CK ลดลงจาก 25.00 บาท เหลือ 21.00 บาท (Implied PER 20 เท่า) เนื่องจากมองว่า CK ยังมีโอกาสเติบโตได้จากงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่จะทยอยเกิดขึ้น
ราคาหุ้น CK ปรับตัวลดลง 30% ตั้งแต่ต้นปี 2568 สวนทางกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโต 21%YoY